บทที่ 234

ขอโทษ

พนักงานเสิร์ฟโค้งตัวแสดงความเคารพ แล้วจึงเดินออกไปและปิดประตูก่อนที่ไปด้วย โม่อ้ายลี่ยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่มอึกใหญ่แล้วก็ต้องตกใจกับความร้อน

เธอมองไปที่นาฬิกา เธอมาถึงก่อนเวลาไปหนึ่งชั่วโมง…ก่อนที่จะถึงเวลาเธอก็ยังมีเวลาที่จะคิดว่าจะพูดยังไงดี

เมื่อเขาเห็นเธอเขาจะโกรธหรือเปล่า?

เขาจะชอบการแต่งตัวของเธอวันนี้หรือเปล่า?

เขาจะคิดว่าเธอสวยหรือเปล่า?

สิ่งที่โม่อ้ายลี่คิดอยู่ในใจคือความคิดเห็นของเขาที่มีต่อเธอ

ครึ่งชั่วโมงต่อมาประตูก็ถูกผลักเปิดออก และโม่อ้ายลี่ก็มองอย่างกังวลไปที่ประตู วันนี้ดูเหมือนเขาจะแต่งตัวอย่างตั้งใจซึ่งแตกต่างจากเสื้อผ้าทางการก่อนหน้านี้ วันนี้เขาสวมชุดสูทลำลองสีขาวและโดยรวมแล้วก็ดูหล่อมากๆ

เมื่อชูอี้เสิ่นเห็นโม่อ้ายลี่นั่งอยู่ในห้อง รอยยิ้มของเขาก็จางลงในทันที ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในห้องเขาก็หันหลังอยากที่จะเดินกลับออกไปทันที

โม่อ้ายลี่เห็นเขาหันหลังและอยากที่จะเดินออกไป สีหน้าของเธอซีดลงทันที เธอกำหมัดแน่นแล้วพูดออกไป “นี่เสี่ยวเสวี่ยเป็นคนขอให้นายมาที่นี่ นายแน่ใจเหรอว่าจะกลับ?” น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย

“แล้วมู่หรงเสวี่ยล่ะ?” เดิมทีชูอี้เสิ่นอยากที่จะกลับแต่เมื่อได้ยินคำพูดของโม่อ้ายลี่ เขาก้หันกลับมาอีกครั้งแล้วถามออกมาอย่างไร้ซึ่งความสุภาพ

โม่อ้ายลี่มองไปที่พนักงานเสิร์ฟและบอกให้เขาออกไป

พนักงานเสิร์ฟพยักหน้า เดินออกไปแล้วปิดประตู

“นั่งลงก่อนสิ” โม่อ้ายลี่เองก็ไม่สนใจท่าทางที่ไม่สุภาพของเขาแล้วพูดออกมา

ชูอี้เสิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อยและนั่งลงอย่างอดทน

“เสี่ยวเสวี่ยไม่มาหรอก ฉันขอให้เธอช่วยชวนนายออกมา…” โม่อ้ายลี่อธิบายเสียงต่ำ “นายผิดหวังมากที่ไม่เห็นมู่หรงเสวี่ยงั้นเหรอ?”

“แน่นอนสิว่าต้องผิดหวัง!” ชูอี้เสิ่นพูดออกมาอย่างหยาบคาย ไม่สนใจสีหน้าที่ซีดเผือดของโม่อ้ายลี่เลย “มีอะไร?! เธอขอให้ฉันออกมาทำไม?”

“ฉันโทรหานายแต่นายก็ไม่รับสาย ฉันอยากที่จะบอกอะไรนายบางอย่าง…” โม่อ้ายลี่กัดริมฝีปากและพูดออกมาเสียงเบา

ชูอี้เสิ่นนวดขมับที่รู้สึกปวด เขารู้ความรู้สึกของเธอดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะเลี่ยง เขาไม่คิดว่าเธอจะดื้อขนาดนี้

“งั้นก็พูดมา! ฉันจะฟัง” ชูอี้เสิ่นเบาเสียงที่พูดลง ไม่คิดว่าก่อนหน้านี้ที่เขาพยายามเลี่ยงแต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ นี่ควรจะพูดว่าเธอไร้เดียงสาหรือโง่ดีเนี่ย ก็รู้อยู่ชัดๆว่าคนที่เขารักคือ เสี่ยวเสวี่ย

“รู้หรือเปล่าว่าตอนที่ฉันเห็นนายครั้งแรก ฉันคิดจริงๆว่านายน่ารังเกียจและหยิ่งยโสอย่างมาก ฉันรู้สึกดูถูกผู้ชายอย่างนายจริงๆ…” โม่อ้ายลี่พูดถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่พวกเธอได้เจอกัน มือของชูอี้เสิ่นกระตุกไปเล็กน้อยตอนที่ยกถ้วยชำขึ้นมา นี่เขาแย่ขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?! “งั้นเหรอ?”

“ต่อมา ครั้งที่สองก็ตอนที่นายถูกมู่หรงทิ้ง ฉันคิดว่านายน่าสงสารมากก็เลยพานายไปกินมื้อใหญ่แล้วก็คิดว่านายคงไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้น…” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอก็หัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ครั้งนี้ชูอี้เสิ่นไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับนั่งฟังโม่อ้ายลี่บอกว่าเธอเกลียดเขามากแค่ไหนและเขาไม่อยากที่จะทำให้เธอเสียใจ น่าเสียดายที่ไม่มีใครกล้าที่จะเกลียดเด็กสาวที่พูดตรงได้ขนาดนี้ น่าเสียดายที่พวกเขาเจอกันผิดเวลาไปหน่อย หัวใจของเขากลายเป็นคนของคนอื่นไปแล้วและเขาก็อดไม่ได้ที่จะ… “ส่วนครั้งที่สามนายก็จูบฉัน…”

“ฟู่!ชูอี้เสิ่นที่เพิ่งดื่มชาเข้าไปก็พ่นออกมาทันที “เธอว่าไงนะ?! อย่ามาพูดจาไร้สาระนะ”

โม่อ้ายลี่จ้องไปที่เขาทันที “นายขโมยจูบแรกของฉันไปแต่นายก็ไม่ยอมรับ!!!!” สะอื้น “ฉันอยากที่จะบอกเสี่ยวเสวี่ย…” เธอร้องออกมา ถึงแม้เธอจะรู้ว่าครั้งที่แล้วเขาเมาและคิดว่าเธอเป็นเสี่ยวเสวี่ย นั่นเป็นจูบแรกของเธอซึ่งเธอหวงแหนมันมาก มันไม่ยุติธรรมเลยที่มีแต่เธอเท่านั้นที่จำได้

ชูอี้เสิ่นตกตะลึง เด็กสาวคนนี้จะร้องไห้ทำไม? เขาจะเตรียมใจกับเรื่องนี้ได้ยังไง? แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะพูดออกไป เขาไปขโมยจูบแรกของเธอตั้งแต่เมื่อไร?! เรื่องพวกนี้จะเอามาพูดพล่อยๆไม่ได้นะ

แต่เด็กสาวตรงหน้าเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้เขาฟัง เธอเพียงแค่ร้องไห้อีกครั้งจนแทบจะหายใจไม่ทัน ซึ่งดูน่าสงสารอย่างมาก

หลังจากเวลาผ่านไปนาน เขาก็หยิบกล่องกระดาษทิชชูที่โต๊ะและส่งให้เธอ “อย่าร้องเลย…” ดวงตาของเธอแดงก่ำจนทุกคนคงจะคิดว่าเขารังแกเธอ

โม่อ้ายลี่รับกล่องทิชชูมาและเช็ดน้ำตาตัวเอง ในตอนนี้ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอก็กลายเป็นเลอะเทอะ

“ฟู่!” หลังจากที่ชูอี้เสิ่นเห็น เชาก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา

มือที่กำลังเช็ดน้ำตาอยู่ของโม่อ้ายลี่หยุดชะงั้ก เธอถูกแกล้ง

เมื่อเห็นสีหน้าที่นิ่งของเธอ ชูอี้เสิ่นรู้เลยว่าเธอกำลังเข้าใจเขาผิดอยู่ จึงชี้ไปที่หน้าของเธอและพูดออกไป “อยากจะไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าก่อนไหม…”

โม่อ้ายลี่มองไปที่ดอกไม้และสีสันที่อยู่บนกระดาษทิชชู เธอปิดหน้าและวิ่งไปที่ห้องน้ำ

ที่หน้ากระจก ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีดำและสีแดง เธออยากให้เขาเห็นด้านที่สวยงามของเธอแต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เห็นด้านที่แย่ที่สุดของเธอ ถ้าเธอรู้แบบนี้ก็คงจะไม่แต่งหน้ามาตั้งแต่แรก

เธอเปิดน้ำด้วยความเสียใจและล้างเครื่องสำอางด้วยน้ำที่อยู่ในมือ ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่เธอจะล้างเครื่องสำอางที่หน้าจนหมด เมื่อโม่อ้ายลี่ออกมาแต่ก็ไม่เห็นร่างของชูอี้เสิ่นอยู่แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะนั่งลงย่องๆและร้องไห้ เพียงแค่เธอเข้าไปล้างหน้าเขาก็ไม่อยากที่จะรอแล้ว นี่ถ้าเป็นมู่หรงเสวี่ย เธอคิดว่าเขาก็คงจะรอจนกว่าเธอจะเสร็จ

ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไร เธอก็ยิ่งเศร้ามากขึ้นเท่านั้น เธอก็ยิ่งร้องไห้อย่างใจสลายมากขึ้นไปอีก เธอไม่อยากที่จะชอบเขาแต่เธอก็ควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ถึงแม้เธอจะรู้ว่าการมาเจอเขาก็มีแต่จะทำให้เธอเศร้า แต่เธอก็ยังอยากที่จะเจอเขา

เรื่องที่เธออยากจะพูดก็ถูกพูดออกไปหมดแล้ว ครั้งหน้าเขาก็คงจะไม่ออกมาแล้ว

เมื่อชูอี้เสิ่นเดินเข้ามา เขาก็เห็นโม่อ้ายลี่กำลังนั่งย่องๆอยู่ที่ประตูหน้าห้องน้ำพร้อมมือที่วางอยู่ที่เข่าและหัวฝังลงไปที่ขา จู่ๆเขาก็รู้สึกเจ็บในหัวใจขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าโม่อ้ายลี่ก็เหมือนกับตัวเขาเอง เขาไม่สามารถเข้าใจความเจ็บปวดที่เขาไม่สามารถช่วยได้ เพราะแบบนี้เขาถึงไม่อยากที่จะเจอเธออีก ข้อแรกคือเขาไม่อยากที่จะทำร้ายเธอ ส่วนอีกเรื่องคือเขากลัวว่าตัวเองจะรู้สึกสงสารเธอ แต่ความสงสารไม่ใช่ความรัก เขารู้เรื่องนี้ดี

เขากะพริบตาและลูบไปที่หัวของเธอ “อย่าร้องเลย…” โม่อ้ายลี่เงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจและหยดน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาจากตา พูดตามตรงนี่ไม่ใช่ภาพที่สวยเลยแต่ ชูอี้เสิ่นคิดว่าเธอโง่และน่ารักมาก

“ว้าว…ไอ้ทุเรศ…ฉันคิดว่านายกลับไปแล้ว…” ทันใดนั้นโม่อ้ายลี่ก็กระโดดเข้าใส่อ้อมแขนของเขา

ทันใดนั้นร่างของชูอี้เสิ่นก็นิ่ง เขาพยายามที่จะผลักเธอออกอย่างไม่รู้ตัวแต่เมื่อเห็นเธอร้องไห้จนแทบหายใจไม่ทัน สุดท้ายเขาก็วางมือลงและปล่อยให้เธอร้องไห้จนเลอะเทอะเขาไปหมด

จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงผ่านไป โม่อ้ายลี่ก็ค่อยๆหยุดร้องไห้ เธอมองไปที่รอยเปียกที่หน้าอกของชูอี้เสิ่นอย่างรู้สึกอับอาย

“ฉันขอโทษ…”

“ไม่เป็นไร ใจเย็นขึ้นหรือยัง?” ชูอี้เสิ่นถาม

“คือ ฉัน…ฉันชอบนาย!” โม่อ้ายลี่กัดปากตัวเองและพูดออกไปอย่างกล้าหาญ

ชูอี้เสิ่นถอนหายใจแล้วพูดออกมา “ฉันรักเสี่ยวเสวี่ยและในชีวิตนี้ฉันก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนด้วย…” เขาพูดอย่างจริงจัง

โม่อ้ายลี่ก้มหัวลง “เสี่ยวเสวี่ยมีแฟนแล้ว นายไม่รู้งั้นเหรอ?” เธอรู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นการทำร้ายเขาแต่เธอก็ยังจะพูดออกไป อันที่จริงทันทีที่เธอพูดออกไป เธอก็รู้สึกเสียใจ อย่างไรก็ตามชูอี้เสิ่นเผยรอยยิ้มขมขื่น “ฉันรู้แล้ว เสี่ยวเสวี่ยบอกฉันแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องย้ำเรื่องนี้กับฉันหรอก…”

อย่างไรก็ตาม โม่อ้ายลี่ถามออกมาอย่างตื่นเต้น “นายรู้งั้นเหรอ?! นายรู้แต่นายก็ยังรักเธอ นี่นายโง่หรือเปล่า?! ตลอดชีวิตนี้นายไม่สามารถที่จะได้อยู่กับเธอ…” หัวใจเธอเจ็บปวดแต่ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ

ชูอี้เสิ่นเงยหน้าขึ้นมาและถามเธอ “แล้วเธอล่ะ?”

โม่อ้ายลี่เองก็ถูกทิ้งแล้วสีหน้าของเธอก็ขมขื่นขึ้น ใช่ พวกเธอต่างก็โง่พอกัน

“เป็นฉันไม่ได้เหรอ?” โม่อ้ายลี่ถามอย่างไม่ลังเล

ชูอี้เสิ่นส่ายหัว “ฉันไม่หลอกตัวเอง มันไม่ยุติธรรมทั้งกับเธอแล้วก็ฉัน…เธอยังเด็ก และเธอจะได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าฉันหลายเท่า…”

“แต่คนพวกนั้นไม่ใช่นาย…” โม่อ้ายลี่ร้องไห้อีกครั้ง

ชูอี้เสิ่นมองไปที่เธอและพูดออกมาอย่างจริงจัง “ตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้เถอะ ฉันชอบเธอไม่ได้!”

สีหน้าของโม่อ้ายลี่เปลี่ยนเป็นซีดขาว นี่ตรงไปตรงมามากจนเธอไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปรบกวนเขาอีก…เขาไม่เหลือพื้นที่ให้เธอเลย

“ฉันขอโทษ…” ชูอี้เสิ่นหันหลังแล้วเดินออกไป เขาไม่ควรที่จะปลอบหัวใจที่เจ็บปวดของโม่อ้ายลี่ ไม่งั้นเขาก็มีแต่จะลากเธอลงนรกแทนที่จะได้ช่วยเธอ

โม่อ้ายลี่ยึดมั่นที่จะอยู่ในจุดที่เธออยู่ เธอรู้สึกเสียใจที่ครั้งนี้ได้มาเจอเขา

ถ้าเราไม่เจอกัน อย่างน้อยเธอก็ยังหลอกตัวเองได้

ถ้าเธอไม่เข้าใจ อย่างน้อยเธอก็ยังสร้างฝันของตัวเองได้

ตอนนี้ความรักของเธอได้เหลวแหลกลงไปก่อนที่จะได้เริ่มซะอีก เธอไม่มีโอกาสได้ประนีประนอมเลยด้วยซ้ำ ทำไมต้องเป็นเสี่ยวเสวี่ยด้วย? เธอไม่มีแม้แต่ทางออกที่น่าอิจฉาได้เลยด้วยซ้ำ