ตอนที่ 453 โอกาสรอด

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 453

โอกาสรอด

“ขอบคุณมาก”ชายที่โดนไป๋หลินอุ้มมานอนอยู่ตรงเบาะของรถไฟส่วนที่ยังไม่เสียหายขอบคุณออกมาพลางหายใจเข้าลึกๆหลังจากได้รับการรักษา พวกยอดฝีมือในขบวนส่วนใหญ่ออกไปช่วยป้องกันเศษหินจากภูเขาไฟแล้ว ทำให้ในขบวนรถมีคนช่วยงานไป๋หลินและจูล่งไม่มาก

“อากกก”เสียงร้องเสียงหนึ่งดังขึ้นหลังจากจูล่งช่วยดัดแขนที่หักของชายคนหนึ่งให้กลับมาเหมือนเดิม

“เห็นไหมขอรับ เจ็บครั้งเดียวเอง”จูล่งยิ้มกว้างพลางหาผ้ามาพันแขนของชายคนนั้นเอาไว้ ดูเหมือนว่าผู้มีวิชาแพทย์บนขบวนรถครั้งนี้จะเต็มไปด้วยคนมีฝีมือจริงๆ แม้จะมีแค่ 3 คนแต่ก็สามารถให้การรักษาได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องจนผู้บาดเจ็บจากส่วนที่เสียหายเริ่มลดลงช้าๆ

“แย่แล้ว….”เสียงหญิงสาวผู้เป็นหมอของกลุ่มชายชุดแดงพูดพลางมองร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่นอนอยู่บนเบาะ อาการบาดเจ็บของคนอื่นๆแม้จะหนักแต่ก็ไม่ถึงขั้นอันตราย แต่เด็กคนนี้บาดเจ็บหนักมากทีเดียว บางทีอาจจะเจ็บหนักที่สุดในเหล่าผู้โดยสารทั้งหมดเลยก็ได้ เรียกได้ว่าแค่ยังหายใจอยู่ตอนนี้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว

“…..”ไป๋หลินเห็นท่าทีหญิงสาวผู้เป็นหมออีกคนไม่ค่อยดีจึงผละจากชายที่ตนพึ่งไปส่งมาหาหญิงสาวคนนั้นเพื่อจะช่วยดูอาการของเด็กชาย แต่เมื่อใช้ดวงตาสีเขียวตรวจสอบดูแล้วกลับพบว่าร่างกายของเด็กชายเสียหายหนักมาก แถมยังมีเศษโลหะทิ่มอยู่กลางอกอีกต่างหาก พอมองด้วยดวงตาสีเขียวแล้วก็พบว่าเด็กคนนี้โดนเศษเหล็กทะลุกลางหัวใจเลยทีเดียว ที่ยังไม่ตายน่าจะเพราะเศษเหล็กปิดปากแผลเอาไว้พอดีเท่านั้น หากเอามันออกเด็กคนนี้จะเสียเลือดตายทันที แต่หากไม่เอาออกเด็กคนนี้ก็จะตายไปช้าๆอยู่ดี

“ตรงนี้ให้ข้า…”ไป๋หลินพูดพลางเตรียมจะเข้าไปช่วยหญิงสาวคนนั้น หมอธรรมดาไม่อาจรักษาอาการแบบนี้ได้แน่ๆ แต่หากเป็นไป๋หลินที่ได้รับสืบทอดวิชาจากท่านน้าและท่านพ่อมาละก็….

จ๋อม…..ไม่รอให้ไป๋หลินได้พูดอะไรต่อ หญิงสาวตรงหน้าก็ราดน้ำยาฆ่าเชื้อลงบนร่างของเด็กชาย ก่อนจะเรียกมีดเล่นเล็กๆออกมาจากมิติของตนทันที ต้องบอกว่าโชคดีอย่างมากที่ในมิติไม่มีการปนเปื้อนทำให้สามารถรักษาความปลอดเชื้อของอุปกรณ์ได้ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นคงต้องมามัวทำความสะอาดเครื่องมืออีกแน่ๆ ส่วนเรื่องความสะอาดของสถานที่นั้นท่าทางจะเป็นเรื่องช่วยไม่ได้เสียแล้ว

วูบ….ไป๋หลินใช้พลังธาตุน้ำออกมาทำความสะอาดรอบๆจนไม่เหลือฝุ่นแม้แต่น้อย ส่วนเรื่องอากาศไหลเวียนนั้นไป๋หลินก็ใช้พลังธาตุลมช่วยอีกที ยิ่งเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งเท่าไหร่ การสร้างห้องปลอดเชื้อเช่นนี้ก็ยิ่งง่ายดาย

“ลงมือสิ”ไป๋หลินพูดพลางมองมีดในมือของหญิงสาว มีดเช่นนั้นเป็นมีดสำหรับรักษาด้วยการผ่าตัดอย่างแน่นอน ไม่นึกเลยว่าเวลาผ่านไปนับสิบปีจะมีเด็กที่เรียนรู้วิธีรักษาชั้นสูงอย่างการผ่าตัดสำเร็จแล้ว ทั้งๆที่ตอนท่านพ่ออยู่พยายามสอนในโรงเรียนของประชาชนแล้วยังหาคนทำความเข้าใจได้ยากมาก

“จะ เจ้าค่ะ”หญิงสาวตอบพลางใช้ดวงตาสีเขียวจ้องมองร่างของเด็กชายอย่างตั้งใจ

ฟุบ!มือของหญิงสาวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ พลังวิญญาณของนางนับว่าสูงอยู่หรอกแต่ดูท่าทางนางจะไม่ได้เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่ฝึกฝนวิชาต่อสู้นัก เพียงแต่ความเร็วมือและความแม่นยำของมือนั้นนับว่าเหลือเชื่อมาก แม้แต่เหล่าคนชุดแดงที่ห้ามนางเอาไว้ก่อนหน้านี้ยังมองตาค้างชนิดที่ว่าพูดอะไรไม่ออกเลย

“งดงามมาก”ไป๋หลินชื่นชมพลางมองภาพตรงหน้าอย่างชื่นชม ที่นางยังไม่ไปไหนนอกจากจะต้องรักษาสภาพห้องปลอดเชื้อเอาไว้แล้วนางยังห่วงว่าหญิงสาวคนนี้จะมีฝีมือพอหรือไม่ หากเปิดข้อผิดพลาดไป๋หลินจะเข้าไปจัดการแทนทันที แต่จากเริ่มจนจบหญิงสาวคนนี้กลับสามารถลงมือผ่าตัดได้อย่างยอดเยี่ยม หากนับเพียงฝีมือผ่าตัดอย่างเดียวนางน่าจะเหนือกว่าจูล่งอีกกระมัง เจ้าเด็กคนนั้นทำได้ทุกอย่างก็จริง แต่ขาดความละเอียดอ่อนไปสักหน่อย

“ท่านหมอ ลูกชายข้า….”ชายคนหนึ่งที่ไป๋จูล่งพึ่งรักษาเสร็จไปถามออกมาพลางมองมาทางเด็กชาย ท่าทางชายคนนี้จะเป็นพ่อของเด็กคนนี้กระมัง

“ยังมีโอกาสรอดเจ้าค่ะ”หญิงสาวตอบพลางหลับตาลงช้าๆ การผ่าตัดหัวใจเป็นเรื่องยากมาก และยังต้องแข่งกับเวลา ทำให้นางใช้พลังสมองและพลังกายไปเป็นจำนวนมาก

“มีโอกาส….”ชายคนนั้นเบิกตากว้างพลางมองไปทางลูกชาย แม้จะฟังดูดี แต่นั่นหมายความว่าลูกชายของมันกำลังจะตาย เพียงมีโอกาสยื้อเอาไว้ได้นิดหน่อยไม่ใช่หรืออย่างไร

“แต่ถ้าได้ยาช่วยละก็”หญิงสาวว่าพลางมองไปทางเด็กชายด้วยท่าทีลังเล นางเย็บบาดแผลของเด็กคนนั้นจนปิดกันสนิทแล้ว รอยเย็บสวยงามชนิดที่ว่าหาสวยกว่านี้ไม่ได้อีก แต่ร่างกายเด็กคนนั้นอ้อนแรงมาก เกรงว่าจะรักษาร่างกายด้วยตนเองไม่ทัน

“ยา….ยาอะไรหรือขอรับ”ชายคนนั้นถามพลางเอาแหวนมิติของตนออกมา คนจะมานั่งรถไฟขบวนนี้ได้ย่อมมีฐานะไม่น้อย เพียงพริบตาเดียวชายคนนั้นก็เอาสมุนไพรหายากออกมาเป็นจำนวนมาก เพียงแต่สมุนไพรพวกนั้นมีผลรุนแรงเกินไป มองเพียงครู่เดียวไป๋หลินก็ทราบทันทีว่าสมุนไพรพวกนั้นไม่สามารถใช้ได้กับเด็ก ท่าทางนางคงจะต้องเอายาที่ปรุงเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมาเสียแล้ว

“เกรงว่าจะต้องใช้เสียแล้ว”ไป๋หลินยังไม่ทันเอายาออกมา หญิงสาวตรงหน้านางก็เรียกเอากล่องไม้กล่องหนึ่งออกมา ในกล่องหรูหราท่าทางราคาแพงนั้นมีเม็ดยาเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น ไม่ต้องบอกก็ทราบว่าเป็นยาล้ำค่าแน่นอน

“…..”ไป๋หลินนิ่งไปครู่หนึ่งพลางสูดดมกลิ่นของยาที่หญิงสาวนำออกมา แม้จะยังไม่ดีเท่าที่ตนจะเอาออกมา แต่เพียงเท่านั้นน่าจะเพียงพอแล้ว

“ท่านหมอ ไม่ได้นะขอรับ”หญิงสาวกำลังจะหยิบยาออกมาป้อนให้เด็กผู้ชาย อยู่ๆชายชุดแดงก็เข้ามาขวางเสียก่อน

“ถ้าไม่ให้ยาละก็ เด็กคนนี้อาจจะตายนะเจ้าคะ”หญิงสาวว่าพลางพยายามดึงมือตัวเองออกมาจากแขนของชายชุดแดง

“เกรงว่าจะไม่ได้ขอรับ”ชายชุดแดงส่ายหน้าช้าๆ มันยอมให้นางไปรักษาคนอื่นก็จริง แต่หากถึงขั้นเอายาเม็ดนี้ไปให้เด็กคนนั้นกินละก็มันไม่ยอมแน่ๆ

“เจ้า…ทำไมต้องมาขวาง”พ่อของเด็กผู้ชายถามพลางมองไปทางชายชุดแดงนิ่ง เครื่องแบบของมันบ่งบอกว่าเป็นทหารของอาณาจักรอู๋ เพียงแต่พ่อของเด็กคนนั้นกลับมีตำแหน่งสูงพอจะไม่สนใจทหารของอาณาจักรอู๋ได้เหมือนกัน

“ยานั่นเป็นยาขององค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรอู๋ เราไม่อาจมอบให้เด็กคนนั้นได้จริงๆ”ชายชุดแดงตอบออกมาด้วยท่าทีจริงจังอย่างมาก

“……”เมื่อได้ทราบว่ายาเม็ดนั้นเป็นของใคร พ่อของเด็กผู้ชายก็เงียบไปทันที หากยาเม็ดนั้นเป็นขององค์รัชทายาท ตัวมันจะไปมีหน้าขอมาได้อย่างไร

“ไม่เป็นไร ข้าจะปรุงมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ตอนนี้ต้องช่วยเด็กคนนี้ก่อน”หญิงสาวว่าพลางดึงมือตนเองออกมาจากมือของทหารชุดแดง แต่น่าเสียดายกำลังของนางไม่มากพอจะทำแบบนั้น

“ไม่ได้ขอรับ พวกเราไม่อาจเสี่ยงได้ หากมอบยาให้องค์รัชทายาทช้าละก็….”ชายชุดแดงเองก็มีท่าทีกังวลมากเช่นกัน ตอนนี้องค์รัชทายาทเองก็ต้องการยานี้เช่นกัน

“ไม่เป็นไร อาการขององค์รัชทายาทยังรอได้ หากรวบรวมวัตถุดิบได้ทันละก็”หญิงสาวว่าพลางเริ่มคำนวณในหัว สิ่งที่ยากที่สุดในการรักษาองค์รัชทายาทนั่นคือพระองค์ยังเด็ก การใช้สมุนไพรที่แรงกินไปจะทำให้เกิดผลเสีย

“ข้าจะยอมให้องค์รัชทายาทมาเสี่ยงเพราะลูกชายข้าไม่ได้หรอก”พ่อของเด็กผู้ชายว่าพลางถอนหายใจออกมา

“ท่านหมอ ถึงไม่กินยานั่นบุตรชายของข้าก็มีโอกาสรอดใช่หรือไม่”ได้ยินคำถามของผู้เป็นพ่อ หญิงสาวกลับไม่ได้ตอบอะไร หากไม่กินยาโอกาสรอดก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่มันก็เหมือนการเสี่ยงดวงเกินไป แบบนั้นในฐานะแพทย์แล้วนางรับไม่ได้

“เอาล่ะ….”ไป๋หลินว่าพลางเตรียมจะเอายาของตนออกมา เพียงแต่…

“ข้าขอนะขอรับ”ไป๋จูล่งที่รักษาคนอื่นๆจนเสร็จหมดแล้วเดินพรวดเข้ามาตรงที่หญิงสาวและชายชุดแดงยืนอยู่ เพียงพริบตาเดียวมันก็หยิบเอายาในมือของหญิงสาวคนนั้นไปเสียดื้อๆ ก่อนจะเดินเอาไปให้เด็กคนนั้นกินทันที

“………….”

“………..”

“………”

ภาพตรงหน้าทำเอาทั้งพ่อของเด็ก ตัวหญิงสาวผู้เป็นหมอ รวมทั้งพวกทหารชุดแดงเองอึ้งกันถ้วนหน้า พวกมันพยายามพูดคุยกันด้วยเหตุผลตั้งนานจนท่านหมอเองยังเริ่มจะยอมแล้วแท้ๆ แต่เพียงกะพริบตายาในมือของท่านหมอก็โดนป้อนให้เด็กผู้ชายไปแล้ว

“เจ้า เจ้าทำอะไรลงไป”ชายชุดแดงลุกพรวดไปหาจูล่งทันที ยานั่นมีค่ามหาศาลมาก ต่อให้มีเงินก็ไม่อาจหามาได้ เพราะสมุนไพรที่ใช้หายากมาก ด้วยกำลังของอาณาจักรอู๋ตอนนี้ยังไม่อาจหามาได้มากพอในเวลาอันสั้นเลย

“มีอะไรหรือขอรับ”จูล่งกะพริบตาปริบๆราวกับไม่รู้เรื่องอะไร

“เจ้าเอายาไปให้เด็กคนนั้นกินได้อย่างไร รู้หรือไม่ว่ายาเม็ดนั้น….”

“ถ้าไม่ให้ เด็กคนนี้จะตายนะขอรับ”จูล่งตอบออกมาเต็มปากเต็มคำ หากเป็นคนอื่นคงคิดว่าจูล่งเพียงคาดเดาเท่านั้น แต่ไป๋หลินที่เห็นว่าดวงตาของจูล่งยามนี้เป็นสีเงินนั้นกลับเข้าใจทันทีว่าจูล่งหมายถึงอะไร หากไม่เอายาให้เด็กคนนั้นจะตาย นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงการคาดเดา

“จับมัน”ทหารชุดแดงว่าพลางเรียกอาวุธออกมา ไม่ว่าจะเพราะอะไรแต่จูล่งก็เป็นผู้ขโมยยาขององค์รัชทายาท ความผิดในข้อนี้มากพอจะประหารชีวิตแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม

“อ่า….จูล่งข้าไม่ไหวแล้วเจ้าช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่”ทหารชุดแดงยังไม่ทันทำอะไร อยู่ๆชิงชิวในสภาพเสื้อผ้าไหม้ไปหลายส่วนก็กระโดดเข้ามาในขบวนรถไฟ อาจจะเพราะตัวมันมีพลังธาตุลมก็ได้เลยหยุดลาวาเอาไว้ไม่ไหว แม้จะใส่คมมีดวายุหรือกระสุนวายุก็ทำได้แค่ชะลอลาวาเท่านั้น แถมลมยังทำให้ไฟยิ่งปะทุอีกต่างหาก

“ขอรับ”จูล่งทำหน้าใสซื่อราวกับไม่ได้สนใจพวกทหารที่กำลังมาตามจับตน มันตามชิงชิวออกไปข้างนอกซึ่งยามนี้เริ่มเห็นลาวาที่ไหลมาจากภูเขาไฟแล้ว

ตูม!! ทวนในมือจูล่งฟันออกไปอย่างรุนแรงทำเอาลาวาที่ไหลลงมาแยกออกเป็นสองทางไม่อาจไหลลงมาตรงที่ขบวนรถไฟอยู่ได้

“ขอโทษขอรับ ข้ากลับมาแล้ว”จูล่งว่าพลางยิ้มกว้างให้กับพวกชายชุดแดงอย่างกับเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราว

“จะ…..”ชายชุดแดงจะพูดว่าจับตัวจูล่งเอาไว้ แต่ภาพเมื่อครู่กลับทำให้มันพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น

“เฮ้อ พวกเจ้านี่นะ”ไป๋หลินเท้าเอวด้วยท่าทีไม่พอใจ นางจะพูดตั้งหลายครั้งแล้วพวกมันก็ไม่ปล่อยให้นางพูดเสียที

“พวกเจ้าพาข้ากับน้องชายไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิซะ ข้าจะอธิบายให้จักรพรรดิอู๋เข้าใจเอง”ไป๋หลินพูดจบก็บอกให้คนของอาณาจักรอู๋ทั้งหมดออกไปข้างนอกเพื่อจะได้ขึ้นขี่หลังของไป๋ไป่เดินทางต่อ ยามนี้รางรถไฟโดนลาวาทำลายเสียหายคงจะเดินทางด้วยรถไฟต่อไม่ได้