กวนดุงหลิวยิ้มพร้อมกับมีเsงื่อบางๆอยู่บนแก้ม
“ แน่นอน ได้โปรด … เอ่อ ดูแลสุขภาพด้วย ”
จวินจ้านเทียนตอบกลับด้วยการคำรามทางจมูก และเดินออกไปพร้อมกับสีหน้าที่บึ้งตึง
กวนเซียงฮั่นมีความสัมพันธ์กับสกุลจวินแค่ในนามธรรมเท่านั้น และมิได้เกี่ยวข้องกันอย่างจริงจัง ทุกคนรู้ในความจริงข้อนี้ ! แม้ว่าสกุลกวนจะบอกว่าจะพานางกับไปอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า และในความจริงกวนเซียงฮั่นก็ปฏิเสธข้อเสนอนี้อยู่ทุกครั้งไป แต่การมายังเมืองเทียนเชียงเพื่อพานางกลับไปนั้นเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง !
ทางเดียวที่สกุลกวนจะพานางกลับไปได้นั้นคือการยุติคำสัญญาของทั้งสองสกุล และทั้งสองสกุลก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และสกุลกวนก็เริ่มอวดอ้างขึ้นมาซึ่งมันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
เดิมทีแล้ว สกุลกวนไม่สามารถแม้แต่จะยกตนขึ้นมาได้ จวินจ้านเทียนและจวินวูอี้จะจัดหาทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ ซึ่งมันเป็นเพื่อความเป็นธรรมกับนาง อย่างไรก็ตาม การยกหัวข้อนี้ขึ้นมาต่อหน้าสกุลจวินนั้นเป็นเหมือนการตบหน้าพวกเขา แม้ว่าการตบหน้าในที่นี้เป็นเพียงการเปรียบเปรยถึงการที่คนผู้หนึ่งข้ามหน้าข้ามตาคนที่ควรให้ความเคารพไป แต่สกุลจวินก็ไม่สามารถเสียงหน้าในเรื่องนี้ได้ !
เดิมทีแล้ว การกระทำของทั้งสองฝ่ายนั้นเป็นสถานการณ์ที่ซับซ้อนอย่างมากแล้วในตอนนี้
จวินวูอี้พูดช้าๆ
“ สิ่งที่มันจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด ”
เขาครุ่นคิดชั่วขณะและพูดต่อ
“ เราจะปรึกษาเรื่องสถานการณ์ของกวนเซียงฮั่นกันทีหลัง แต่ตอนนี้เราควรจะสืบสวนหาต้นตอของปัญหาของลูกชายทั้งสองของเราให้เสร็จก่อน ! ”
ตอนนี้กวนดุงหลิววิตก นี่เป็นครั้งแรกในฐานะหัวหน้าสกุล และเขาพูดอะไรไม่ออก !
“ จวินโม่เซี่ย เมื่อเจ้าดูถหมิ่นยี่เอ๋อของเข้า จานี้ไป กวนเซียงยี่สาบานว่าเจ้าจะเป็นศัตรูของข้านับแต่วันนี้ ! ”
กวนเซียงยี่พูดจาดูหมิ่นออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
“ เจ้าจะใช้อำนาจของสกุลจวินมาบังคับข้าหรือ ? ยี่เอ๋อพูดถูกเรื่องเจ้า ! การกระทำที่น่าอับอายของเจ้าคือเหตุที่นางต้องการล้างแค้นกับเจ้า ! ในเมื่อเจ้าโชคดีที่หนีออกมาได้ ข้าจะจบงานนี้เองเพื่อยี่เอ๋อของข้า ! ยอมรับคำท้าประลองซะนายน้อย จวินโม่เซี่ย ! ”
เด็กหนุ่มเล่าสถานการณ์ทั้งหมด และจบมันด้วยความกล้าหาณและสีหน้าที่โมโห !
เจ้าเด็กนี่โง่หรือ ?
บางทีลูกวัวที่เกิดใหม่อาจจะไม่กลับเสือ …
ความจริง นี่อาจะเป็นอำนาจและอิทธิพลของสกุลกวนในภาคตะวันออก ! กวนเซียงอี้ยกตัวเองขึ้นราวกับเป็นลูกชายขององค์จักรพรรดิ เนื่องจากเขาเป็นลูกชายคนที่สองของสกุลกวน ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในเมืองเทียนเชียง เขานั้นยังไม่คิดว่าสกุลจวินจะมีอะไรไปมากกว่า อำนาจและอิทธิพลอันน้อยนิด และความแข็งแกร่งของปราณเชวียนของสกุลจวินนั้น ก็ไม่สูงไปกว่าปราณเชวียนของสกุลกวน แต่ไม่เคยมีใครบอกเขาว่าสกุลกวนนี้มีอำนาจเพียงแค่ทางภาคตะวันออก !
ดังนั้น เด็กหนุ่มผู้นี้จึงยังไม่เคยเห็นอำนาจที่แท้จริงของสกุลจวิน … ทั้งหมดที่เขาเห็นคือคนแก่ที่ใกล้จะลงโลง คนเสเพลที่ไม่มีอะไรดี และ คนพิการ ในสายตาของเขานั้น สกุลนนี้นั้นไร้ประโยชน์ !
เห็นได้ชัดว่าเขานั้นพลาดจุดที่สำคัญอย่างมาก แม้สกุลกวนจะมียอดฝีมือเชวียนชั้นสูงอยู่หลายคน ถึงแม้ว่าเขาอาจจะสามารถเทียบได้กับเมืองดอกบัวหิมะขาว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะยึดติดตัวเองกับข้อจำกัดในโลกนี้ !
ไม่ว่าสกุลจวินจะไม่ทรงพลังเท่ากับสกุลกวนในเรื่องของจำนวนยอดฝีมือ แต่พวกเขานั้นเป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจทางทหารที่มากที่สุดของอาณาจักร ! และพวกเขาก็ยังมีกองกำลังของอาณาจักรหนุนหลังอยู่ !
ไม่ว่าต้องจะเป็นสกุลที่ยิ่งใหญ่ หรือเป็นหนึ่งในโลก พลังอำนาจก็สามารถบรรดาลให้เป็นได้ ! ยอดฝีมือเชวียนระดับสูงอาจจะสามารถสังหารผู้คนได้นับพัน แต่ก็ไม่สามารถปกครองเมือง หรือประเทศ หรือแม้แต่หมู่บ้านได้ !
แต่พลังอำนาจนั้นทำได้ !
นี่เป็นสิ่งที่แตกต่างอย่างมากระหว่างสกุลกวนและสกุลจวิน ! คือความต่างที่ยากจะเทียบเท่า !
ความจริงคือ สกุลกวนนั้นมีชื่อเสียงมาก แต่ชื่อเสียงของพวกเขานั้นก็มีมากแค่ในพื้นที่ของพวกเขา แต่ความสนใจที่พวกเขาได้รับจากนอกอาณาเขตของพวกเขานั้น เป็นเพราะลูกสาวของพวกเขาหมั้นเข้ามาสู่สกุลจวิน ซึ่งไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับอำนาจของพวกเขาเองเลย !
“ เจ้าโชคดีที่ก่อนหน้านี้เจ้าหนีออกมาได้ ? ”
จวินวูอี้ทวนประโยคนี้อย่างช้าๆด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ในขณะที่เขาเลิกคิ้วสูงขึ้นทุกคำที่เขาพูด
“ บูตรสกุลกวนที่สอง เจ้าหมายความว่าเจ้ามีส่วนในการลอบสังหารจวินโม่เซี่ยในช่วงค่ำ ?! ”
ดวงตาอันแหลมคมของจวินวูอี้เริ่มปลดปล่อยกลิ่นอายที่รุนแรง
จวินวูอี้มองเรื่องราวโต้เถียงของเด็กหนุ่มทั้งสอง เป็นเพียงสิ่งที่ไม่สำคัญ และมันก็ไม่มากพอที่เขาจำเป็นต้องใส่อารมณ์ แต่ประโยคหนึ่งของกวนเซียงยี่ได้เปิดเผยอะไรบางอย่างที่ต่างออกไป และมันมากพอที่จะจุดประกายความโกรธของจวินวูอี้ ! นี่เป็นครั้งแรกในวันนี้ ที่ถือว่าเขาแสดงท่าทีต่อต้านเด็กหนุ่ม !
เด็กหนุ่มที่ไร้ประสบการณ์เช่นกวนเซียงนั้นจะมีอำนาจและพลังที่จะต่อกรกับ ยอดขุนพลผู้เป็นวีรบุรุษได้อย่างไรกัน ?
“ ข้าไม่ได้ทำ ! ”
กวนเซียงอี้รู้สึกถึงความเยือกเย็นไปทั่วทั้งร่างของเขา และร้องออกมาด้วยความกลัว
“ การลอบสังหาร ? ลอบสังหารอะไร ? ที่ข้าพูดไปมันเป็นการยกตัวอย่าง ! เหตุใดข้าถึงต้องการสังหารเขาในเมื่อข้าไม่รู้เรื่องอะไร ? และหากข้าต้องการให้เขาตาย เหตุใดข้าถึงบอกเขาไปทุกอย่าง ? หากนายน้อยผู้นี้ต้องการให้เขาตาย แล้วเหตุใดเขาถึงรอดชีวิตออกมาได้ ? ! ”
จวินวูอี้ กวนดุงหลิว และกวนหลูซาน ถอนหายใจออกมาพร้อมๆกัน ในตอนที่ได้ยินคำตอบของเขา
เห็นได้ชัดว่า กวนเซียงยี่นั้นเป็นเพียงแค่เครื่องมือในสายตาของยี่เอ๋อ นางต้องเคยใช้งานเขาแล้วก่อนหน้านี้ ตอนที่พวกเขาอยู่ทางภาคตะวันออก และยังคงใช้งานเขาต่อจนนางมาที่เมืองเทียนเชียง ตอนนี้ นางก็ยังคงใช้เขาเพื่อหาข้อมูลที่อยู่ของจวินโม่เซี่ย และจากนั้นก็สางแผนการเพื่อลอบสังหารเขา !
มันทำให้พวกเขาเข้าใจว่า เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการลอบสังหารจวินโม่เซี่ย !
กวนเซียงโบและกวนเซียงฮั่น นั้นยังเป็นคนหนุ่มสาว และไม่ค่อยมีประสบการณ์ จึงใช้เวลานานกว่าเล็กน้อยเพื่อเข้าใจเรื่องทั้งหมด …
กวนดุงหลิวถอนหายใจอีกครั้ง ในขณะที่ดวงตาของเขาสะท้อนความสิ้นหวังออกมา ลูกชายคนที่สองของเขาไม่เพียงแต่สาปแช่งจวินโม่เซี่ยในบ้านของเขา แต่เขายังคุกคามชีวิตของจวินโม่เซี่ย ! หากเรื่องนี้มันไม่ยากเกินไปที่จะคิด เขาก็ได้เผยให้เห็นแล้วว่า เขานั้นอยู่เบ้องหลังการพยายามเอาชีวิตของนายน้อยจวิน …
มันไม่ยากสำหรับผู้ชายที่จะจินตนาการถึงผลลัพธ์ที่ลูกชายของเขาจะได้รับ แม้ว่าพวกเขาจะมาถึงเมืองเทียนเชียงได้เพียงสองวัน และลูกชายก็สร้างเรื่องไว้ให้เขาแล้ว มันทำให้เขาโศกเศร้ากับโชคชะตาของลูกชาย !
“ เจ้าโง่ เจ้าเพิ่งโดนหญิงแล้วนั่นหลอกใช้ … ”
ดูเหมือนว่าน้ำเสียงของกวนดุงหลิวจะดูอ่อนแอ
“ เซียงยี่ ข้าไม่เคยคิดว่าคนที่ทำตัวดีอย่างเจ้าจะวิ่งเข้าหากับดักที่ชั่วช้านี้ได้ ! เจ้ารู้ใช่ไหมว่าตอนนี้เราอยู่ในเมืองเทียนเชียง ? ”
ครั้งนี้ฟังดูแล้วไม่เหมือนว่าเขากำลังดุด่าลูกชาย
“ แน่นอนข้ารู้ ”
ใบหข้าของกวนเซียงยี่กระตุกด้วยความเศร้าใจ
“ นางเคยใช้ข้าในตอนที่เราเจอกันที่ตะวันออก … มากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ทุกครั้ง … ข้าก็รู้ ! แต่ข้าไม่รู้ว่าทำไมมันถึงรู้สึกดีทุกครั้งที่นางใช้ข้า ! ข้าจะให้นางหลอกใช้ข้า ! มันทำให้ข้ามีความสุข ! ”
“ มันทำให้ข้ามีความสุขจริงๆ ! ”
กวนเซียงยี่เกือบจะคำรามออกมาในขณะที่ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่ดูดุร้าย
“ ตราบใดที่นางใช้ข้า ข้าก็จะมีค่าในสายตานาง ! หากข้าไม่มีอะไรที่นางหลอกใช้ได้ แล้วข้าจะมีค่าอะไร ? ข้ามิใช่แค่คนที่มาจากสกุลที่ทรงอำนาจสกุลอื่นๆ ?! ”
“ ข้าปล่อยให้นางหลอกใช้ข้า ! ”
เสียงของเด็กหนุ่มหัวรั้นนั้นดังไปทั่วทั้งห้อง และจากนั้นทั้งห้องก็เงียบลงในทันที
น้ำตาสองสายหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของกวนเซียงอี้
จวินโม่เซี่ยถอนหายใจ ไม่ว่าจะในชีวิตนี้หรือชีวิตก่อน โดยธรรมชาติแล้วจวินโม่เซี่ยจะเป็นคนไร้ความปราณี ในฐานะมือสังหารผู้มีฝีมือ มันสำคัญสำหรับเขาที่จะทิ้งบางสิ่งบางอย่างในชีวิตไป รวมถึงความรักซึ่งเขาไม่สามารถผูกมัดกับใครได้ ความรักทำให้เขาเปราะบาง นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา เนื่องจากเป้าหมายของเขาคือการปีนขึ้นไปเป็นที่หนึ่งของโลก !
ดังนั้น จวินโม่เซี่ยจึงไม่รู้ถึงความหมายของความรัก !
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถทำได้ แต่เขาไม่ทำ ! นี่คือความรู้สึกหนึ่งที่มือสังหารจวินไม่เคยได้พบเจอ … และสัมผัส !
ความผูกพันธ์ทางอารมณ์นั้น เป็นสิ่งที่ยากจะตัดขาดเสมอ นี่เป็นส่ิงที่ถูกพิสูจน์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน !
มีวีรบุรุษและผู้ไร้เทียมทานกี่คนที่ต้องพบเจอสถานการณ์เช่นนี้และกลายเป็คนอ่อนแอ เนื่องจากเขาติดอยู่กับความผูกพันกับใครบางคน ?
ความผูกพันธ์นั้นเป็นสิ่งที่ยากจะก้าวข้าม เนื่องจากผู้คนเหล่านั้นมักจะจมไปกับมัน หรือกระทำการอย่างมีเหตุผล และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขา … กับภาระที่หนักอึ้งด้วยความโศกเศร้า !
ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงความลึกซึ้งในความรัก ความเจ็บปวด และสิ้นหวังในหัวใจ พลังแห่งความโศกเศร้า และ ความมืดมนในอนาคต ของเขา !
ความรู้สึกนี้เริ่มมีมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกวนเซียงฮั่น
หากมีใครที่ข้าอยากจะทำอะไรให้ ผู้นั้นคือ โม่โย่ …
โม่โย่ … และเจ้าได้จากข้าไปแล้ว …
จวินวูอี้เข้าใจถึงความปวดร้าวในความไร้ประโยชน์และความสิ้นหวังของเด็กหนุ่ม ซึ่งเขาเองก็เฝ้ารอคอยการมาของคนรักของเขามานับสิบปี ความจริง ตอนนี้ความโกรธที่รุนแรงของเขาได้หายไปแล้ว
สีหน้าของจวินโม่เซี่ยนั้นดูต่างออกไป สะท้อนถึงร่องรอยแห่งการชื่นชม !
แน่นอนว่าการกระทำของเจ้าเด็กนี่ทำให้ข้าต้องพบกับปัญหามากมาย แต่ความลึกซึ่งในความรู้สึกของเขานั้นมีค่าพอที่จะยกย่อง แม้ว่า … ความรู้สึกของเขาจะนำทางไปสู่หายนะและสิ้นหวัง
ยี่เอ๋อมิได้เป็นเพียงผู้หญิงที่ไม่มีค่าพอที่จะนับถือในสายตาของเขา แต่ยังเป็นศัตรูของเขาด้วย แม้ว่านางจะเปลี่ยนไป และยอมรับความรักของกวนเซียงยี่และตอบแทน จวินโม่เซี่ยก็มิอาจยอมให้ศัตรูของเขามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ !
ความเห็นใจก็เป็นเรื่องหนึ่ง และความนับถือก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านี้ควบคุมความคิดของข้า เมื่อนั้นพวกเขาจะทำให้ชีวิตของข้าอยู่ในอันตราย แม้ความรักจะลึกซึ่งราวกับมหาสมุทร หรือสูงส่งราวกับท้องฟ้า มันก็มิใช่สิ่งที่ดี !
โชคชะตาของกวนเซียงยี่นั้นถุกกำหนดให้พบกับโศกอนาฏกรรม !
และโศกอนาฏกรรมนี้จะต้องเกิดขึ้น ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง !
จวินโม่เซี่ยมองไปหาจวินวูอี้ และบอกใบ้ จวินวูอี้เพ่งมองกับไปยังหลานชายของเขา เนื่องจากเขาเข้าใจความหมายของคำใบ้นั้น และค่อยๆมองต่ำลงไปที่พื้น หัวใจของจวินวูอี้เห็ดอกเห็นใจเด็กหนุ่มผู้นั้น เนื่องจากเขาก็ได้ประสบกับบางสิ่งบางอย่างเช่นเดียวกัน แต่ความรักของเด็กคนนี้กลับเป็นส่ิงที่จะเป็นอันตรายต่อสกุลจวิน เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง !
“ หากนั่นคือความจริงที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นายน้อยนี้ของชื่นชมกวนเซียงยี่ ! เรื่องพูดคุยเรื่อยเปื่อยก่อนหน้านี้ ควรจะถือเป็นเรื่องตลกระหว่างเด็กหนุ่มอย่างพวกเรา และมันจะต้องไม่ก่อปัญหาให้แก่ผู้อาวุโสของพวกเรา …. ”
จวินโม่เซี่ยแสดงสายตาแห่งความกรุณาที่มีไม่บ่อยนัก
ความรู้สึกของคน ไม่ว่าจะเป็นการอวดความรู้หรือความโง่เขลา มันจะเป็นเรื่องที่น่ายกย่องสำหรับจวินโม่เซี่ย นั่นเพราะเขาไม่เคยกล้าที่จะปีนภูเขาลูกที่แสนพิเศษนี้ แต่เพียงแค่จวินโม่เซี่ยยกย่องธรรมชาติของมนุษย์ในเรื่องนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำอะไรก็ตามที่ควรทำในเวลาที่จำเป็น เขาจะสังหาร หากเขาต้องการ เขาก็ยังไม่ใจอ่อน … ไม่แม้แต่นิดเดียว