กวนเซียงยี่นั้นไม่ได้เชื่อจวินโม่เซี่ย แต่สิ่งที่จวินโม่เซี่ยอธิบายถึงนางและความจริงถึงรอยต่างๆบนตัวนั้นก็มากพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มผู้นี้เสียสติ !
กวนเซียงยี่ยืนขึ้นโดยไม่สนใจคำพูดของพ่อของเขา … ด้วยอาการหอบหายใจ เขาชูนิ้วขึ้นและชี้ไปที่จวินโม่เซี่ยขณะที่คำพูดของเขาผ่านริมฝีปากที่สั่นเทาของเขาออกมา
“ จวินโม่เซี่ย ! ข้าสาบานว่าข้าจะสังหารเจ้า ! ”
หัวใจของเขาเจ็บปวด ปอดของเขาแสบร้อน และ ความอับอายในฐานะลูกผู้ชายทำให้น้ำตาของเขาหลั่งออกมาในตอนที่เขาพูดจบ !
จวินโม่เซี่ยอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
เด็กน้อยน่าสงสาร เจ้าเชื่อยี่เอ๋อจริงๆหรือ ?!
เพียงแค่หนึ่งประโยคนี้ทำให้บรรยากาศภายในห้องหนาวเย็นราวกับค่ำคืนในหน้าหนาว ! ใบหน้าของจวินจ้านเทียนและจวินวูอี้หม่นหมอง แต่ภายในนั้นความอาฆาตรก็ได้ก่อตัวขึ้น !
ภายในบ้านสกุลจวิน … ต่อหน้าจวินจ้านเทียนและจวินวูอี้ มีใครบางคนขู่จะสังหารทายาทเพียงคนเดียวของสกุลจวินจริงๆหรือ ? หากมันเกิดขึ้นจริง ผู้คนในเมืองเทียนเชียงจะหัวเราะ และมองว่ามันเป็นเรื่องตลกที่โง่เง่ามากๆ ! แต่ตอนนี้ มีการเย้ยหยันนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ในบ้านของพวกเขา …
ทุกคนรู้ถึงความสำคัญของชีวิตของจวินโม่เซี่ย …
กวนดุงหลิว กวนหลูซาน กวนเซียงโบ และแม้แต่กวนเซียงอี้ ถึงกับหน้าซีด !
“ เจ้าโง่ ! หยุดไร้สาระเสียที ! ”
กวนดุงหลิวนิ่งเฉยไม่ได้อีกแล้ว และเขาก็ลุกขึ้นไปตบหน้าลูกชายของตัวเองในทันที
“ เจ้าต้องขอโทษบุตรแห่งสกุลจวินตอนนี้ไหม ?! ”
“ ข้าจะไม่ขอโทษเขา ! ข้าไม่ได้พูดอะไรผิด ! ”
กวนเซียงยี่ไม่ยอมหยุด และยังคงเพ่งมองไปยังจวินโม่เซี่ยอย่างไม่อาย ไม่แม้แต่จะเอามือปาดเลือดที่เริ่มไหลจากมุมปากของเขา
“ จวินโม่เซี่ย ด้วยความเป็นลูกผูชาย … ข้าขอท้าประลองกับเจ้า ! ”
“ ประลอง ! ทำไม? ”
จวินโม่เซี่ยมีสีหน้าที่สับสน และพยายามยิ้มขึ้นมาอย่างสับสนเล็กน้อย
“ พี่กวนสอง ข้าไม่รู้ว่าเมื่อใหร่กัน ที่ข้าทำให้เจ้าขุ่นเคือง ? เราเพิ่งจะได้เจอกันในครั้งแรก ! เราเกี่ยวข้องกันในการแต่งงาน … เจ้ามายังเมืองเทียนเชียง เจ้ามาดื่มกันกับสกุลของ้ขา และพวกเราก็ทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าบรรเทิงใจ และตอนนี้เจ้ามาท้าประลองข้าอย่างนั้นหรือ ?! เห็นได้ชัดว่าเจ้าต้องการจะสังหารข้า ! ข้าขอถามเหตุผลเจ้าหน่อยได้ไหม ? ”
“ เจ้า … เจ้าไม่ต้องถามหาเหตุผล ! เจ้ากล้าที่จะถามหาเหตุผลได้อย่างไรกัน ? หากเจ้าเป็นลูกผู้ชาย เจ้าควรจะยอมรับคำท้าของข้า ! ”
ดวงตาของกวนเซียงฮั่นเพ่งมองไปยังจวินโม่เซี่ยอย่างดุร้าย
“ เจ้าเด็กเลว ! เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่พ่อเจ้าพูดหรืออย่างไร ? ”
กวนดุงหลิวยื่นมือออกไปหมายที่จะตบหน้าลูกชายของเขาอีกครั้งในขณะที่หัวใจอันเป็นกังวลของเขาบังคับให้เขาแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้
วันนี้มันจะเกิดรับมือแล้ว … แม้ว่าสกุลจวินจะถือว่าเรามีความสัมพันธ์ต่อกัน เหตุใดพวกเขาถึงยังคงปล่อยให้ลูกชายคนที่สองของข้ากระทำการอวดดีเช่นนี้ ? แม้กระทั่งคนที่มีเหตุมีผลของสกุลจวิน อาจจะไม่มีเหตุผลในสถานการณ์เช่นนี้ !
เขารู้หรือไม่ว่าจวินโม่เซี่ยเป็นใคร ? เขาคือทายาทเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ของสกุลจวิน ! แม้ว่าลูกชายคนที่สองของข้าเพียงแค่ขู่จะสังหารเขา แต่หากใครขู่จะสังหารลูกชายของข้า ข้าก็คงจะส่งคนนั้นไปสู่ความตายโดยที่ไม่ให้โอกาสคนผู้นั้นได้อธิบายสถานการณ์เลย ! นี่คือสิ่งที่ข้าจะคิด แล้วเมื่อใหร่ที่ผู้เฒ่าจวินจะตัดสินใจเช่นนี้ละ?
กวนเซียงยี่ยังคงเพ่งมองไปยังจวินโม่เซี่ยพร้อมกับสีหน้าที่แน่วแน่และไม่ยอมกระพริบตา และไม่มีทีท่าว่าจะหลบการตบหน้าครั้งที่สองจากพ่อของเขา ในขณะที่มือของกวนดุงฮั่นอยู่กลางอากาศ และพร้อมที่จะตบลงไปให้แรงยิ่งกว่าครั้งแรก แต่แล้วก็มีมืออีกมือหนึ่งปรากฏขึ้นและคว้ามือของเขาไว้ กวนดุงฮั่นหันไปและรู้ว่านั่นคือมือของจวินวูอี้
จวินวูอี้ยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดอย่างเรียบง่าย
“ พี่กวน จะต้องมีเหตุผลอะไรที่อยู่เบื้อหลังคำพูดของลูกชายของท่าน เราจะต้องสืบสวนเรื่องนี้ให้ลึกลงไป จวินโม่เซี่ยอาจจะไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้ลูกชายคนที่สองของท่านขุ่นเคือง บ่อยครั้งที่มันเป็นการไม่ลงรอยกันของเด็กหนุ่ม และสำหรับผู้อาวุโส เราจะต้องไม่รีบแซกแทรงเพื่อหยุดพวกเขา … มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น มันอาจจะทำให้เข้าใจผิดไปกันใหญ่ถูกไหม ? ”
ร้อยยิ้มและสีหน้าที่เป็นมิตรของจวินวูอี้นั้นทำให้หัวใจที่สั่นกลัวของกวนดุงหลิวบรรเทาลง
แม้ว่าคำพูดของจวินวูอี้จะอ่อนโยนและสมเหตุสมผล แต่ยังมีร่องรอยแห่งอำนาจในภาษากายของเขา กวนดุงหลิวค่อยๆก้มลง ขณะที่เขารู้ว่าหากเขาแสดงอาการไม่เห็นด้วยนั้นอาจจะทำให้ครอบครัวของเขาต้องพบจุดจบ
“ ท่านน้าสาม โปรกให้ข้าได้สืบสวนเรื่องนี้ ”
กวนเซียงฮั่นก้มหัวต่อหน้าน้องสองของเขาในทันที่
“โปรดให้ข้าสืบสวนว่าเหตุใดวันนี้เซียงยี่ถึงทำตัวเช่นนี้ โปรดอนุญาติให้ข้าได้ตัดสินใจว่าจะทำเช่นไรเมื่อได้พิจารณาว่า โม่เซี่ย หรือ เซียงยี่ที่กระทำผิด เนื่องจากข้า เป็นพี่ของคนทั้งสอง ! ”
น่างสังเกตุเห็นว่า เด็กนหนุ่มทั้งสามจับกลุ่มกันเมื่อไม่นานมานี้ และพวกเขา กระซิบกระซาบ หัวเราะ พร้อมกับสีหน้าที่ลามกอนาจาร นางรู้สึกว่าการทะเลาะกันนี้อาจจะมาจากการสนทนาในเรื่องที่ไม่ควรพูดต่อหน้าผู้ใหญ่
อย่างไรก็ตาม กวนเซียงยี่ก็เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดของนาง และนางก็เชื่อว่าเขานั้นมารยาทดีเป็นอย่างมาก ดังนั้น และนางก็ตัดสินใจไปแล้วว่า พี่ของนางนั้นไม่เคยก่อปัญหาใดๆ และจวินโม่เซี่ยจะต้องยั่วยุจนน้องของนางโมโห
“ ข้า … ข้า … ข้า …. ”
กวนเซียงยี่อ้าปากแต่ครั้งนี้เขาไม่รู้จะพูดอะไร สีหน้าของเขาแสดงถึงความเจ็บปวดและโศกเศร้าภายในใจอย่างชัดเจน
เขาไม่สามารถพูดถึงความจริงที่อยู่เบื้อหลังเรื่องนี้ได้ เพราะเขารู้ว่ายี่เอ๋อนั้นอยู่ในทะเลสาปหมอกวิญญาณ สถานที่ซึ่งผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องมือที่มอบความพึงพอใจ แม้ว่านางจะเป็นคนรักของเขา นางก็ยังคงเป็นโสเภณี ! แม้จะบอกว่าหญิงผู้นั้นทำงานอย่างบริสทุธิ์ และไม่ได้ขายตัว ยังไงโสเภณีก็คือโสเภณี !
หากพ่อและพี่ของเขารู้ว่า ที่ข้าท้าประลองกับนายน้อยสามแห่งสกุลจวินเพื่อผู้หญิงเช่นนี้ พวกเขาจะไม่เป็นบ้าไปก่อนหรือ ?
ไม่สำคัญว่าจวินโม่เซี่ยจะดูถูกชื่อเสียงของนางขนาดใหน ข้าก็ไม่สามารถให้ผู้ใดรู้ถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องขัดแย้งนี้ได้ … ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เดียวที่พวกเขาจะรับรู้นั่นก็คือ นางเป็นโสเภณี !
ในความจริง แม้ว่าเขาจะพบยี่เอ๋อในสถานที่ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับผู้หญิงที่มีชั้นตระกูล กวนเซียงยี่ก็ยังคงเชื่อในคำพูดของนางเนื่องจากเขาไม่เคยถามถึงอดีตของนาง ! แต่เขาก็ไม่สนใจ เขาให้นางมาเป็นผู้หญิงในใจของเขา ! กวนเซียงยี่ตัดสินใจในเรื่องนั้นแล้ว เขาจะรักนางไปจนถึงวันสุดท้าย และจะใช้พลังอำนาจทั้งหมดของเขาเพื่อปกป้องชื่อเสียงของนาง
“ พี่กวนสอง ข้าอยากรู้ว่าข้าทำอะไรให้ท่านขุ่นเคือง ….? หากข้าทำให้ท่านขุ่นเคืองจริงๆ ข้าจะยอมรับความผิดพลาดของข้า และข้าจะขออภัยในเรื่องนั้น แต่ท่านพี่ต้องบอกถึงความผิดนั้นมาก่อน ! ”
จวินโม่เซี่ยแสดงสีหน้าที่จริงจัง และใช้กลวิธีนี้เพื่อหาโอกาสโยนหินใส่คนที่ล้ม
“ พูดมา ! ”
กวนเซียงฮั่นเห็นใบหน้าที่จริงใจของจวินโม่เซี่ย และมองไปยังน้องของนางด้วยสีหน้าที่โศกเศร้าไปถึงกลางใจ
น้องของข้าทำตัวไม่ดีจริงๆหรือ ?
“ โปรดให้ข้าได้อธิบายถึงสถานการณ์นี้ ”
กวนเซียงโบ วิเคราะห์ถึงปัญหาที่น้องชายของเขาพาตัวเองเข้าไปอย่างสงบนิ่ง และรู้ว่าเขายังไม่ได้อธิบายถึงเรื่องนี้ให้ชัดเจนซึ่งอาจจะทำให้สกุลของเขาต้องพบกับเรื่องเลวร้าย
ดังนั้นด้วยความสามารถในการเล่าเรื่องที่ครอบคลุมและละเอียดของเขา เขาบรรยายถึงความโรแมนติกของยี่เอ๋อและกวนเซียงยี่ พรรณาว่าพวกเขาคือดวงดาวที่อยู่คู่กัน เขาเล่าว่า คู่รักทั้งสองนั้นถูกทำให้แยกห่างกันด้วยสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จดหมายที่บอกว่ายี่เอ๋อมายังเทียนเชียง และกลายมาเป็น …. นักร้อง และ ผู้จัดการที่ศาลานี่ฉาง
และในโอกาสนั้น กวนเซียงยี่ก็ได้มายังเมืองเทียนเชียงไม่นานหลังจากนั้น และทั้งสองก็ได้มาพบกันใหม่อีกครั้งโดยการนำพาของโชคชะตา และความบังเอิญ … จวินโม่เซียก็ได้เป็นแขก … ของยี่เอ่อ … ครั้งหนึ่ง ….
แม้ว่ากวนเซียงโบ นั้นฉลาดมากพอที่จะบรรยายถึงความน่าสงสารของคู่รักทั้งสอง แต่ดวงตาของกวนดุงหลิวก็ยังคงเพ่งมองไปยังลูกชายของเขาด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธ ! ความจริง กวนดุงหลิวก็เกือบจะเป็นลมด้วยความอับอาย
ไม่มีผู้ใดโง่มากพอที่จะไม่เข้าใจถึงเรื่องนี้ ทุกคนคาดเดากันถึงเหตุผลที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวที่ถูกแก้ไขโดยเซี่ยวโบ เด็กเสเพลสองคนนี่ต่อสู้กับเพื่อแย่ง โสเภณี ! นี่กลายเป็นการลบหลู่ที่ใหญ่หลวง !
ทุกคนเพ่งมองไปยังกวนเซียงยี่ในขณะที่สาปแช่งเขาอย่างเงียบๆอยู่ในใจ
เด็กนี่ตกหลุมรักหญิงสาวในซ่อง และคุกคามทายาทสกุลจวินในบ้านของเขา ? ลูกชายคนที่สองของสกุลกวนนั้นโง่เง่าขนาดนี้จริงๆหรือ ?
คนของสกุลกวน ที่มี กวนดุงหลิว และกวนเซียงฮั่น มองมักจะมองว่าจวินโม่เซี่ยมีพฤติกรรมที่เลวทราม แต่ตอนนี้ พวกเราเริ่มรู้ว่าลูกชายของพวกเขาไม่ได้เลวทราม แต่เขานั้นโง่ …
กวนเซียงฮั่นนั้นเชื่อการตัดสินใจของน้องชาย และอาสาที่จะสืบสวนเรื่องนี้ แต่มันกลับเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่เลวทราม และตอนนี้ หน้าของนางแดงก่ำด้วยความโกรธ … นางเพ่งมองไปยังน้องชายของนางอย่างโหดร้าย และจากนั้นก็เพ่งมองอย่างดุร้ายไปที่หน้าของจวินโม่เวี่ย และเดินถอยไปหนึ่งก้าว เห็นได้ชัดว่ามันทำให้จวินโม่เซี่ยโมโห
น้องของเจ้าเป็นเหตุที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทะเลาะวิวาทนี้ เจ้ายังจะมาเพ่งมองข้าอีกอย่างนั้นหรือ ? เจ้ารู้ไหมว่าน้องของเจ้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารข้า ? นี่ข้าเป็นผู้เคราะห์ร้ายนะ … ข้าสิจะต้องเป็นคนที่โมโห !
“ เจ้าชั่ว ! ”
เสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดสะท้อนไปทั่วทำให้ห้องสั่นสะเทือน
“ เจ้า เจ้าท้าประลองกับพี่น้องของเจ้า … น้องเขยของเจ้า … ถึงเป็นตายเพราะผู้หญิงแบบนี้นะหรือ ? ”
ทั้งร่างของกวนดุงหลิวสั่นด้วยความโกรธ
“ ไอ้ลูกดื้อ ! เจ้ามันเป็นลูกที่ไม่คู่ควร ! เจ้า เจ้า เจ้า … เจ้าทำให้ชื่อเสียงของสกุลเราเสื่อมเสีย ! ”
แม้ว่ากวนเซียงลี่จะรู้สึกผิดและกลัวความโกรธของพ่อของเขา แต่ปากของเขาก็ยังปฏิเสธความพ่ายแพ้นี้ ขณะที่สมองอันดื้อรั้นของเขาสั่งให้พูดปฏิเสธคำพูดของพ่อ
“ ยี่เอ๋อคือที่รักของข้า นางมิใช่หญิงชั่วช้า และคนผู้นี้มิใช่น้องเขยของข้า เรามาที่นี่เพื่อพาพี่สาวกลับบ้าน และเมื่อเราทำเช่นนั้น เขาก็มิได้เกี่ยวข้องกับนาง หรือพวกเราอีกแล้ว ! ”
“ หยุดอวดดีซะ ! ”
กวนดุงหลิวรีบขัดขึ้นมาในขณะที่สีหน้าของเขาซีดลงด้วยความตกใจ แต่เขาพูดช้าไป
กวนเซียงฮั่นมองไปยังพ่อของนางด้วยใบหน้าที่ซีดเผือก ริมฝีปากสีชมพูของนางสั่นเทาในขณะที่กำลังจะพูดสิ่งที่กำลังคิด แต่นางก็ไม่สามารถที่จะพูดมันออกมาได้
ผู้เฒ่าจวินและจวินวูอี้พูดไม่ออก แม้ว่าจวินโม่เซี่ยจะประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปนี้ แต่ความเงียบงันก็ปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง !
“ ผู้เฒ่าคนนี้เมาแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน ”
ปู่จวินยืนขึ้นและพูดด้วยเสียงอันเย็นชา เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเขาผิดจากธรรมดา มื้อค่ำยังไม่ได้เริ่ม จารอาหารยังคงว่างเปล่า … ความจริง แม้แต่แกว้สุราก็ยังคงว่างปล่า และผู้เฒ่าจวินั้นก็เพิ่งจะบอกว่าเขานั้นเมา