ในชาติก่อนอันน่าผิดหวังและท้อใจ แม้แต่ใต้สะพานลอยเย่เทียนก็เคยนอนมาก่อน ตอนนี้กะอิแค่นอนในเต็นท์ เย่เทียนกลับอึดอัดเอามากๆ
คนหน่ะ เมื่อสูญเสียไปแล้วถึงจะรู้จักเห็นค่า
ยกตัวอย่างเช่นเฉินหวั่นชิง ชาติก่อนตอนตระกูลเฉินเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เขากับเฉินหวั่นชิงไม่ค่อยราบรื่นนัก แทบจะทะเลาะกันทุกครั้งที่เห็น ไม่สามารถนั่งด้วยกันได้เลย
จนถึงตอนที่ต่อให้ต้องเฉินหวั่นชิงก็ไม่เปิดเผยที่อยู่ของเขา เขาจึงได้รู้ว่าถึงความไร้เหตุผลของตน และหนี้บุญคุณที่ตนติดค้างเฉินหวั่นชิง
แม้ภายหลังเย่เทียนรวยและก้าวหน้าขึ้น แต่เฉินหวั่นชิงกลับไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ชดเชย
และเนื่องด้วยเหตุนี้ หลังจากรู้ว่ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง เย่เทียนก็ตามใจเฉินหวั่นชิงทุกอย่าง ขอแค่เธอต้องการและเขาสามารถทำให้ได้ เขาก็จะทำให้เต็มที่ที่สุด
ว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะเย่เทียนติดค้างเฉินหวั่นชิงไว้เมื่อชาติที่แล้ว
อย่างไรก็ตามเย่เทียนก็พอใจกับความเป็นไปในตอนนี้มาก ถ้าไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากเปลี่ยนมัน
แต่เย่เทียนรู้อยู่แก่ใจดี ตราบใดที่แก๊งกะโหลกสักลายยังไม่ถูกกำจัด ชีวิตแบบนี้ก็ยังไม่มั่นคง!
ในสมองเขาวางแผนเส้นทางในอนาคตไว้คร่าวๆแล้ว เย่เทียนจึงเตรียมเริ่มฝึกตน แต่จู่ๆสายตากลับเห็นเงาคนจากนอกเต็นท์
สถานการณ์ที่กะทันหันนี้ ทำให้เย่เทียนรีบหยุดความคิดที่จะฝึกตนไปทันที แล้วตะโกนออกไป:“ใครอยู่ด้านนอก?”
“ฉันเอง!” เสียงอันอ่อนโยนของแซ่เจียดังมาจากด้านนอก
เย่เทียนมีท่าทางที่แปลกไปทันที แซ่เจียมาหาตนดึกๆดื่นๆแบบนี้ เขาก็อดคิดนู่นคิดนี่ไม่ได้!
“ดาราดังคนนี้คงไม่ใช่เพราะอยู่บ้านมาหลายวัน เกิดตกหลุมรักตนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเกิดอารมณ์พลุ่งพล่านกับตนหรอกใช่ไหม?”
เย่เทียนพึมพำในใจ แต่คิดไปคิดมาคิดเขาก็ถึงกับตกตะลึง
“ไม่สิ! แซ่เจียอยู่เต็นท์เดียวกันกับที่รัก หรือที่รักจงใจให้เธอมาทดสอบตน?”
เมื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เย่เทียนก็รีบรูดซิปเปิดประตูเต็นท์ทันที
เมื่อมองออกไป เห็นแซ่เจียสวมชุดนอนลายการ์ตูน เห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนในเต็นท์
แม้ว่าชุดนอนจะค่อนข้างหลวม แต่ยากที่จะซ่อนรูปร่างส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ บวกกับใบหน้าที่สวยงาม ต้องบอกเลยว่าเธอมีเสน่ห์ยั่วยวนสำหรับผู้ชายจริงๆ
แม้แต่เย่เทียนที่มีความยับยั้งชั่งใจมากกว่าคนทั่วไป ก็ยังตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งจึงจะได้สติกลับมา และยิ้มมุมปากอย่างสุภาพอ่อนโยน
“คุณเซ่ มาหาผมมีอะไรรึเปล่า ดึกขนาดนี้แล้วคุณยังไม่นอน? คุณไม่กลัวคนเข้าใจผิดเหรอ? ”
แม้เดาไว้ว่าเฉินหวั่นชิงอาจส่งแซ่เจียมาทดสอบตน แต่เย่เทียนก็พูดหยอกล้อขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“คะ คุณพูดอะไรนน่ะ? ฉันแค่นอนไม่หลับ อยากมาคุยเรื่องในใจกับคุณก็เท่านั้น”
ใบหน้าสวยของแซ่เจียแดงขึ้นมา ดวงตาสวยเหลือบมองเย่เทียน หันหน้าออกไปด้วยความเขินอายเล็กน้อย
“คุยเรื่องในใจ?”
เย่เทียนหางตากระตุกเบาๆ มองแซ่เจียตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาแปลกๆ ในใจยิ่งรู้สึกมั่นใจว่าที่รักเป็นคนส่งแซ่เจียมาทดสอบตัวเองแน่ๆ
“ฮ่าๆ งั้นคุณก็มาหาถูกคนแล้วล่ะ ผมมีชื่อขนานนามว่าเจ้าชายแห่งความเข้าใจเลยนะ มาคุยเรื่องความรักกับผมน่ะถูกแล้ว!”
“มาๆๆ อย่ายืนบื้ออยู่ด้านนอก ด้านนอกลมแรง คุณเข้ามาข้างในเถอะ!”
คิดเช่นนั้น เย่เทียนก็ยิ้มมุมปากอย่างร้ายๆ ทักทายอย่างสนิทสนมทันที
แซ่เจียพยักหน้าเบาๆ จากนั้นโค้งตัวเข้าไปในเต็นท์
แต่การกระทำที่เรียบง่ายนี้ ทำให้ชุดนอนหลวมๆบนตัวเธอเปิดออก ไอ้บ้าที่ได้เอาเปรียบทั้งๆที่ไม่ต้องทำอะไรอย่างเย่เทียนก็ได้เพลิดเพลินอีกครั้ง
ดาราก็คือดารา ดูดีมากๆ!
อย่างไรก็ตาม ขณะเย่เทียนกำลังคิดนู่นคิดนี่เต็มไปหมด แซ่เจียก็ได้เข้ามาในเต็นท์อย่างสวยๆ แล้วนั่งลงข้างๆด้วยความระมัดระวังสุดๆ
หญิงสาวขมวดคิ้วเป็นปม ใบหน้าเล็กๆอันบอบบางแดงขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ราวกับว่าเธอประหม่ามาก
“ว่ามาสิ! คุณมาหาผมดึกๆดื่นๆแบบนี้มีเรื่องอะไร?”
หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เย่เทียนก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว มองแซ่เจียเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม
“เอ่อ?!”
แซ่เจียกัดฟันไปมา แล้วพูดขึ้นอย่างเหนียมอาย:“ทะ ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คือเมื่อครู่ฉันได้ยินหวั่นชิงพูด ว่าทักษะการแพทย์ของคุณนั้นไม่เลว……”
“คุณคงไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไรหรอกใช่ไหม?”
เย่เทียนชะงัก รีบตอบสนองทันที มองแซ่เจียตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าแปลกๆ “ได้ยิมมาว่าวงการบันเทิงนั้นมั่วกันมาก แถมคุณยังมาแบบลับๆล่อๆ คงไม่ได้เป็นโรคซิฟิลิสหรอกใช่ไหม?”
แม้พูดออกไปแบบนั้น แต่ก็ทำให้เย่เทียนสลัดความคิดที่ว่าเฉินหวั่นชิงจงใจส่งแซ่เจียมาทดสอบตนออกไป
“คุณนะสิเป็นโรคซิฟิลิส! เป็นซิฟิลิสกันทั้งบ้าน!”
แซ่เจียอึ้งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เข้าใจว่าเย่เทียนสื่อถึงอะไร จนตอนนี้โกรธจนหน้าแดงไปหมด
วงการบันเทิงมั่วมากก็จริง แต่เธอรักนวลสงวนตัวมากนะ จะเป็นโรคซิฟิลิสได้ยังไง?!
ไม่รอให้เย่เทียนได้พูดกลับ แซ่เจียก็พูดดอย่างอายๆและเสียงเบา:“คะ แค่เวลาฉันมีประจำเดือนแล้วจะปวด เลยอยากให้คุณช่วยดูให้หน่อย”
“แค่ปวดประจำเดือน? คุณก็รีบบอกสิ มาแบบลับๆล่อๆ ผมถึงได้คิดว่าเป็นโรคน่าอายอะไรเสียอีก”
เย่เทียนเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ตบไปที่นั่งข้างๆ“มา คุณขยับเข้ามาหน่อย ผมจะได้ช่วยดูให้”
แซ่เจียสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ก็ขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ๆเย่เทียนด้วยความระมัดระวัง
เมื่อเข้ามาใกล้ขึ้น แซ่เจียก็หน้าแดงเหมือนลูกพีชสุก ทำเอาคนอยากกัด
เย่เทียนเห็นชัดเจน รู้สึกคันใจมากเหมือนดนแมวข่วนอย่างไรอย่างนั้น แม้แซ่เจียพักอยู่ที่บ้านมาหลายวัน แต่ถ้าคิดๆดูแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้
ทำให้เย่เทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า
อย่างไรก็ตาม แซ่เจียเป็นถึงดาราดังในขณะนี้ เป็นยัยนางฟ้าอ้วน ถ้ามีอะไรๆกับผู้หญิงคนนี้ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!
แม่ง! ทำไมฉันต้องประหม่าด้วย?
ทันใดนั้นเย่เทียนก็ได้สติกลับมา ถ้าแซ่เจียไม่ได้อยู่ตรงนี้ เขาแทบอยากจะตบหหน้าตัวเองสักทีสองที
อย่างไรก็ตามชาติก่อนเขาก็เป็นถึงราชาแห่งทหารรับจ้าง เคยประสบพบเจออะไรมามากมาย มีดาราสาวคนไหนบ้างที่ไม่สนิทสนมด้วย?
ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกประหม่าเพียงเพราะแซ่เจีย ถ้าใครรู้เข้าคงเป็นที่หัวเราะเยาะกันทั่วล่า?
“ยื่นมือคุณออกมา ผมจะตรวจชีพจรให้”
เย่เทียนพูดออกไปอย่างเป็นมืออาชีพ เก็บอารมณ์ที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยเอาไว้ พยายามเปลี่ยนเสียงตัวเองให้เป็นปกติที่สุด
แซ่เจียพยักหน้า แล้วยื่นมือขาวราวกับหยกออกไปอย่างสั่นๆ แม้แต่ร่างกายอันบอบบางยังสั่น เห็นได้ชัดว่าเธอประหม่ามากเช่นกัน
เย่เทียนเห็นเช่นนั้น จึงเอื้อมมือออกไปจับมือขาวหยกของแซ่เจีย ทว่าขณะกำลังจะจับชีพจรให้เธอ จู่ๆแซ่เจียกลับส่งเสียงร้องออกมา แล้วล้มพับลงไปบนตัวเย่เทียน…