กวนเซียงโบอดที่จะประหลาดใจไม่ได้ 

 เจ้าเด็กนี่ช่างไร้เดียรสา … เจ้าเปิดเผยตัวตนของเจ้าภายในสามคำ !

“ พวกเราเคยได้ยินเรื่องของทะเลสาปหมอกวิญญาณแล้ว ”

กวนเซียงโบยิ้ม และพูด

“ ความจริง เราไปอยู่ที่นั่น หนึ่งวันครึ่ง ตั้งแต่ที่เรามาถึงเทียนเชียง ”

“ เอ๋ ? ท่านพี่คงได้รับประสบการณ์ที่ดี ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้าคิดว่าข้ามิใช่คนเดียวในโลกนี้ ”

จวินโม่เซี่ยหน้าบาน ราวกับว่าได้เจอเพื่อนร่วมอุดมการ

“ แล้ว ? เป็นยังไงบ้าง ? เด็กชาย ? เด็กหญิง ? หรือทั้งคู่ ? อี้… ฮี่ฮี่ ….”

ใบหน้าของกวนเซียงโบเผยให้เห็นร่องรอยแห่งความเขิลอายขณะที่เขาพูด

“ ไม่เลย … พวกเราไปที่นั่นเพื่อทำธุรกิจ … ”

“ ท่านพี่ ! ”

กวนเซี่ยงโบกำลังพูดอยู่ถึงกลางประโยคในขณะที่น้องชายของเขาขัดจังหวะ และชำเลืองตาเพื่อเตือน

กวนเซียงโบ หัวเราะอย่างอิสระและมีท่าทางที่เรียบง่าย 

“ ฮ่าฮ่า เซียงยี่ ผู้ชายจะต้องซื่อสัตว์และซี่อตรงต่อเส้นทางของเขา และจะต้องไม่ปิดมันมันต่อโลก ไม่มีอะไรต้องอาย ยิ่งไปกว่านั้น นายน้อยสามคือส่วนหนึ่งในสกุลของเรา ดังนั้นเราจึงสามารที่จะพูดคุยเรื่องต่างๆกับเขาได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร ”

จวินโม่เซี่ยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“ ถูกต้อง ”

แม้ว่าเขาจะสับสนเล็กน้อย 

 หรือสองพี่น้องคู่นี้จะไม่ลงรอยกันเท่าใหร่ ? กวนเซียงโบพยายามที่จะเปิดเผยความปราถนาของน้องชายตัวเอง … เกิดอะไรขึ้น ?

“ ค่อนข้างจะชัดเจนนายน้อยสาม เพื่อนของน้องชายข้าอยู่ในทะเลสาปหมอกวิญญาณ อ่า นี่จึงเป็นจุดประสงค์ที่เรา … ทำธุรกิจ ”

กวนเซียงโบฉลาดที่จะใช้คำว่า ธุรกิจ สำหรับ กิจกรรมและบริการที่หญิงสาวในซ่องเหล่านั้นมอบให้พวกเขา … 

 เจ้าเป็นอะไร ? พ่อค้าเนื้อ ?

“ นั่นละคือสิ่งที่ข้าคิด ”

ทันใดนั้นจวินโม่เซี่ยก็ตระหนักได้

“ น้องสองช่างเป็นคนที่โรแมนติกยิ่งนัก ฮ่าฮ่า … แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ”

ในที่สุดความคิดของจวินโม่เซี่ยก็เชื่อมโยงเหตุและผล และสุดท้ายเขาก็สามารถบอกได้ว่า เหตุใดช่วงเวลาที่ได้เจอกับการลอบสังหารนั้นช่างแม่นยำยิ่งนัก แม้คนธรรมดาก็ไม่รู้ถึงที่สถานที่ ที่เขาอยู่เนื่องจากกิจกรรมต่างๆที่เขาทำนั้นถือเป็นความลับของสกุลจวิน 

 คนทรยศกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเราแล้ว !

แต่เป็นการยากที่จะป้องกันคนทรยศนี้ !

ไม่ต้องสงสัยถึงตัวตนของเพื่อนของกวนเซียงยี่ … เห็นได้ชัดว่าคือ แม้นานยี่เอ๋อ ! เห็นได้ชัดว่า เขาได้เปิดเผยที่อยู่ของจวินโม่เซี่ยแก่นาง ซึ่งได้ทำให้เขาต้องพบเจอกับเรื่องนี้ !

สำหรับ กวนเซียงยี่ … เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง

จวินโม่เซี่ยมั่นใจในเรื่องนั้น !

ไม่เช่นนั้น เขาคงจะไม่ตกใจ และหวาดกลัว ในตอนที่ได้เห็นว่า จวินโม่เซี่ยนั้นปลอดภัยและไม่เป็นอะไร

แม่งเอ้ย ! พวกเราต้อนรับพวกเจ้าอย่างสุภาพและปฏิบัติกับเจ้าดั่งเป็นคนในครอบครัว และเจ้ายังไปปากโป้งเช่นนั้นอีก ?

จวินโม่เซี่ยสาปแช่งอยู่เงียบๆภายในใจ รู้ตัวว่านี่มิใช่เวลาที่เขาจะแก้แค้น ความจริง เห็นได้ชัดจากภาษากายของกวนเซียงโบ ว่าเขายังไม่รู้ถึงการกระทำที่แท้จริงของน้องชายของเขา ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าพ่อของเขาจะมากับสกุลของเขาด้วย แต่ก็ดูเหมือนเรื่องนี้จะยังเป็นความลับ มิเช่นนั้นเขาก็คงจะไม่กล้าเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้

เด็กหนุ่มนั้นหุนหัน หากหญิงสาวร้องขอและอ้อนวอนเด็กหนุ่มเพื่อความพึงพอใจ ชายผู้นั้นก็จะสัญญาโดยไม่ให้ครอบครัวเขารู้ ปกติแล้วคนเช่นนี้ก็ไม่เข้าใจถึงผลที่ตามมาจากการกระทำของพวกเขา ! 

 ความกล้าที่โง่เขลา !

จวินโม่เซี่ยถอนหายใจ

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ข้าจะได้แก้แค้น แต่ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอย่างมีความสุข ! ดังนั้น ยี่เอ๋อคือที่หมายปองของเจ้าใช่ไหม ? ดี ! เยี่ยม ! ให้ข้าพูดถึงที่รักของเจ้า ยี่เอ๋อ ! เจ้านี่แม่งโชคดีที่ข้าไม่สังหารเจ้าไปซะตั้งแต่ตอนนี้ !

“ ข้าพนันว่าเจ้าทั้งสองมีเพื่อนที่ทะเลสาปหมอกวิญญาณน้อยกว่าข้า ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ได้ดูถูกนะ แต่ข้าไปยังทะเลสาปหมอกวิญญาณบ่อยมาก ”

จวินโม่เซี่ยยิ้มขณะที่เขากระซิบ

“ หากจะให้พูด ข้าสามารถแนะนำสถานที่แถวๆนั้นให้พวกเจ้าได้ ”

“ ฮ่าฮ่า ที่นี่เป็นบ้านของเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องคุ้นเคยกับมันมากกว่าพวกเราอยู่แล้ว ”

กวนเซียงโบยิ้มกลับมา

“ ถูกแล้ว ! และข้าก็เคยได้เปิดซิงหญิงสาวหลายคนที่นั่น ”

จวินโม่เซี่ยกระซิบขณะที่ใบหน้าของเขาเริ่มแสดงสีหน้าที่ลามกและมีชัยชนะ

“ อย่างเช่น ยี่เอ๋อแห่งศาลานี่ฉาง .. ที่บอกกันว่านางเป็นหญิงที่สวยที่สุดในทะเลสาปหมอกวิญญาณ นายน้อยผู้นี้นั้นอ่อนโยนมากพอที่จะได้เป็นลูกค้าคนแรกของนาง ”

“ … ”

ทันใดนั้น กวนเซียงโบก็รู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ ! 

 ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้ไปยังทะเลสาปหมอกวิญญาณกับเรา … แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่า ที่รักของน้องของข้าชื่อว่ายี่เอ๋อ ?

เขาพูดถึงหญิงคนเดียวกันจริงหรือ ?

ทันใดนนั้น ใบหน้าของกวนเซียงยี่เริ่มซีดเผือก ! ดวงตาของมองไปยังจวินโม่เซี่ยด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธ ขณะที่เขากลืนน้ำลาย  และพูดออกมาอย่างช้าๆด้วยน้ำเสียงที่ไม่เร่งรีบ

“ นายน้อยสามต้องอย่าโอ้อวดเกินไป แม่นางยี่เอ๋อนั้นเป็นหญิงบริสุทธิ ดังนั้น ได้โปรดอย่าดูถูกความเคารพตัวเองของนาง ! ”

“ อะไรนะ ? เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ? และอะไรคือการเคารพตัวเองที่โสเภณีมี ? อย่างไรก็ตาม ข้าก็สามารถพิสูจน์มันได้ ”

สีหน้าของจวินโม่เซี่ยเริ่มทะนงตัวมากขึ้น ในขณะที่รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งดูน่ารังเกียจ

“ ให้ข้าบอกเจ้านะ แม้นางยี่เอ๋อมีป่านแดงสามอันที่ก้น ซึ่งมันอยู่ใกล้กันมากจริงๆ ผิวของนางนั้นนุ่มนวลและอ่อนโยน เอวของนางเรียบเนียน ริมฝีปากที่เร่าร้อน และ น่าอกที่ใหญ่โตจนที่ทำให้ข้านอนไม่หลับไปหลายคืน ข้าจะให้เงินแก่นางเป็นจำนวนมาก แต่นางบอกข้าว่านางรักข้า และไม่ต้องการจะขายตัว ข้าใช้เวลาหลายวันกับนางแต่แล้วข้าก็จากมาเพราะข้าไม่รู้ว่านางต้องการอะไร … ”

มีสีหน้าที่สุดแสนจะวิตถารบนใบหน้าของจวินโม่เซี่ย และดวงตาของเขาก็เปิดเผยถึงประกายแห่งความทรงจำ เขากลืนน้ำลายลงคอไป ในขณะที่มือยังคงค้างอยู่ในอากาศราวกับว่าเขายังคงพยายามสัมผัสถึงผิวที่เรียบเนียนของนาง …

“ นั่นพอแล้ว ! ”

ทันใดนั้นกวนเซียงยี่ก็คำรามออกมาขณะที่เขายืนขึ้นจากเก้าอี้ เขามองไปยังจวินโม่เซี่ยด้วยดวงตาที่แดงก่ำ และเริ่มสาปแช่ง

“ จวินโม่เซี่ย ! เจ้ามันคนเลว ! เจ้ามันชั่วช้า ! เจ้ามันไร้ยางอาย ! ”

ทันใดนั้นจวินโม่เซี่ยก็รู้สึกตัวด้วยความตกใจ และอกที่จะตัวสั่นในขณะที่มีสีหน้าที่ตกใจไม่ได้

“ เจ้า … เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน ? ”

การระเบิดอารมณ์ออกมาในครั้งนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง !

สกุลจวิน และสกุลกวนนั้นมิได้เกี่ยวข้องกัน แต่ก็ยังมีความเกี่ยวกันพัน และเนื่องจากญาติของพวกเขามาเยี่ยมเยียน จวินจ้านเทียนก็ตัดสินใจที่จะจัดงานเลี้ยงขึ้นด้วยตัวเอง การพูดคุยของกวนดุงหลิวก็นำพารอยยิ้มมาให้แก่ผู้อาวุโส ในขณะที่จวินวูอี้และกวนหลูซาน ผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆพวกเขาก็เข้าร่วมเสริมการสนทนาด้วย จึงทำให้พวกเขาหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

ไม่มีผู้ใดคิดว่า ลูกชายคนรองสองแห่งสกลกวนนั้นจะโมโหขึ้นมาอย่างกระทันหัน ! ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีผู้ใดคาดว่า เขาจะเริ่มว่าร้ายแก่นายน้อยแห่งสกุลจวินด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงเช่นนั้น ดูราวกับว่า จวินโม่เซี่ยสังหารพ่อของเขา และชิงเอาภรรยาของเขาไป

แม้แต่เทพเชวียนก็ยังคงยากที่จะรับกับปฏิกริยาในเหตุการณ์เช่นนี้ จวินจ้านเทียน จวินวูอี้ กวนดุงหลิว กวนหลูซาน และ หวนเซียงฮัน ได้รับการเสิร์ฟอาหารโดยผู้เฒ่าผัง และตอนนี้ พวกเขาก็มองหน้ากันอย่าพูดอะไรไม่ออก …

ไม่ต้องนึกถึงปฏิกริยาของคนอื่น ทั้งจวินวูอี้และจวินจ้านเทียนนั้นเป็นวีรบุรุษผู้ผ่านสงครามมา และได้พบกับเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงมามากมาย แต่เขาก็ยังตกตะลึงกับอาการบ้าคลั่งของเด็กหนุ่มผู้นี้ !

ลูกชายคนที่สองแห่งสกุลกวนนั้นเสียงดังมากพอที่จะทำให้เกิดอันตรายกับชีวิตได้ !

เขามองไปยังจวินโม่เซี่ยในขณะที่นิ้วอันสั่นเทาของเขาค่อยๆขยับไปยังมีดพกที่อยู่ที่ข้อมือของเขา ราวกับว่า เขาพร้อมที่จะสังหารจวินโม่เซี่ยได้ในตอนนี้เลย

“ เจ้าเด็กเลว ! เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ ? ”

สุดท้ายแล้วกวนดุงหลิวก็ได้สติ และสาปแช่งออกมา เขาไม่เคยคาดว่า ลูกชายที่มารยาทดีของเขาจะเริ่มสาปแช่งจวินโม่เซี่ย 

 เจ้าไม่สามารถหยาบคายกับสกุลจวินได้ถึงแม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมา และเจ้ายังว่าร้ายแก่ทายาทเพียงผู้เดียวแห่งสกุลจวินอีกอย่างนั้นหรือ ?!

เห็นได้ชัดว่า กวนดุงหลิวไม่รู้ว่าคำพูดของจวินโม่เซี่ยยั่วโมโห กวนเซียยี่ได้อย่างไร !

กวนดุงยี่ตกหลุมรักยี่เอ๋อตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น เมื่อนานมาแล้ว แต่เขาจำเป็นต้องจากนางไปเนื่องจากเขาจะต้องกลับไปยังบ้านเกิดของเขา การไล่ตามยี่อ๋ออย่างโง่เขลาทำให้เขาเป็นบ้า ยี่เอ่อกลายมาเป็นสิ่งเดียวในชีวิตของเขา และเป็นเทพธิดาในใจของเขา ! เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมให้ใครมากล่าวคำดูหมิ่นนางได้

เขาไม่สามารถทนฟังคำพูดไม่ดีเกี่ยวกับนางได้แม้แต่คำเดียว !

จากนั้นวันหนึ่ง กวนเซียงยี่ก็ได้รับข้อความจากยี่เอ๋อด้วยคำสองคำ 

 เจ้าคือสมบัติล้ำค่า ! 

จากนั้น ทุกอย่างที่มิใช่ยี่เอ๋อก็หายไปจากสายตาของเขาในทันที

เขาปราถนาในตัวยี่เอ๋อ ซึ่งมันลดลงเนื่องจากระยะทางระหว่างพวกเขาทั้งสอง แต่มันก็รุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง เขาได้ส่งข้อความไปหายี่เอ๋อว่าเขาจะกลับไปยังเมืองเทียนเชียงอีกครั้ง หวังว่ามันจะทำให้นางมีความสุข จริงๆแล้ว เขามีความสุขอย่างมาก เมื่อได้คิดว่าจะได้เจอนางอีกครั้ง !

เมื่อเขาบอกยี่เอ๋อว่าเขามาเยี่ยมสกุลจวินกับพ่อและพี่ชายของเขา รอยยิ้มที่แสนโศกเศร้าได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนาง และนางก็เริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆที่จวินโม่เซี่ยก่อปัยหาให้นางเมื่อไม่นานมานี้ เห็นได้ชัดว่านางต้องการสั่งสอนจวินโม่เซี่ย และกวนเซียงยี่ก็สัญญาจะช่วยนางโดยไม่คิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา

เขาเปิดเผยตำแหน่งของจวินโม่เซี่ยแก่นาง มันทำให้เขารู้สึกพึงพอใจกับตัวเองอย่างมาก 

 สุดท้ายข้าก็มีโอกาสได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อนาง ! เมื่อเห็นว่าจวินโม่เซี่ยกลับโดยไม่ได้รับบาดเจ็บมันทำให้เขาเป็นกังวลถึงความปลอดภัยของยี่เอ๋อ …

นางต้องการทำให้เขาก้มหัวลงไป แต่จวินโม่เซี่ยกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย … แผนการของยี่เอ๋อมีบางอย่างผิดพลาดหรือเปล่า ? หากเป็นเช่นนั้น ตอนนี้นางเป็นเช่นไรบ้าง ? เขาคงไม่ทำให้นางบาดเจ็บใช่ไหม ?

เนื่องจากความคิดนี้ได้ครอบงำสองมของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถที่จะมองหน้าจวินโม่เซี่ยได้ ซึ่งเขาก็ทำได้แค่สาปแช่งโชคชะตาและการกระทำของตัวเอง จากทั้งหมดนี้ เขาก็เป็นคนหนึ่งที่เปิดเผยตำแหน่งของจวินโม่เซี่ย แล้วเขาจะไม่รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองเลยหรือ ?

อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่า พี่ชายของเขาและจวินโม่เซี่ยจะเข้ากันได้ดีอย่างรวดเร็ว และเริ่มพูดคุยถึงประสบการณ์ของพวกเขา โดยเริ่มพูดถึงเรื่องของยี่เอ๋อผู้เป็นที่รักของเขา ! ยิ่งไปกว่านั้น จวินโม่เซี่ยก็ยังพึงพอใจอย่างมากที่ได้เป็นผู้ชายคนแรกของนาง !

นี่คือคำดูถูกขนาดใหญ่สำหรับผู้ชายทุกคน ! ไม่ต้องพูดถึงหญิงสาวที่เขารัก และใส่ใจมากที่สุด  ซึ่ง … ไม่เพียงแต่ได้รับการปฏิบัติดั่งเช่นสิ่งของ แต่กลับถูกใช้ในเรื่องที่น่าอับอายเช่นนั้น ….

ชายผู้ใดกันที่สามารถทนฟังคำพูดเช่นนี้ได้ ?

ทั้งร่างของ กวนเซียงยี่นั้นพร้อมที่จะระเบิดความโกรธออกมาได้ตลอดเวลาา !

ความอับอาย และความเสื่อมเสีย