สิ่งเหล่านี้เป็นอดีตที่เธอสูญเสีย ตลอดไป ตลอดไปไม่หวนคืนมา
การแต่งงาน ความรัก สามี ลูกของเธอ ในช่วงพริบตาเดียวก็มลายไปสิ้น
สุดท้ายสายตาก็หันไปกวาดมองในห้องนอนอย่างหวนคิดถึง เธอถือกระเป๋าเดินทางออกมา แม้ว่าใจจะยังตัดไม่ได้แต่ก็ต้องตัด
มือของแม่บ้านถูบนผ้ากันเปื้อน ถอนหายใจเบาๆ “คุณผู้หญิง”
“หลังจากนี้เจอหน้ากันอย่าเรียกอย่างนี้นะ ลาก่อน” ยู่ยี่เอ่ยปากพูดขึ้น แล้วก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
ฟ้าได้มืดสนิทแล้ว ลมที่พัดเข้ามาพานำความหนาวเย็นเข้ามาด้วย เธอยื่นมือไปดึงเสื้อคลุมบนร่างกาย
เมืองSใหญ่ขนาดนี้ กลับไม่มีที่ไหนที่เป็นที่ของเธอ บ้านของเธอ อืม เธอไม่มีบ้านแล้ว…
เดินอยู่บนถนนที่เงียบเหงาเยือกเย็น แสงไฟสีแดงศิวิไลซ์อย่างนี้ แต่กลับทำให้เธอที่เดินลากกระเป๋าเดินทางรู้สึกมืดมิด อ้างว้างและโดดเดี่ยว
ใหญ่ขนาดนี้และเป็นเมืองนครที่งดงามผิดหูผิดตา เธอยืนอยู่ปากทางสี่แยก สับสนและงุงงน ไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหน….
ในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมา เป็นเชอร์รีนที่โทรเข้ามา
“ฮัลโหล?” เธอรับสาย
“ฉันเตรียมห้องให้เธอเรียบร้อยแล้ว เธอจะนั่งแท็กซี่มาหรือให้ฉันให้คนขับรถไปรับ?”
ยู่ยี่คิดชั่วครู่ “ฉันนั่งแท็กซี่ไปดีกว่า”
เธอในค่ำคืนนี้เหงาเหลือเกิน ไม่อยากอยู่โรงแรมคนเดียว เธอกลัวความอ้างว้างและความเหงานั้นจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งร่าง
ตอนที่เธอถึงบ้านสิริไพบูรณ์ เชอร์รีนกำลังกินอาหารค่ำ เธอให้คนรับใช้เอาตะเกียบชามช้อนมาให้ ออกัสไม่อยู่เพราะบริษัทมีสัญญาต้องเซ็นซารางและเลอแปงอยู่ทั้งสองคน
ซารางกินอย่างมีความสุข สุดท้ายเหมือนคิดอะไรได้ ดวงตากลมๆจ้องเลอแปงที่อยู่ข้างกาย
คนที่ถูกมองรู้สึกลุกลี้ลุกลน เลอแปงหรี่ตา “เป็นอะไรหรอ?”
“คุณอา หนูว่าอาทำให้หนูผิดหวังจริงๆ ครั้งแรกเห็นพี่ตำรวจหญิงก็ยื่นมือไปถูหน้าอกของเธอ ครั้งที่สองเจอพี่ตำรวจหญิงอีกก็โอบหน้าอกของเธออีก ทำไมอามักจะเอี่ยวกับเรื่องหน้าอกอยู่เรื่อย? หนูสอนไปกี่รอบแล้ว หน้าอกของคนอื่นใช่สิ่งที่อาจะแตะไหม?” เธอสอนจริงจัง
เลอแปงถอนหายใจ “อาผิดไปแล้ว”
ซารางพยักหน้าแล้วมองไปที่ยู่ยี่ “คุณน้า แล้วลูกคุณน้าล่ะคะ?”
มือของยู่ยี่ที่ถือตะเกียบแข็งทื่อ แต่มุมปากกลับค่อยเผยขึ้น เชอร์รีนยื่นมือไปตีที่หัวของเด็ก “กินข้าวไป พูดมากจริงๆ!”
เธอแบะปาก ซารางกินข้าวต้ม ยังคงที่จ้องมองที่ท้องของยู่ยี่อย่างสงสัย
กินข้าวเสร็จแล้ว ยู่ยี่กับเชอร์รีนนั่งคุยอยู่บนโซฟา แต่ซารางกลับถือกระดานดำ ข้างบนเขียนพยัญชนะที่ยักๆยือๆ
เลอแปงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของซาราง มือเล็กขาวนิ่มของซารางกำลังชี้พยัญชนะที่อยู่บนกระดานดำ แม้ว่าเสียงจะนุ่มนิ่ม แต่กลับสอนเลอแปงอ่านพยัญชนะเลียนแบบเหมือนครูมาก
เธออ่านประโยคะนึง แล้วเลอแปงต้องอ่านตามเธอ ระหว่างที่เลอแปงรับสายโทรศัพท์ เจ้าหนูน้อยกลับมองอย่างเข้มงวด เวลาเรียนใจลอย ไปยืนที่มุมกำแพง!
เลอแปงยิ้มแล้วหยิบHaagen-Dazsออกมาล่อ เจ้าหนูน้อยเลียอย่างไม่เย่อหยิ่ง ตบที่ไล่ของเขาพร้อมบอกว่าครั้งหน้าก่อนที่จะรับโทรศัพท์ให้บอกเธอก่อน
เล่นกันสนุกสนานอยู่นาน ในที่สุดเธอก็รู้สึกเหนื่อย เลอแปงพาเธอขึ้นข้างบน ห้องรับแขกที่เดิมทีเสียงดังก็ให้เงียบลง
เชอร์รีนเห็นสายตาของยู่ยี่ที่มองซารางตามไป เธอปวดใจ จับมือของเธอไว้ “ยู่ยี่”
เธอได้สติ เอาผมทัดไว้ที่หลังหู “เธอน่ารักจริงๆ”
“เขาไปแล้ว เธอจะเป็นอย่างนี้ไม่ได้นะ จะทำลายสุขภาพ เธอรู้ไหม?”
พยักหน้า เหมือนจะคิดอะไรได้ ยู่ยี่ก้มตัวลงเปิดกระเป๋าเดินทาง เธอหยิบผ้าพันคอและหมวกออกมาจากข้างในกระเป๋า
สายตาที่ก้มลงมองดำดิ่ง มือของเธอลูบหมวกอย่างอดไม่ได้อยู่ชั่วขณะ แล้วยื่นส่งให้เชอร์รีน พูดด้วยเสียงเบาว่า “สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ฉันถักด้วยมือตอนที่ฉันท้อง ตอนนี้ฉันไม่ได้ใช้มันแล้ว ให้ซารางดีกว่า ฉันถักใหญ่อยู่ ตอนนี้ซารางคงใส่ได้พอดี…”
ใจของเชอร์รีนเหมือนถูกมีดกรีด น้ำตาของเธอเหมือนหยดไข่มุกตกลงมา
ตั้งแต่เล็กจนโต น้ำตาของเธอไหลนับครั้งได้ แต่ว่าได้เห็นสีหน้าและท่าทางของยู่ยี่อย่างนั้น หัวใจของเธอก็เป็นทุกข์
“ฉันไม่ได้ร้องไห้ เธอร้องอะไร เดี๋ยวออกัสก็กลับมาแล้วหาว่าฉันรังแกเธออีก….” ยู่ยี่ฉีกยิ้มที่มุมปาก ยื่นมือออกไปกอดเชอร์รีน เธออยากร้องไห้ อยากร้องไห้จริงๆ แต่กลับอั้นมันเอาไว้
เช้าตรู่วันถัดมา
ยู่ยี่ตื่นขึ้นมาแต่เช้า หรือจะพูดได้ว่าเธอไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ใต้ตาล่างเป็นสีดำจางๆ
เชอร์รีนกระดกคิ้วขึ้นอย่างตกใจ “ทำไมตื่นเช้าอย่างนี้ล่ะ?”
“นอนไม่หลับน่ะ” ตอนนี้การหลับของเธอตื้นมาก ถึงแม้ว่ากลางคืนจะนอนดึกแค่ไหน ตอนเช้าก็ตื่นเช้าอยู่ดี
“เธอสวมเสื้อหนาๆหน่อย แท้งก็เหมือนกับการอยู่ไฟนะ ดูแลตัวเองไม่ดีก็อาจจจะเกิดโรคเรื้อรังได้”
เธอพยักหน้าบ่งบอกว่าตัวเธอเองรับรู้แล้ว ในเวลานี้ซารางขยี้ตาเดินลงมา ตาสะลึมสะลือ เรียกหม่ามี๊ คุณน้าเสียงอ่อน
ยู่ยี่เห็นซารางใส่หมวกที่เธอเป็นคนให้เมื่อคืน สีเหลือง ใส่ได้พอดี ใจก็เจ็บขึ้นมาอีกแล้ว
ข้าวเช้ากินด้วยกันหลายคน เลยครึกครื้น
ตาเรียวยาวของออกัสกึ่งกวาดมองไปที่ร่างของยู่ยี่ แต่กลับไม่พูดอะไร
ตอนที่เขาใกล้จะออกจากห้องรับแขก เชอร์รีนเอาเสื้อคลุมถือเข้าไปให้เขา ยิ้ม มือใหญ่ของออกัสโอบเอวของเธอ โค้งตัวลงแล้วจูบปากเธอเบาๆ
เห็นดังนั้นยู่ยี่หันหลังให้คนทั้งสอง ก็พอดีไปเห็นกับสวนดอกไม้ทางด้านหลัง ดอกไม้กำลังร่วง กลีบดอกไม้กำลังปลิว กำลังโรยรา เหมือนการแต่งงานของเธอ
หลังจากนั้นเธอก็ออกจากบ้าน นั่งรถแท็กซี่ไปอำเภอ
นอกอำเภอคนเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่ก็มาเรื่องสมรส มือผสานกันแน่น ใบหน้ามีความละมุน มีความหวานที่พูดออกมาไม่ได้
ทำไมเธอรู้สึกว่าอากาศยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆ
เธอรออยู่ตรงนั้นสิบนาที หัสดินจึงมาถึง ดูเหมือนว่าเขามาจากบริษัท ยังสวมชุดสูท หน้าตาหล่อเหลาสง่างาม
คนที่มาทำเรื่องหย่าน้อยมาก อีกทั้งเขาก็ยังเกี่ยวข้อง ดังนั้นคนทั้งสองเลยไปที่ห้องทำงาน
จนมาถึงตอนนี้ คนทั้งสองไม่พูดอะไรกัน ในอากาศสิ่งที่เต็มไปด้วยคือความเงียบที่ยากจะอธิบาย เซ็นชื่อ ประทับตรา ขั้นตอนดำเนินอย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนทุกอย่างใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที เดินออกมาจากอำเภอ หัสดินหรี่ตาเรียวยาวมองไปยังเธอแล้วเข้าไปนั่งในรถ
คนขับรถมองยู่ยี่ที่เดินอยู่ในอากาศหนาว เขาทำงานอยู่ข้างกายของหัสดินมาสี่ปี แน่นอนว่ารู้จักยู่ยี่ดีในระดับนึง
ในเวลานี้เขามองร่างบอบบางของเธอ ก็ให้ทนไม่ได้ เอ่ยปากถามขึ้นว่า “คุณชาย จะถือโอกาสให้คุณผู้….คุณยู่ยี่ไปด้วยไหมครับ”
“อื้ม” เขาตอบ อารมณ์ไม่ได้เปลี่ยน
ตอนที่รถมาจอดข้างกายของยู่ยี่ คนขับรถได้อธิบายการมาให้เธอฟัง ยู่ยี่ปฏิเสธ และโบกรถแท็กซี่ต่อหน้าคนทั้งสอง จากไปอย่างสง่า
ตอนเธอเดินจากไป พวกเขาเห็นแค่หลังที่ตรงคอที่ตั้งของเธอ แต่กลับไม่มีใครเห็นเล็บที่จิกเข้าไปในกลางมือ