บทที่ 235
ไม่สามารถปกปิดได้
เมื่อมู่หรงเสวี่ยเดินออกมา เธอก็เห็นพี่โม่ที่อยู่ด้านข้างยังคงฝึกอยู่และร่างกายของเขาก็เปล่งประกาย ดูเหมือนว่าความเร็วในการฝึกก็เร็วอย่างมากด้วยจนเกือบที่จะตามเธอทันแล้ว ครั้งนี้เธอไม่ก้าวหน้าเท่าไร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการฝึกเริ่มที่จะยากขึ้นเรื่อยๆหรือเปล่า ถึงแม้จะไม่มีเวลามากเหมือนครั้งที่แล้วแต่ก็ไม่น้อยเท่าไร แต่ก็ยังไม่ก้าวหน้าเลยสักนิด
มู่หรงเสวี่ยเดินออกไปข้างนอกโดยไม่รบกวนพี่โม่ เธอคิดว่าเธอควรที่จะให้คุณปู่คุณย่ามาฝึกด้วย ไม่งั้นช่วงเวลาที่อยู่ในมิติลับก็คงจะยากอยู่สักหน่อย นอกจากนี้ถ้าพวกท่านมาฝึกด้วย พวกท่านก็จะมีวิธีไว้ป้องกันตัวด้วย
เมื่อมู่หรงเสวี่ยเดินมาหาคุณปู่คุณย่า เธอก็เห็นว่าท่านทั้งสองกำลังมองมาที่เธออย่างจริงจัง
“คุณปู่คุณย่า มีอะไรงั้นเหรอคะ?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างสงสัย
“เสี่ยวเสวี่ยบอกเรามาตามตรงนะ พ่อแม่ของหลานอยู่ที่ไหน?” คุณปู่ถามออกมาอย่างจริงจัง
สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยสะดุ้ง แล้วก็เผยรอยยิ้มไม่เป็นธรรมชาติและพูดออกมา “คุณพ่อคุณแม่ก็อยู่ที่บ้านไงคะ!”
คุณปู่จ้องมองเธอลึกเข้าไปอีกแล้วจึงพูดออกมา “ถ้าเป็นอย่างนั้น งั้นวันนี้หลานก็พาเราออกไปเจอพวกเขาทีสิ ปู่คิดถึงพวกเขามากเลย…”
มู่หรงเสวี่ยเงียบไปชั่วขณะแล้วจึงพูดต่อ “คุณปู่คะ ไว้ครั้งหน้านะคะ ช่วงนี้หนูไม่ค่อยว่างเลย…” เธอเองยังไม่เชื่อข้ออ้างนี้เลย
“มู่หรงเสวี่ย!” คุณปู่เรียกเธอด้วยเสียงดัง
มู่หรงเสวี่ยกำหมัดแน่น อันที่จริงเธอเองก็รู้ว่าตัวเองคงจะปิดเรื่องนี้ไว้อีกไม่ได้นานแต่เธอคิดว่ามันก็คงจะผ่านไปได้เป็นวันๆไป
คุณปู่คุณย่าแก่แล้วและเธอกลัวว่าพวกท่านจะทนไม่ได้อีก
เธอมองไปที่คุณปู่แล้วก็คุณย่าและพบว่าทั้งสองกำลังจ้องมาที่เธอ
หลังจากที่เงียบอยู่นาน มู่หรงเสวี่ยก็พูดออกมา “หนูเองก็ไม่รู้ว่าพวกท่านอยู่ที่ไหนเหมือนกัน!”
คุณปู่คุณย่าต่างก็มีสีหน้าตกใจ “มันเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?”
มู่หรงเสวี่ยฝืนตัวเองให้หัวเราะ แต่น้ำตาก็อดไม่ได้ที่จะไหลออกมา เธอเองก็เป็นห่วงพ่อแม่อย่างมาก “หนูก็ไม่รู้ค่ะ วันนั้นที่หนูออกมาช่วยพวกท่าน แล้วพวกเราทั้งสามคนก็เข้ามาในมิติลับ ในตอนนั้นพวกท่านสลบอยู่เพราะกลืนยาไปเกินขนาด ในระหว่างนั้นหนูออกไปข้างนอกครั้งหนึ่งและพอกลับเข้ามาอีกครั้งพวกท่านก็หายไปแล้ว ไม่ว่าจะตามหายังไงก็ไม่เจอพวกท่านเลย…”
“หื้อหื้อ…หนูสงสัยว่าพวกท่านจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว หนูอยากที่จะตามหาพวกท่าน…” มู่หรงเสวี่ยพูดในระหว่างที่ร้องไห้ไปด้วย
“ทั้งหมดเป็นความผิดของหนูเอง ถ้าไม่ใช่เพราะหนู พวกท่านก็คงไม่หายตัวไป…” นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หรงเสวี่ยร้องไห้ราวกับเด็กต่อหน้าผู้เฒ่าทั้งสอง
ถึงแม้ทั้งสองจะคิดไว้แล้วว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น แต่พวกท่านก็ยังอดไม่ได้ที่จะหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินความจริงนี้
หลังจากที่ร้องไห้อยู่นาน สุดท้ายมู่หรงเสวี่ยก็หยุดร้อง
“หนูคิดว่าพวกท่านหายเข้าไปในห้วงเวลาและมิติลับ…” มู่หรงเสวี่ยพูดสิ่งที่เดาอยู่ในหัวใจออกมา
“อะไรนะ มันจะเป็นไปได้ยังไง?” คุณปู่แทบจะห้ามไม่ให้ร่างกายตัวเองสั่นเทิ้มไม่ได้ คุณย่าเองก็มีน้ำตาเอ่อล้น
“จำครั้งที่แล้วที่หนูถามเรื่องกำไลนี้ได้ไหมคะ?” มู่หรงเสวี่ยพูดต่อ
“นั่นเป็นแค่ตำนานของตระกูล มันจะเป็นเรื่องจริงไปได้ยังไง?” คุณย่าพูดเสียงสั่น
“คุณย่าคะ หนูเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงแต่หนูเจอหลุมดำแปลกๆตรงน้ำตก หนูคิดว่าพวกท่านอาจจะพลัดตกลงไป…”
ชั่วขณะหนึ่งคุณปู่คุณย่าก็แทบจะรับความจริงไม่ได้ว่าลูกชายและลูกสะใภ้ของพวกท่านไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว พวกท่านจะยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไง
“ย่าจะไปตามหาพวกเขาเอง…” คุณย่าพูดพร้อมด้วยร่างกายสั่นๆที่พยายามเดินไปที่น้ำตก
“ไปกันเถอะ ฉันจะไปด้วย…” และคุณปู่ก็เดินตามท่านไป
“คุณปู่ คุณย่าคะ…หนูขอร้องล่ะค่ะ…” มู่หรงเสวี่ยร้องไห้พร้อมนั่งลงคุกเข่า เธอเสียพ่อแม่ไปแล้วและจะยอมให้คุณปู่คุณย่าไปเสี่ยงไม่ได้อีก
พวกท่านหันกลับมามองและเห็นมู่หรงเสวี่ยที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้นจึงหยุดเดิน
“หนูมู่หรง เราต่างก็แก่แล้ว ไม่มีประโยชน์แล้วงั้นให้พวกเราออกไปตามหาเถอะ…”
“ไม่ค่ะ หนูเองก็จะไปด้วย…หนูขอร้องล่ะค่ะ…หนูจะเสียคุณปู่คุณย่าไปอีกไม่ได้…” มู่หรงเสวี่ยร้องไห้ ในเมื่อคุณปู่คุณย่ารู้เรื่องแล้วงั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องปิดบัง การแก้แค้นหรือเรื่องอื่นใดไม่สำคัญเท่ากับพ่อแม่ของเธอแล้ว
“เด็กน้อย หลานยังเด็ก เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะมาเกิดกับหลานเลย…” คุณปู่พูด
มู่หรงเสวี่ยร้องไห้จนพูดอะไรไม่ออก ในชีวิตที่แล้วเธอโทษตัวเองที่ทำลายตระกูลมู่หรง ในชีวิตนี้เธอจะต้องปกป้องพวกท่านทุกคน
ทั้งสามคนต่างก็กอดกันและร้องไห้อยู่นาน
สุดท้ายก็ไม่มีใครอยากที่จะปล่อยใครเลย แต่มู่หรงเสวี่ยตัดสินใจแล้วว่าจะออกตามหาพ่อแม่ของเธอ แต่เธอเองก็เป็นห่วงคุณปู่คุณย่าที่อยู่ในมิติลับ เธอกลัวว่าพวกท่านจะอดไม่ได้และกระโดดลงไปช่วยด้วย มีอีกเรื่องนั่นคือถ้าเธอเข้าไปในห้วงเวลาและมิติลับ กำไลมิติลับนี่จะยังอยู่ในโลกหรือตามเธอเข้าไปด้วย เธอก็ไม่อาจคาดเดาได้
แล้วถ้าคุณปู่คุณย่าที่อยู่ในมิติลับเองก็ต้องตามเธอเข้าไปด้วยล่ะ?!!
ตอนนี้มู่หรงเสวี่ยนึกถึงคนเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือ ฮวงฟูอี้ ไม่มีใครที่จะปกป้องพวกท่านได้นอกจากเขา
เสี่ยวเข่อลี่ยังมีชีวิตอยู่ซึ่งทำให้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเลยแต่ไม่ว่าแก๊งโม่จะหาที่อยู่ของเธอเจอหรือเปล่า มู่หรงเสวี่ยก็จะพาคุณปู่คุณย่าออกไปจากมิติลับ
พวกท่านไม่อยากที่จะออกจากมิติลับ มู่หรงเสวี่ยไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่พวกท่านต้องการเลย หลังจากที่เธอออกไปพวกท่านจะต้องออกไปตามหาพ่อแม่ของเธอแน่ๆ แล้วเธอจะปล่อยให้พวกท่านอยู่ที่นี่ต่อได้ยังไง
มู่หรงเสวี่ยพาคุณปู่คุณย่าขับรถตรงไปที่ดราก้อน พาวิลเลี่ยน เมื่อเธอเจอพวกการ์ด ไม่มีใครขวางทางเธอเลย
แต่เธอก็ยังเข้าไปในห้องทำงานของฮวงฟูอี้ไม่ได้อยู่ดี มันช่วยไม่ได้ มู่หรงเสวี่ยจึงทำได้เพียงตามหาหลงอี้โดยตรง
“คุณมู่หรง!”
“หลงอี้ ฉันขออะไรนายหน่อยได้ไหม?” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมใบหน้าที่สง่างาม
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?” ในหัวใจของหลงอี้มีความสุขมาก อันที่จริงเมื่อดราก้อนมาสเตอร์รู้ว่ามู่หรงเสวี่ยออกไปพร้อมคุณปู่คุณย่า เขาก็โกรธเกรี้ยวอย่างมาก
ตอนนี้คุณมู่หรงกลับมาพร้อมผู้เฒ่าทั้งสอง นี่จะต้อง…ฮ่า ฮ่า…หัวใจของหลงอี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ช่วยคุ้มครองความปลอดภัยให้คุณปู่คุณย่าฉันทีได้ไหม?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“หนูมู่หรง หลานกำลังจะทำอะไร?” คุณปู่ถาม
“ใช่ เราไม่อยากจะอยู่ที่นี่…” คุณย่าเองก็พูดออกมาอย่างเป็นกังวล
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจผู้เฒ่าทั้งสอง เธอเพียงแค่มองไปที่หลงอี้
“แน่นอนว่าผมสามารถที่จะปกป้องท่านทั้งสองได้ ดราก้อนพาวิลเลี่ยนยังทำเรื่องนี้ได้…แต่คุณมู่หรงไม่ไปพบดราก้อนมาสเตอร์เหรอครับ?” ถ้าดราก้อนมาสเตอร์รู้ว่าคุณมู่หรงอยู่ที่นี่ ท่านก็คงจะมีความสุขอย่างมากแน่ๆ
“ไม่ล่ะ เขาไม่อยากที่จะเห็นหน้าฉัน…” ก่อนที่เธอจะเข้ามา เธอทั้งโทรและส่งข้อความหาเขาแล้วแต่เขาก็ยังไม่ตอบกลับเธอเลยสักนิด
ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่อยากที่จะเห็นหน้าเธอแต่เธอก็เลือกที่จะเชื่อเขา
หลงอี้พามู่หรงเสวี่ยและท่านทั้งสองกลับไปที่ห้องเดิมที่พวกท่านเคยอยู่ก่อนหน้านี้ หลังจากที่เข้าไปในห้องแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็คุกเข่าลงเบื้องหน้าผู้เฒ่าทั้งสอง
“คุณปู่คุณย่าค่ะ หนูจะต้องพาคุณพ่อกับคุณแม่กลับมาอย่างปลอดภัยได้อย่างแน่นอนค่ะ ก่อนที่จะถึงตอนนี้ช่วยดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะคะ?”
“ไม่นะหนูมู่หรง ไม่มีทางเด็ดขาด!” หลังจากที่ได้ฟังเรื่องนี้ คุณปู่คุณย่าก็รีบร้องห้ามขึ้นมาทันที
มู่หรงหันหัวกลับไปมองหลงอี้ที่มีท่าทางประหลาดใจ “หลงอี้ นายออกไปก่อนได้ไหม? ฉันมีเรื่องที่ต้องพูดกับคุณปู่คุณย่า…”
ถึงแม้หลงอี้จะรู้สึกสับสน แต่เขาก็ยังเคารพมู่หรงเสวี่ย เขาพยักหน้าและเดินออกไป
หลังจากที่หลงอี้เดินออกไป มู่หรงเสวี่ยก็เล่าเรื่องชีวิตที่แล้วของเธอให้พวกท่านฟัง รวมทั้งเรื่องความรู้สึกผิดที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจเธอ
สุดท้ายเธอก็ได้รับคำอนุญาตจากคุณปู่คุณย่า เธอพยักหน้าและสัญญาว่าจะกลับมา
มู่หรงเสวี่ยหยิบน้ำแห่งจิตวิญญาณและสมุนไพรออกมาจากมิติลับ รวมทั้งอื่นๆด้วย ของทุกอย่างถูกตั้งกองไว้ในตู้เก็บของในห้องของคุณปู่คุณย่า เธอย้ำแล้วย้ำอีกให้พวกท่านกินของพวกนี้ให้ตรงเวลาและให้รอคุณพ่อคุณแม่ของเธอกลับมาด้วยสุขภาพที่แข็งแรง
หลังจากที่กอดพวกท่านอยู่นาน มู่หรงเสวี่ยก็บังคับตัวเองให้กล่าวลากับผู้เฒ่าทั้งสอง ก่อนที่เธอจะไป เธอยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ
อย่างแรกคือเรื่องบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ป มู่หรงเสวี่ยบินกลับไปที่จังหวัดAเพื่อพบกับพี่กู่และคนอื่นๆ เธอไม่ได้พูดอะไรมาก เธอเพียงแค่เตรียมสมุนไพรและน้ำแห่งจิตวิญญาณไว้ให้บริษัท เจวี๋ยลี่กรุ๊ปสำหรับ 5 ปี เธอขอให้พวกเขาดูแลเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ป สุดท้ายเธอก็บอกว่าตัวเธอเองจะหายไปนานหน่อยและทุกอย่างฝากให้พวกเขาจัดการ
ตอนแรกทั้งสามรู้สึกเป็นกังวลและถามซ้ำไปซ้ำมา อย่างไรก็ตามมู่หรงเสวี่ยฏิเสธที่จะพูดอะไรอีก เธอพูดเพียงเท่านั้น
สุดท้ายพวกเขาก็ทำได้เพียงสัญญากับมู่หรงเสวี่ยว่าพวกเขาจะดูแลบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปอย่างดีและรอเธอกลับมา
หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ไปที่มู่หรงกรุ๊ปเพื่อพบกับหลินหงและอธิบายแบบเดียวกันนี้