ตอนที่ 1215 เสียมารยาทแล้ว!
ซูหลีชะงักไปครู่หนึ่ง นางหมุนกายมองไปที่ใบหน้าที่งดงามสดใสประหนึ่งฤดูกาลของลูกท้อมิปาน
เมื่อได้ยินเสียงยามที่อู๋โยวหรานอยู่ด้านนอก อีกทั้งยังมีท่าทีต้องการผลักหวงเผยซานเพื่อเดินเข้ามาภายในหอเก็บตำรา ทำให้ผู้อื่นคิดว่านางนั้นร้อนใจและตกอยู่ในที่นั่งลำบากถึงเพียงใด
ใครจะรู้ว่าแม่นางผู้นี้ไม่เพียงสวมอาภรณ์ที่ใหม่เอี่ยม แม้แต่มวยผมก็ยังจัดแต่งอย่างประณีต แม้กระทั่งบนใบหน้ายังแต่งแต้มด้วยชาดจำนวนมาก พร้อมทั้งเขียนคิ้ว
มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่แดงก่ำขึ้นเล็กน้อย ทว่ากลับไม่ได้บั่นทอนความงามของนางลงได้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังทำให้เสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหลของนาง ทำให้นางทำให้ผู้อื่นมีความหวั่นไหวต่อนางเพิ่มมากขึ้น
ซูหลีมองนางอย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้งหนึ่ง สุดท้ายจึงผงกศีรษะ ไม่เลวๆ เมื่อรู้ว่าฝ่าบาททรงได้รับบาดเจ็บ กลับสามารถแต่งองค์ทรงเครื่องได้อย่างประณีตขนาดนี้ แม่นางอู๋ท่านนี้ ดูเหมือนว่าจะจัดการไม่ง่ายเสียแล้ว!
“เสด็จพี่!” หลังจากอู๋โยวหรานเดินเข้ามา จึงเห็นซูหลีกับจี้เหิงหรานเป็นอันดับแรก ทว่าซูหลีที่นาง ‘เลื่อมใสศรัทธา’ มาโดยตลอดกลับไม่ดึงดูดความสนใจของนางเลยแม้แต่น้อย นางเพียงวิ่งไปหยุดอยู่ข้างกายฉินเย่หานด้วยความรีบร้อนและเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจว่า
“นี่ท่านพี่ทรงเป็นอะไร!?” คำพูดประโยคนี้เผยความห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน ทว่ายามนางเอ่ยออกมาล้วนมีความอ่อนหวานชวนให้คล้อยตาม ดูมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก
ฉินเย่หานแสดงสีหน้าเฉื่อยชา ตวัดสายตามองนางครู่หนึ่ง
นางกลับเป็นคนที่รู้จักวางตัว จึงไม่ได้ยื่นมือไปสัมผัสกับร่างของฉินเย่หานเป็นเวลาแรก ทว่ายังมีความตื่นตัว ย่อตัวลงกึ่งนั่งกึ่งยืนอยู่ข้างฉินเย่หาน ใช้ดวงตาทั้งสองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์จ้องไปที่ฉินเย่หานตาไม่กะพริบ
ริ้วความกังวลใจที่ปรากฏบนใบหน้าของนางกลับมีจำนวนไม่น้อย
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” หวงเผยซานที่เฝ้าอยู่ด้านนอก ในขณะนี้จึงทำได้แค่เพียงเข้ามาขอรับโทษ
สายตาของเขามองที่ร่างของอู๋โยวหรานรอบหนึ่ง ดวงตามีความเคร่งขรึมอยู่บ้าง เมื่อเขาเดินเข้ามาก็ทำได้เพียงคุกเข่าลงและเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“บ่าวไม่สามารถรั้งแม่นางอู๋ไว้ได้ อย่างไรฝ่าบาทก็ทรงลงโทษบ่าวด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
อู๋โยวหรานพูดอย่างเต็มปากว่าเป็นเพราะพระราชเสาวนีย์ของไทเฮา ถึงได้ดิ้นรนเข้ามาภายในห้องนี้ ทว่าไทเฮาเสด็จประพาสมาที่นี่ตั้งนานแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างไทเฮากับฉินเย่หานไม่มีทางที่ว่าจะเปลี่ยนเป็นดีขึ้นเลย ในทางกลับกันกลับเคร่งเครียดมากกว่าเดิมอีกด้วย
เดิมหวงเผยซานสามารถให้คนต้านทานและนำนางออกไปได้ ทว่านางกลับอดทนต่อไปไม่ไหวจนต้องใช้พระราชเสาวนีย์ของไทเฮาเป็นข้ออ้างที่จะเข้ามาภายใน
ไทเฮาเป็นนายของพวกเขา อย่างไรหวงเผยซานก็ยังเป็นแค่ข้ารับใช้ผู้นี้ เขายังจะสามารถทำอะไรได้
ดังนั้นอู๋โยวหรานพยายามพุ่งตรงเข้ามา เขาก็ไม่มีวิธีใดจะจัดการได้เช่นกัน
“เสด็จพี่ ท่านอย่าได้ตำหนิหวงกงกงได้หรือไม่ นี่ล้วนเป็นโยวหรานที่ร้อนใจ โยวหรานได้ยินเรื่องที่เสด็จพี่ได้รับบาดเจ็บ จึงอดทนต่อไปไม่ได้จริงๆ ถึงได้พุ่งตรงเข้ามาเช่นนี้”
อู๋โยวหรานเห็นหวงเผยซานที่คุกเข่าลง ใบหน้าคล้ายกับมีความตกใจอยู่บ้าง จากนั้นจึงเอ่ยขอความเมตตาเพื่อหวงเผยซานอย่างไม่ต้องคิด
หวงเผยซานก้มศีรษะลง ซูหลีมองอารมณ์ของเขาไม่ออก ทว่าการกระทำของอู๋โยวหรานล้วนอยู่ในสายตาของนาง
แม่นางอู๋โยวหรานท่านนี้ช่างเก่งกาจโดยแท้ สามารถทำเรื่องตบหัวแล้วลูบหลังได้อย่างคล่องแคล่วโดยแท้!
หลังจากซูหลีกวาดตามองนางด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มครู่หนึ่ง พลันส่งเสียงออกมาว่า
“แม่นางอู๋เป็นผู้ที่เก่งกาจโดยแท้”
นี่เป็นครั้งที่สามที่นางพบกับอู๋โยวหราน และนี่เป็นครั้งแรกที่นางน้ำเสียงเช่นนี้และพูดกับนางเช่นชี้
ใบหน้าของอู๋โยวหรานมีประกายความประหลาดใจพาดผ่าน จากนั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปทางซูหลี
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มีความลึกซึ้งเป็นอย่างมากที่ปรากฏบนใบหน้าของซูหลีแล้ว ในดวงตาของนางพลันมีความรู้สึกไม่สบายใจพาดผ่าน จากนั้นยกริมฝีปากขึ้นและเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“โยวหรานไม่เห็นว่าท่านพี่ซูก็อยู่ที่นี่ โยวหรานเสียมารยาทแล้ว!”
ตอนที่ 1216 รู้ข่าวรวดเร็วโดยแท้
พูดจบ ก็ลุกขึ้นทำความเคารพซูหลีครั้งหนึ่ง
กิริยาท่าทางของนางอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นอย่างมาก ซึ่งแตกต่างกับสตรีที่อยู่ข้างกายของฉินเย่หานเหล่านั้นเป็นอย่างมาก
อู๋โยวหรานผู้นี้ ดูจากภายนอกแล้วคล้ายกับเห็นซูหลีเป็น ‘พี่สาว’ ของตนเองแล้วจริงๆ
แน่นอนว่าเป็นพี่สาวประเภทไหน ซูหลีไม่จำเป็นต้องรับรู้ อย่างไรสตรีที่อยู่ในวังหลังเหล่านั้นก็ชอบเรียกกันว่าพี่สาวน้องสาวกันไม่ใช่หรือ
สำหรับเรื่องนี้ซูหลีไม่อยากใช้ความคิดแง่ร้ายคาดเดาท่าทีของใคร ทว่าสตรีที่แสดงท่าทีสนใจบุรุษของนาง อย่างไรนางก็ไม่สามารถพูดเตือนดีได้จริงๆ
ในขณะที่ซูหลีไม่รู้ตัว ฉินเย่หานก็กลายเป็นบุรุษของตนเองเสียแล้ว
ถึงกระนั้นแม้จะปรากฏออกมาจากจิตใต้สำนึกเช่นนี้ นางก็พอจะสังเกตตัวเองได้ อย่างไรก็ตามบัดนี้แตกต่างกับแต่ก่อน นางไม่รู้สึกกีดกันความรู้สึกเช่นนี้เลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งยังทำให้นางมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
เพียงแต่ความสุขประเภทนี้ นางไม่มีทางแสดงออกมาต่อหน้าอู๋โยวหราน
ซูหลีไม่พูดอะไร เพียงใช้สายตามองนางอย่างพิจารณา บุรุษที่อยู่ด้านข้างก็พูดแทรกได้ยาก จึงทำได้เพียงใช้สายตาจ้องไปที่ซูหลีผู้นี้ ไม่รู้ว่านางต้องการกระทำสิ่งใด
ทว่าหลังจากที่นางจ้องมองอู๋โยวหรานอยู่นาน จู่ๆนางก็สาวเท้าเดินเข้าไป ใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มอันเย็นชาและเอ่ยว่า
“แม่นางอู๋วันนี้มาที่นี่อย่างว่องไวโดยแท้!
คำพูดประโยคนี้ไม่ใช่คำชม แต่เป็นความรู้สึกเอือมระอา
“ท่านพี่ซูคงมีบางอย่างที่ไม่ทราบ ในใจโยวหรานทั้งเป็นห่วงเสด็จพี่มาโดยตลอด ดังนั้นถึงได้…” ดวงตาของอู๋โยวหรานวูบไหวไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแหงนศีรษะรีบหันไปทางซูหลีเพื่อพูดอธิบายประโยคหนึ่ง
ท่าทางรีบร้อนเช่นนี้เหมือนกับซูหลีสร้างเรื่องอะไรทำให้นางลำบากใจมิปาน
ทว่าทุกคนล้วนเข้าใจดีว่า ตั้งแต่นางเข้ามาจนถึงบัดนี้ ซูหลียังไม่ได้พูดล่วงเกินอะไร
ครั้นเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ซูหลียิ่งยิ้มที่มุมปาก ตวัดสายตามองที่นางปราดหนึ่งและเอ่ยว่า
“ห่วงใย? หากจะพูดว่าห่วงใย ก็สามารถอธิบายปล่อยผ่านไปได้” อู๋โยวหรานได้เช่นนั้น จึงอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ นางเริ่มไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่ซูหลีต้องการจะสื่อ
นางเหลือบตามองซูหลี กลับเห็นนางหันเหสายตาไปทางอื่น อู๋โยวหรานถึงทำได้เพียงมองบรรยากาศในหอเก็บตำราอย่างละเอียด และหลบสายตาลง
ใบหน้าของนางก็ไม่ได้แสดงอากัปกิริยาอะไรออกมามอง ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างกายของนางคล้ายกับมีการข่มขู่อยู่บ้าง
“ทว่า…” ในขณะที่อู๋โยวหรานกำลังคิดว่า นางจะพูดประโยคนี้ประโยคเดียวและปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป กลับได้ยินซูหลีเปิดปากพูดอีกครั้ง
ซูหลีหันศีรษะกลับมา ในดวงตาสีดำคู่นั้นมีประกายแวววาว ทั้งยังมีพลังบางอย่างที่สามารถมองทะลุเห็นถึงเบื้องลึกในหัวใจของคนอย่างปรุโปร่ง
“เวลาที่ฝ่าบาทถูกลอบสังหารจนถึงบัดนี้ คงจะยังไม่ถึงสองเค่อด้วยซ้ำ ถือเป็นช่วงเวลาอันสั้น อีกทั้งบ่ออวี้ทังตั้งอยู่บริเวณตรงข้ามกับตำหนักชิงหนิง ถึงอยากจะสอบถามแม่นางอู๋ว่า สามารถเดินทางมาที่นี่ในเวลาอันสั้นขนาดนี้ได้อย่างไร อีกทั้งยังรีบเดินทางมาจากตำหนักชิงหนิงงั้นหรือ”
“หรือแม่นางอู๋มีความสามารถให้การรู้อนาคตอะไรกัน”
ซูหลีจ้องนางตาเขม็ง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มนั้นคล้ายกับก็กำลังเย้ยหยันอู๋โยวหรานอยู่มิปาน
อู๋โยวหรานเมื่อถูกนางมองเช่นนี้ อากัปกิริยาที่แสดงออกมาจึงผงะไปเล็กน้อย ในดวงตามีความคลุมเครือวูบไหวอย่างรุนแรง
แม้จะไม่ได้เอ่ยถามตอบซูหลีในเวลาแรก ทว่าทั้งร่างของนางดูเหมือนจะมีความตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก
“หอเก็บตำรามีระยะทางห่างจากตำหนิงชิงหนิงไม่น้อย แม่นางอู๋รับรู้ข่าวเรื่องนี้กลับรวดเร็วยิ่งนัก เพียงแต่คนอย่างข้านี้ไม่เชื่อทฤษฎีเรื่องเทพเซียนอะไรนัก นั่นก็มีเพียงคำอธิบายอย่างเดียว….”
ซูหลีชำเลืองท่าทางของนาง จากนั้นเก็บความรู้สึกทั้งหมดลง และเดินเข้าไปใกล้นางอีกก้าวหนึ่ง
อู๋โยวหรานเห็นดังนั้นทั้งร่างจึงตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิมอยู่บ้าง