ตอนที่ 452 คุ้มกันแน่นหนา

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 452

คุ้มกันแน่นหนา

“ไม่ได้พบกันนานนะขอรับ”ขณะกำลังเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ทุกๆเมืองรถไฟที่ไป๋หลินโดยสารจะมีแขกขึ้นมาเพิ่มและมีแขกลงไปเสมอ แต่ยิ่งเฉียดเข้าใกล้อาณาจักรไป๋เท่าไหร่ แขกที่ขึ้นมาก็กลับกลายเป็นคนรู้จักของไป๋หลินไปเสียหมด

“ไม่ได้พบกันนานจริงๆ เจ้าสบายดีงั้นหรือ”ไป๋หลินถามพลางมองชายชราตรงหน้าด้วยท่าทีอ่อนโยน แม้อีกฝ่ายจะดูแก่กว่าไป๋หลินมาก แต่ความจริงแล้วอีกฝ่ายเป็นเด็กที่เคยเป็นผู้ช่วยขุนนางคนหนึ่งในอาณาจักรไป๋นั่นเอง ตอนนี้ดูเหมือนจะถูกส่งมาเป็นทูตประจำอาณาจักรอื่นแล้ว เป็นคนใหญ่คนโตคนหนึ่งเลยทีเดียว

“องค์หญิ…”

“เรียกไป๋หลินก็พอเจ้าค่ะ”ไป๋หลินพูดสวนทันทีเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะพูดเรียกตนว่าองค์หญิง ตอนนี้ไป๋หลินไม่ได้นับตนเองเป็นองค์หญิงอีกต่อไปแล้ว และก็ไม่อยากให้จูล่งทราบเรื่องต้นกำเนิดของตนด้วย แม้พ่อของตนจะเป็นคนสร้างอาณาจักรไป๋ขึ้นมา แต่ตอนนี้ก็ฝากฝังคนอื่นดูแลแล้ว

“พี่สาวนี่คนรู้จักเยอะจังเลยนะขอรับ”จูล่งว่าพลางชะโงกหน้ามองไปทางด้านหลัง อาจจะเพราะค่าตั๋วของรถไฟสายพิเศษขบวนนี้แพงมากก็ได้ ทำให้คนที่มาขึ้นต่างก็เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมทั้งสิ้น ทำให้ทุกเมืองที่จอดต้องมีคนเดินมากล่าวทักทายไป๋หลินกันไม่ต่ำกว่า 8 คน สร้างความสนอกสนใจให้กับคนที่ไม่รู้จักไป๋หลินกันอย่างมาก

“รู้งี้ซื้อตั๋วรถไฟระดับกลางดีกว่านะ”ชิงชิวว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา

“นั่นสิ”ไป๋หลินโบกมือลาชายคนที่เข้ามาทักก่อนหน้านี้ด้วยท่าทีเหนื่อยใจ ก่อนจะเรียกเอาผ้าคลุมหน้าออกมาสวมช้าๆ แน่นอนว่าบนรถไฟมีกฎห้ามสวมผ้าคลุมหน้า แต่เพราะแขกหลายๆคนไม่ยอมไปนั่งที่และเอาแต่รอจะพบไป๋หลินให้ได้ทั้งๆที่อยู่บนขบวนรถ ทำให้เกิดความล่าช้าไม่น้อย พอไป๋หลินบอกว่าถ้านางไม่คลุมหน้าเอาไว้ที่เมืองต่อๆไปจะมีคนมาทักนางมากกว่านี้ พนักงานเลยปล่อยผ่านไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตัวพนักงานเองก็โดนต่อว่ามาเรื่องไม่ยอมบังคับให้ผู้โดยสารไปนั่งที่เสียที แต่จะให้มันไปบังคับได้อย่างไร ผู้โดยสารที่มานั่งรถไฟขบวนนี้แต่ละคนมีอำนาจพอสั่งปลดมันได้ทุกคนเลยนี่นา

“ว่าแต่ กลายเป็นขบวนรถที่ปลอดภัยน่าดูเลยนะ”หยงเวยว่าพลางมองตามจูล่งไปด้านหลัง เนื่องเพราะคนสำคัญมาขึ้นขบวนรถหลายต่อหลายคน ทำให้มีผู้คุ้มกันมากมายทีเดียว ลำพังแค่ระดับยอดฝีมือก็มีราวๆ 30 คนแล้ว เทียบกับสมัยก่อนนี่มันกองทัพย่อยของอาณาจักรหนึ่งเลยทีเดียว

“โดยเฉพาะตรงนั้น”ชิงชิวว่าพลางมองไปทางกลุ่มชายที่ใส่เครื่องแบบสีแดงที่นั่งรวมกันนับสิบคน ในกลุ่มนั้นมียอดฝีมือถึง 6 คนเลยทีเดียว ไม่ทราบเหมือนกันว่ากำลังคุ้มกันอะไร หรือใคร

“ทำไมต้องพาคนคุ้มกันมาเยอะแยะแบบนั้นล่ะขอรับ”จูล่งถามพลางมองทางที่ชิงชิวมอง

“ไม่รู้สิ”ชิงชิวส่ายหน้า เครื่องแบบสีแดงเข้มพวกนั้นชิงชิวก็คุ้นๆอยู่ หากจำไม่ผิดมันเป็นเครื่องแบบใหม่ของทหารอาณาจักรอู๋ เกรงว่าผู้ที่ถูกคุ้มกันมาจะเป็นคนสำคัญของอาณาจักรอู๋กระมัง

“พูดถึงคนคุ้มกันขนาดนี้แล้ว คงไม่มีใครมาโจมตีขบวนรถหรอกนะ”ไป๋ไป่ว่าพลางมองไปที่กลุ่มคุ้นกันสวมชุดแดง พวกนั้นระแวดระวังตัวตลอดเวลาราวกับกำลังกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นไม่มีผิด หรือคนที่พวกมันกำลังคุ้มกันมีคนจ้องจะตามมาฆ่ากันนะ?

“ไม่มีหรอก เส้นทางรถไฟเป็นเส้นทางการค้าสำคัญ โทษการโจมตีรางรถไฟเป็นโทษหนักไม่มีโจรคนไหนกล้าเสี่ยงหรอก”ชิงชิวส่ายหน้าช้าๆ แม้การใช้อสูรบินหรือการเดินเรือจะเป็นการส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพก็ตาม แต่การขนส่งสินค้าทางรถไฟกลับได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเส้นทางรถไฟนั้นลากยาวข้ามหลายอาณาจักร ทำให้การส่งสินค้าผ่านรถไฟเป็นเรื่องรวดเร็วและสะดวกสบายมากกว่าการบินไปส่งโดยต้องโดนตรวจตลอดระยะทางบินเสียอีก ทำให้แต่ละอาณาจักรใส่ใจเรื่องเส้นทางรถไฟมาก ยิ่งขบวนที่มีผู้คุ้มกันขนาดนี้ ไม่มีทาง….

โครม!! ชิงชิวพึ่งพูดไปหมาดๆ อยู่ๆเสียงโครมสนั่นก็ดังขึ้น พร้อมตัวรถไฟที่กำลังเอนไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

เปรี้ยง!! เหล่ายอดฝีมือเห็นท่าไม่ดีต่างก้มลงคุ้มกันคนของตนเองเอาไว้ ส่วนไป๋หลินนั้นเห็นรถไฟกำลังเอียงนางจึงปล่อยฝ่ามือเพลิงพิโรธออกไปดันรถไฟให้กลับมาเหมือนเดิม

เอี๊ยดดดด!! แม้จะประคองไม่ให้รถไฟคว่ำลงไปได้ แต่ดูเหมือนแรงกระแทกเมื่อครู่จะสร้างความเสียหายให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของรถไฟไม่น้อย ทำให้คนขับต้องหยุดรถเอาไว้เสียตรงนี้

“เกิดอะไรขึ้น มีใครก่อการร้ายหรือยังไง”ชายคนหนึ่งถามพลางมองไปข้างนอก

“ไม่ใช่….”ไป๋หลินส่ายหน้าช้าๆ นางกระโดดออกไปข้างนอกหน้าต่างรถไฟที่โดนกระแทกจนแตกกระจายก่อนหน้านี้แล้วสำรวจรถไฟอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าที่กลางขบวนจะโดนก้อนหินขนาดใหญ่กระแทกเข้าอย่างจัง เพียงแต่ก้อนหินนั่นมาจากไหนกัน

ตูม!! ยังไม่ทันได้รับคำตอบ อยู่ๆก้อนหินอีกก้อนก็พุ่งลงมากระแทกพื้นข้างๆรถไฟเข้าอย่างจัง

ตูม!! เสียงระเบิดดังออกมาจากระยะที่ไกลมากๆ ทำให้ไป๋หลินเปลี่ยนดวงตาเป็นสีน้ำเงินเพื่อเพ่งมองทันทีว่าที่มาของก้อนหินพวกนี้คืออะไร

“…….”ไป๋หลินนิ่งไปทันทีเมื่อทราบที่มาของก้อนหิน มันไม่ได้มาจากโจรที่พยายามจะปล้นรถไฟ และไม่ได้มาจากผู้ก่อการร้ายแต่อย่างไร

“ภูเขาไฟระเบิด”ไป๋หลินกลับเข้ามาในรถไฟก่อนจะแจ้งให้ทุกคนทราบ เส้นทางรถไฟที่พวกไป๋หลินกำลังแล่นผ่านนั้นเป็นเขตอสูรที่มีภูเขาไฟอยู่ในบริเวณพอดี ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆภูเขาไฟจะนะเบิดแล้วเศษหินจะพุ่งมากระแทกรถไฟเข้า

“ภัยธรรมชาติงั้นหรือ”ชิงชิวกลืนน้ำลายลงคอ ถ้าเป็นผู้ก่อการร้ายหรือโจรก็พอจะจัดการได้ไม่ยาก แค่ชิงชิวออกไปคนเดียวก็คงสามารถจัดการพวกมันได้หมดในพริบตา แต่จะให้มันไปทำอะไรกับภูเขาไฟระเบิดกัน….

“จูล่ง เจ้าได้เรียนวิชาแพทย์มาจากท่านน้าหรือเปล่า”ไป๋หลินถามพลางมองมาทางจูล่ง

“ขอรับ”จูล่งพยักหน้า แม้มันจะไม่มีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์เหมือนท่านพ่อ แต่มันก็เรียนวิชาแพทย์มาแล้ว ต่อให้เป็นคนซื่อๆอย่างจูล่ง แต่เพียงทราบอาการก็สามารถรักษาตามที่ท่านน้าสอนได้อยู่แล้ว

“งั้นเจ้ามากับพี่”ไป๋หลินว่าพลางมองไปทางขบวนรถไฟตรงกลางซึ่งโดนก้อนหินจากภูเขาไฟกระแทกเสียหายหนักที่สุด ในส่วนนั้นต้องมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บหลายคนแน่

“แต่ว่า….”จูล่งพูดพลางทำท่าลังเลอย่างเห็นได้ชัด ข้างนอกตอนนี้วุ่นวายมากทีเดียว เพราะภูเขาไฟระเบิดรุนแรงมาก ทำให้มีเศษหินตกลงมาอย่างกับห่าฝน จูล่งเลยเตรียมจะออกไปป้องกันข้างนอกอยู่ก่อนแล้ว

“จูล่งเจ้าไปเถอะ ตรงนี้พวกพี่จะจัดการเอง”ชิงชิวและไป๋ไป่พูดพลางพุ่งตัวออกไปที่นอกตัวรถไฟ

เปรี้ยง!! ไป๋ไป่เปลี่ยนร่างเป็นมังกรขนาดใหญ่ทันที นางกางปีกทั้ง 6 ออกทำให้สามารถป้องกันก้อนหินที่พุ่งเข้ามาได้เป็นจำนวนมาก ส่วนที่หลุดมาไม่กี่ก่อนนั้นชิงชิวก็ใช้พลังธาตุลมจัดการไป

“พี่ชิว พี่ไป๋ไป่”ไป๋จูล่งชะโงกหัวออกมาจากหน้าต่างรถไฟพลางมองไปทางพวกชิงชิว ยามนี้ดวงตาของจูล่งเป็นสีเงินอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

“อีกเดี๋ยวจะมีหินสีแดงๆไหลลงมา พวกพี่จัดการได้หรือเปล่า”จูล่งถามพลางกะพริบตาปริบๆ

“หมายถึงลาวานะเหรอ”ชิงชิวกลืนน้ำลายลงคอ พวกมันป้องกันหินที่ลอยมาได้ แต่ลาวาที่จะไหลมานี่ค่อนข้างรับมือยากอยู่นะ…

“ได้ เจ้าไปดูแลผู้บาดเจ็บเถอะ”ไป๋ไป่ตอบพลางใช้ปีกของตนโจมตีก้อนหินที่พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำเอาชิงชิวอยากจะถามจริงๆว่านางรับมือลาวาได้แน่นะ

“จะเอาแต่พึ่งจูล่งไม่ได้หรอกนะ”ไป๋ไป่ว่าพลางใช้พลังธาตุของตนสร้างกำแพงหินขึ้นมาเตรียมรับการมาของลาวา

“นะ นั่นสินะ”ชิงชิวยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางมองขึ้นไปบนภูเขา กำแพงพวกนี้คงกันได้ไม่มาก พอลาวาไหลมามากๆก็คงล้นอยู่ดีชิงชิวเลยตัดสินใจทิ้งการป้องกันเศษหินแล้วล่วงหน้าไปจัดการลาวาตั้งแต่ต้นทางเลยแล้วกัน

“ท่านหมอ….”ขณะที่จูล่งกำลังตามไป๋หลินไปช่วยผู้บาดเจ็บในขบวนรถไฟ อยู่ๆกลุ่มชายชุดแดงก็ส่งเสียงโหวกเหวกออกมาทันที

“ปล่อย…”หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางพยายามเดินออกมาจากกลุ่มคนชุดแดงที่ล้อมตนเองเอาไว้

“ไม่ได้นะขอรับท่านหมอ ถ้าเกิดอันตรายขึ้นกับท่านละก็”พวกคนชุดแดงพูดด้วยท่าทีกังวล

“พวกท่านก็ทราบดีไม่ใช่หรือว่าข้าเป็นหมอ แล้วจะให้ข้ายืนมองคนบาดเจ็บแบบนี้หรือยังไง”หญิงสาวคนนั้นว่าพลางพยายามแทรกตัวออกจากกลุ่มชายชุดแดงที่ทำหน้าที่คุ้มกันตนเองเอาไว้

“ไม่ได้หรอกขอรับ ท่านเป็นแขกคนสำคัญขององค์จักรพรรดิ พวกเราปล่อยให้ท่านไปไม่ได้”ชายชุดแดงว่าพลางกางแขนออกขวางทางหญิงสาวคนนั้นเอาไว้

“พี่สาว”จูล่งที่กำลังจะตามไป๋หลินไปชะงักเท้าลงพลางมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนชุดแดงทันที

“พี่สาวเป็นหมอหรือขอรับ”จูล่งถามพลางเดินเข้าไปหากลุ่มชายชุดแดงอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนพี่สาวเองก็ต้องการหมอมาช่วยด้วยเช่นกัน พอได้ยินว่ามีหมออยู่ใกล้ๆจูล่งก็เข้าไปหาทันที

“ใช่ ข้าเป็นหมอ”หญิงสาวคนนั้นว่าพลางมองผ่านแว่นตาของตนมาทางจูล่ง

“งั้นข้าขอแรงพี่สาวหน่อยนะ”จูล่งพูดจบก็แทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนชุดแดงอย่างรวดเร็ว ด้วยกำลังของจูล่งไม่มีใครสามารถขวางมันได้อยู่แล้ว เพียงพริบตาเดียวมันก็แทรกเข้ามาแล้วดึงร่างของหญิงสาวผู้เป็นหมอออกไปทันที

“จูล่ง…เจ้าทำอะไรอยู่”ไป๋หลินถามพลางหันมามองจูล่งด้วยท่าทีประหลาดใจ

“ข้าได้หมอมาช่วยอีกคนแล้วขอรับ”ไป๋จูล่งยิ้มกว้างพลางจูงมือหญิงสาวคนนั้นมาตรงจุดที่รถไฟเกิดความเสียหายทันที ตอนนี้ไป๋หลินดันชิ้นส่วนที่เสียหายออกไปแล้ว ทำให้สามารถเข้าไปในส่วนที่เสียหายได้อย่างปลอดภัย เพียงแต่ผู้บาดเจ็บนั้นมีจำนวนมากทีเดียว

“ดี น้องสาวเจ้าช่วยพวกเรา…”ไป๋หลินยังพูดไม่ทันจบ อยู่ๆหญิงสาวคนนั้นก็พุ่งวาบเข้าไปหาชายคนหนึ่งที่นอนล้มอยู่กับพื้นทันที

ฉึก!!อยู่ๆหญิงสาวคนนั้นก็เรียกเอาเข็มยาวเล่มหนึ่งออกมาแทงไปที่อกของชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดที่อกของชายคนนั้นไหลออกมาเป็นจำนวนมาก

“นี่เจ้า….”ไป๋หลินขมวดคิ้วพลางมองหญิงสาวที่เข้ามาช่วยด้วยความประหลาดใจ ไม่ใช่เพราะนางทำเรื่องเหลือเชื่อแต่อย่างไร เพียงแต่นางทำการรักษาได้ถูกต้องจนน่าตกใจ เพียงแต่นางรู้ได้อย่างไรว่าชายคนนี้มีเลือดคั่งในช่องอกต้องเจาะเพื่อระบายเลือดออกมา

“……”พริบตานั้นไป๋หลินเหลือบไปเห็นดวงตาของหญิงสาวคนนั้นเข้า ดวงตาของนางยามนี้กลายเป็นสีเขียวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หรือว่านางจะมีพลังของดวงตาสีเขียวที่ช่วยให้สามารถมองทะลุสิ่งต่างๆได้กัน….มิน่าเล่านางถึงสามารถช่วยเหลือชายคนนั้นได้อย่างแม่นยำ

“ดี”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มออกมา ท่าทางการช่วยเหลือคนในขบวนรถจะรวดเร็วขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย จูล่งนับว่าตามีแววไม่น้อยหาหมอมีฝีมือแบบนี้มาด้วยได้