บทที่ 367 รีบเซ็นหย่าเถอะ

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“เขารับปากว่าจะเซ็นหย่าแล้วหรือยัง?”

“น่าจะรับปากแหละ ทางเดินในตอนนี้เต็มไปด้วยทางตัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รับปาก ฉันก็จะหย่าอยู่ดี ความคิดนี้ไม่เปลี่ยนแน่!”

“หย่าเถอะ ให้ตัวเองได้สบายและสงบ” เชอร์รีนตบที่หลังเธอเบาๆ

คนทั้งสองอยู่เป็นเพื่อนเธอนาน ลองพูดโน้มน้าวเธอ ปลอบใจเธอ ให้เธอนั้นสบายใจขึ้น

ช่วงบ่ายหัสดินเข้ามา ยู่ยี่เก็บสายตา บนร่างของเธอสวมเสื้อคนไข้สบายๆ “ใบหย่าเอามาแล้วหรือยัง?”

หัสดินก็ไม่พูดว่าอะไร ชำเลืองมองที่เธอ

“ไม่ต้องมองฉันอย่างนั้น อยากที่จะพูดว่าฉันมันจิตใจโหดเหี้ยมใช่หรือเปล่า ดังนั้นหย่ากันเถอะ ไม่งั้นแล้วฉันจะทรมานคุณไปตลอด ให้คุณไม่ได้อยู่ดี!” ภรรยาที่น่ารักในอดีตกลับแปรเปลี่ยนถึงขั้นนี้

กลับเป็นคนที่ไม่รู้จัก ไม่รู้จักกันเลยจริงๆ ยู่ยี่ในตอนนี้ทำให้หัสดินรู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นปีศาจ เป็นคนบ้า

ตอนที่เขามายังมีใจที่เหนี่ยวรั้งเรื่องการแต่งงานนี้ไว้ จริงๆก็คิดตกได้ประมาณนึงแล้วล่ะว่าเด็กก็ไม่มีแล้ว นี่เป็นความจริงไม่อาจจะแก้ไขได้ วันหลังพวกเขาค่อยมีใหม่ก็ได้

ถึงอย่างไรคนทั้งสองก็อยู่ด้วยกันมาเจ็ดแปดปีแล้ว ผ่านและเจออะไรมาด้วยกัน ถึงแม้ใจเขาจะเกิดความรู้สึกไม่ชอบ รำคาญเธอ แต่สุดท้ายก็มีมิตรภาพเก่าๆด้วยกันอยู่

ดังนั้นเขาจึงคิดว่าถ้าเหนี่ยวรั้งไว้ได้ก็พยายามที่จะเหนี่ยวรั้ง เป็นการแต่งงานที่มีมาสี่ปี และรู้จักกันมาเจ็ดปี

“ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลังเลอีกต่อไป เซ็นชื่อซะ! ไม่งั้นแล้วชีวิตของคุณต่อจากนี้จะต้องถูกฉันก่อกวนจนไม่ได้เกิดแน่!”

หัสดินยังคงไม่พูดอะไร ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สายตาดำขลับ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“จริงๆฉันก็ดูคุณไม่ออกนะ ตอนอยู่มหาลัยคุณไม่ชอบเรนนี่ไม่ชอบอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง แต่คนที่คุณไปนอนด้วยกลับเป็นมัน คุณไม่รู้สึกสะอิดสะเอียนบ้างหรอ?”

ได้ยินดังนั้น ในที่สุดสีหน้าของหัสดินก็เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว

“ถ้าไม่หย่า ฉันเจอเรนนี่เมื่อไหร่ฉันก็จะตบมันเมื่อนั้น ไม่แน่มันอาจถูกฉันตบจนตาย!”

ปฏิกิริยาสีหน้าของเขาถือว่าเธอได้ไปสะกิดจุดอ่อนของเขาไหม?

ในที่สุดหัสดินก็ดูออกว่ายู่ยี่ไม่ใช่ยู่ยี่คนเดิม เธอเปลี่ยนไปมาก ให้ความรู้สึกแตกต่างราวกับเป็นคนละคน

แค่เพียงคิดอีกครั้งว่าจะเหนี่ยวรั้งหัวใจของเธอ อยากที่จะรั้งคนนึงไว้เพียงเพื่อแค่อยากจะทรมานผู้หญิงของเขา เขารู้สึกว่าน่าขัน

เป็นเธอเองที่เป็นคนทำให้ฟางเส้นสุดท้ายระหว่างพวกเขาต้องขาดกัน!

เดิมทีเขาไม่คิดอยากที่จะหย่า แต่ว่าเธอใช้วาจาทำร้ายคนอื่นมากเกินไป เธอไม่ใช่ยู่ยี่คนเดิมแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว…..

เขานั่งบนโซฟาโทรศัพท์หาทนาย ให้ทนายเอาใบหย่าเข้ามา

คนทั้งสองอยู่ในห้องเดียวกัน คำของเขา เธอได้ยินอย่างชัดเจนแจ่มชัด มือที่อยู่ข้างกายกำแน่น

ความสัมพันธ์ที่มีมาเจ็ดปี ในที่สุดเวลานี้ก็ได้ทำให้มันสิ้นสุดลงแล้ว….

ความรักของช่วงมหาลัยนั้นบริสุทธิ์และจริงแท้ ไม่สามารถที่จะต่อต้านความจริงและกัดกร่อนมันได้…..

ทนายรวดเร็วมาก ราวๆครึ่งชั่วโมงให้หลัง ทนายก็เข้ามาด้วยสีหน้าที่เร่งรีบพร้อมนำใบหย่ามาด้วย

คนทั้งสองไม่มีลูก ดังนั้นสิทธิ์ในการเลี้ยงดูด้านนี้จึงตัดออกไป ปัญหาที่เหลืออย่างเดียวในตอนนี้คือเรื่องทรัพย์สิน

หลังจากที่จบมหาวิทยาลัย ยู่ยี่ก็ไม่ได้ออกไปทำงาน เธอแต่งงานกับหัสดินเลย เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลภูษาธร หลายปีมานี้เธอไม่มีรายได้

ช่วงเวลาที่รักแบบสุดๆ คำมั่นสัญญาและคำบอกรักหวานๆต่างน่าฟังและทำให้รู้สึกมีความสุข

ตอนที่อยู่มหาลัย มือของหัสดินโอบที่ไหล่ของเธอ ดวงตาเรียวยาวหรี่เปล่งประกาย ภรรยาจ๋าหลังจากที่พวกเราแต่งงานกัน คุณไม่จำเป็นต้องออกไปหางานทำ ไม่เพียงแต่เหนื่อยแต่ยังกระทบชีวิตงดงามของสามีภรรยาอย่างพวกเราด้วย คุณอยู่บ้านนี่แหละ เดี๋ยวสามีหาเงินมาให้ใช้จ่าย!

จนกระทั่งเวลาหย่าในขณะนี้ เธอถึงรู้สึกถึงความชัดเจนว่านั่นมันรับไม่ได้ แต่งงานมาสี่ปี นอกจากเงินที่เขาได้ให้เธอแล้ว ตัวเธอก็ไม่มีเงินอะไรติดตัวเลย

“สามเปอร์เซ็นต์ของหุ้นในนามคุณชายหัสดินยกให้ภรรยา” ทนายพูด ตอนนี้หุ้นที่คุณชายหัสดินถืออยู่ในบริษัทคือหกสิบเปอร์เซ็นต์ หุ้นส่วนที่เหลือสี่สิบเปอร์เซ็นต์อยู่ในมือของคุณท่านตระกูลภูษาธร ถ้าคุณท่านตระกูลภูษาธรเกษียณแล้ว หุ้นที่เหลือเหล่านั้นก็จะเป็นในนามคุณชาย แต่เวลาเกษียณของคุณท่านตระกูลภูษาธรอยู่ในต้นเดือนหน้า

แต่คนทั้งสองหย่ากันในตอนนี้ ดังนั้นภรรยาก็จะเอาไปได้แค่สามเปอร์เซ็นต์ ข่าวเกี่ยวกับการเกษียณของคุณท่านตระกูลภูษาธรเป็นเรื่องวงใน ภรรยาไม่สามารถรู้ได้แน่นอน

แต่จะว่าไปหุ้นสามเปอร์เซ็นต์ของภูษาธรกรุ๊ปก็ถือว่าไม่น้อย สำหรับผู้หญิงตัวคนเดียว เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆก็ไม่เป็นปัญหา

“ฉันทราบแล้วค่ะ” ยู่ยี่พยักหน้า แล้วถามว่า “เซ็นตรงไหนคะ?”

ถ้าไม่มีหุ้นเหล่านี้ เธอจะเป็นคนที่ไม่มีอะไรติดตัวเลย ขนาดชีวิตของตัวเองก็เป็นปัญหา

ความจริงไม่ใช่นิยาย ในเรื่องราวของนิยายเอาเช็คโยนทิ้งอย่างไม่แคร์ หลังจากนั้นก็เดินเชิ่ดๆจากไป แต่ในความเป็นจริง ถ้าไม่มีสิ่งนี้ก็ก้าวต่อไปยาก โดยเฉพาะสำหรับตัวเธอเองในตอนนี้ สำหรับสังคมตอนนี้ที่แสวงหาวัตถุในทุกๆที่ เธอไม่ได้เป็นคนสูงส่ง เธอก็แค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง

“ตรงนี้ครับ” ทนายชี้ที่ที่ให้เซ็นชื่อ

สายตาก้มต่ำ ยู่ยี่ถือปากกา มือชะงักไปหลายวิ มือกับหัวใจถูกฉีกขาดในเวลาเดียวกัน เจ็บอย่างที่สุด เธอหลับตาลงหลังจากนั้นก็เซ็นชื่อของตัวเองลงไป

หัสดินรับปากกาจากทนาย ตากระพริบปริบๆ ช่วงเวลาสั้นๆก็เซ็นชื่อของตัวเองลงไป

“พรุ่งนี้บ่ายสอง พวกเราเจอกันที่หน้ารั้วอำเภอ พวกของที่วางอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ เดี๋ยวผมเข้าไปเก็บให้”

“ตามใจ….” หัสดินพูดออกมาสองคำ ดวงตาเล็กเรียวหรี่มองขึ้นไปด้านบนแล้วกลับมามองผู้หญิงที่เดินกับตัวเองมาเจ็ดปีที่อยู่หน้าเขา แล้วก็เดินออกจากห้องผู้ป่วย

ในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้จบลงแล้ว ในการแต่งงานนี้ เธอเจ็บหนักที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เธอเสียช่วงเวลาวัยรุ่นไปเจ็ดปี เหมือนกับที่สูญเสียเด็กคนนั้นที่อยู่ในท้อง ถึงจุดสุดท้ายก็ยังคงต้องตัวคนเดียว ไม่เหลืออะไร

ตอนบ่ายเธอกลับมาที่อพาร์เม้นท์ หัสดินไม่ได้อยู่บ้าน แม่บ้านกำลังเก็บข้าวของ เห็นเธอเดินเข้ามาก็ถามด้วยความดีใจว่าจะกินอะไร

ยู่ยี่ส่ายหน้าแล้วเดินกลับเข้าห้องนอน เธอเก็บข้าวของของตัวเองจนหมดและใส่กระเป๋าเดินทาง

ผ้าม่าน ผ้าปูเตียง รวมไปถึงชุดจาน ตั้งแต่ใหญ่จนเล็กของอพาร์ทเม้นท์นี้ ทั้งหมดเธอเป็นคนจัดวางเอง ความรู้สึกนั้นลึกซึ้งมากเกินไป จะตัดใจได้ยังไง?

น้ำตากำลังไหลออกมา เธอใช้สองมือปิดปากไม่ให้ส่งเสียง รูปภาพแต่งงานเธอทิ้งลงในถังขยะ

เปลือกผลไม้ชิ้นนึงอยู่ที่ชุดแต่งงานสีขาวของเธอ ดูเหมือนจะสกปรก ก็เหมือนกับจุดดำที่ติดไว้ในการแต่งงานในครั้งนี้

เธอตัดใจไม่ลง เจ็บหัวใจ คล้ายกับมีดคมที่กำลังแทงเข้ามาเบาๆ แต่เธอกลับต้องเอามันทิ้งลงไป

การแต่งงานของเธอและเขาเริ่มอย่างยิ่งใหญ่ เมืองSน้อยคนที่จะไม่รู้ว่าเธอได้กลายมาเป็นหงส์และแต่งงานกับหัสดิน แต่การแต่งงานของเธอและเขาต้องมาจบแบบที่ไม่มีเสียงอย่างนี้…..