ตอนที่ 1219 ความแปลกประหลาดของฉินเย่หาน / ตอนที่ 1220 ชิงหรงมิทราบ!

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1219 ความแปลกประหลาดของฉินเย่หาน

 

 

“โยวหราน โยวหราน…” อู๋โยวหรานถึงกับพูดติดอ่าง แม้แต่คำพูดสมบูรณ์สักประโยคก็พูดออกมามิได้

 

 

“แม่นางอู๋ ข้าขอเตือนเจ้าสักประโยค การเผยพระราชเสาวนีย์เท็จออกมานั้น ถือว่าเป็นโทษอันใหญ่หลวงมาก ดังนั้นแม่นางอู๋ควรคิดให้ดีก่อนจะกล่าวอะไรออกมา!”

 

 

ซูหลีชำเลืองมองท่าทีของนาง จึงส่งเสียงไม่ค่อยพอใจออกมา ในเวลานี้สีหน้าของซูหลีเปลี่ยนเป็นเข้มงวดจนถึงขีดสุด ไม่เห็นความขบขันอะไรเลยแม้แต่น้อย

 

 

ก่อนหน้านี้นางรู้สึกไม่สบายใจนัก ต้องเสแสร้งกับเรื่องตั้งมากมาย ทั้งอยากให้ฉินเย่หานตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ระหว่างนางกับจี้เหิงหราน

 

 

ดังนั้นนางจึงไม่สนใจอู๋โยวหรานผู้นี้มาโดยตลอด

 

 

คิดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้กลับก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้น

 

 

ซูหลีหัวเราะเยาะครู่หนึ่ง เพียงแต่นางก็ไม่ใส่ใจ คนอย่างอู๋โยวหรานหากนางคิดที่จะจัดการอู๋โยวหรานจริงๆ เช่นนั้นคงจะง่ายเกินไปแล้ว

 

 

เหมือนดังสถานการณ์ตรงหน้านี้ ไม่จำเป็นให้นางทำอะไร อู๋โยวหรานก็ร้อนรนและเผยพิรุธออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

 

 

“…โยวหราน ตอนที่โยวหรานมาที่นี่นั้นรีบร้อนเกินไป ไทเฮาตรัสพระราชเสาวนีย์ออกมาเท่านั้น มิได้มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเพคะ!” ร่างกายของอู๋โยวหรานสั่นเทาเป็นเวลานาน จากนั้นนางจึงเอ่ยประโยคดังกล่าวออกมา

 

 

เป็นประจวบอู๋โยวหรานแสดงท่าทีตื่นตระหนกออกมา นางหันศีรษะมองไปทางซูหลีปราดหนึ่ง กลับเห็นเงาของคนผู้หนึ่งเคลื่อนที่เข้ามาจากภายนอก

 

 

และคนผู้นั้นก็คือ…

 

 

ดวงตาของอู๋โยวหรานเป็นประกายขึ้นทันที คนผู้นั้นก็คือสาวใช้ข้างกายนางนั้นเอง

 

 

“ฝ่าบาทเพคะ!” นางพลันเงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความรีบร้อน นางจ้องมองที่ฉินเย่หานแล้วเอ่ยว่า

 

 

“ยามที่ไทเฮาตรัสพระราชเสาวนีย์ออกมา โยวหรานมิได้อยู่คนเดียวทั้งยังมีสาวใช้ข้างกายของโยวหรานอยู่ที่นั่นด้วย ชิงหรงก็ได้ยินเพคะ! ฝ่าบาททรงเรียกชิงหรงเข้ามาถามได้เพคะ!”

 

 

ขณะนางตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่คับขัน ก็สามารถคิดทางออกที่ดีที่สุดได้แล้ว

 

 

ที่จริงแล้วชิงหรงผู้นั้นมิใช่สาวใช้ที่คอยปรนนิบัตินางที่บ้านตลอดเวลามา อีกทั้งเมื่อมาถึงที่นี่ไทเฮาได้พระราชทานสาวใช้ผู้นี้ให้แก่นาง

 

 

นางเชื่อว่าหากให้ชิงหรงเข้ามา ชิงหรงจะต้องพูดตามคำพูดของนางอย่างแน่นอน

 

 

ในราชวงศ์ต้าโจว เจ้านายกับบ่าวนั้นมีความเกี่ยวข้องกันหากได้รับเกียรติยศก็ได้รับทั้งคู่ หากได้รับความแปดเปื้อนก็ย่อมได้รับกันทั้งคู่ และเป็นเพราะเช่นนี้เองอู๋โยวหรานจึงมั่นใจชิงหรงเป็นอย่างมาก!

 

 

“เรียกชิงหรงเข้ามา!” ซูหลีเตรียมเปิดปากพูดโต้แย้งอู๋โยวหราน สาวใช้ผู้นี้เป็นสาวใช้ข้างกายนาง ใครจะรู้ว่าคำพูดที่นางพูดออกมานั้นใช่การสมคบคิดกับอู๋โยวหรานหรือไม่

 

 

ใครจะรู้ว่านางยังไม่ทันได้ส่งเสียงก็ได้ยินน้ำเสียงเยียบเย็นเช่นนี้ดังขึ้น

 

 

ซูหลีอ้ำอึ้งเล็กน้อย นางเงยหน้ามองฉินเย่หานอยู่ครู่หนึ่ง กลับเห็นความมืดมนในดวงตาของฉินเย่หาน สีหน้าของเขานั้นดูมีเลศนัย

 

 

ซูหลีมองดูแล้ว จึงขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม

 

 

ตั้งแต่อู๋โยวหรานเข้ามาจนถึงบัดนี้ ฉินเย่หานก็มิได้ส่งเสียงอะไรออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาปล่อยให้นางจัดการเรื่องนี้ นางก็จัดการแล้ว อีกทั้งนางยังมีวิธีที่ทำให้อู๋โยวหรานพูดไม่ออกในวันนี้

 

 

ต่อมาทุกอย่างก็เงียบสงบลง

 

 

ทว่าฉินเย่หานกลับแทรกมือเข้ามาเกี่ยวข้องในเวลานี้…

 

 

“เพคะ! ขอบพระทัยเพคะเสด็จพี่!” ใบหน้าของอู๋โยวหรานเต็มไปด้วยความดีใจและประหลาดใจ ซึ่งแตกต่างกับความประหลาดของสีหน้าซูหลีอย่างเห็นได้ชัด

 

 

นางอดที่จะมองซูหลีปราดหนึ่งมิได้ มีความดีใจอย่างบอกไม่ถูก ฮ่องเต้ที่ทรงแสดงท่าทีเย็นชามาโดยตลอด สำหรับเรื่องทั่วไปนั้น น้อยครั้งที่เขาจะปริปากพูดออกมา ครานี้จู่ๆก็เปิดปากพูดอย่างกะทันหัน

 

 

คำสั่งที่ถ่ายทอดออกมา สามารถทำให้อู๋โยวหรานไม่ตกเป็นรอง

 

 

อู๋โยวหรานจะไม่ดีใจได้อย่างไรกัน นางแค่อยากล้างความสงสัยออกไปโดยเร็วที่สุด เงยหน้ารับชมสีหน้าที่ย่ำแย่ของซูหลี!

 

 

ทว่านางคิดผิดแล้ว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1220 ชิงหรงมิทราบ!

 

 

สีหน้าของซูหลียังคงเป็นดังเดิม ทว่าเพียงแต่นางแค่รู้สึกสงสัยว่า ไยฉินเย่หานกลับแทรกมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ในเวลานี้

 

 

เรื่องประเภทนี้โดยทั่วไปแล้วเขามิได้ใส่ใจ เพียงแต่ยามที่นางต้องการคนหนุนหลัง เขาก็แค่ออกมายืนข้างนางเท่านั้น

 

 

หลังจากผ่านเรื่องราวในบ่อน้ำพุร้อนเมื่อครู่นี้ แม้ซูหลีจะคิดอย่างไรก็ไม่มีทางสงสัยในตัวของฉินเย่หานในเวลานี้ หากฉินเย่หานมีความสนใจต่ออู๋โยวหราน

 

 

ก็ไม่จำเป็นต้องกระทำเช่นนี้

 

 

เขาเป็นถึงฮ่องเต้ หากต้องการสตรีคนไหนก็แค่กระดิกนิ้วเรียกมาก็เท่านั้น

 

 

นอกจากนี้ เป็นสตรีเองที่คิดจะเข้าไปหาเขาตั้งแต่แรกเห็น…

 

 

เช่นนั้นจึงสามารถพูดได้ว่า เขามีแผนการอื่นแล้ว

 

 

ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด…

 

 

ซูหลีพบว่าตนสามารถมองจิตใจของผู้อื่นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ก็ยังคาดคะเนความคิดของฉินเย่หานมิได้

 

 

บุรุษผู้นี้เป็นถึงเจ้าแห่งใต้หล้า จิตใจของเขาก็มีเลศนัยมากมายใจโดยแท้

 

 

หากเขามิได้เจตนาให้ผู้อื่นรับรู้ เกรงว่าคงจะยากที่จะมีคนคาดคะเนความคิดของเขาได้กระมัง

 

 

“ทูลฝ่าบาท ชิงหรงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากฉินเย่หานเปิดปากพูด หวงเผยซานก็ออกพบชิงหรงผู้นั้นในเวลาแรก

 

 

ซูหลีดึงสติกลับมา นางมองไปทางชิงหรงอย่างห้ามมิได้

 

 

ชิงหรงผู้นี้ดูแล้วอายุอานามก็ยังไม่มาก ดูเหมือนว่าอายุจะน้อยกว่าซูหลีอีก ทว่าดูเป็นคนที่สุขุมเป็นอย่างมาก ยามเดินก็มิได้ยินเสียงแม้แต่น้อย อาภรณ์ที่สวมอยู่บนร่างก็เป็นชุดสาวใช้ในวังที่สะอาดและเรียบๆ ดูมิต่างอะไรกับสาวใช้ในวังธรรมดาคนหนึ่ง

 

 

ทว่าซูหลีกลับรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง ยามที่ชิงหรงผู้นี้เดินนั้น ก้มหน้าก้มตาการเคลื่อนไหวของนางดุจดั่งเมฆเหินน้ำไหลมิปาน ยามนางเงยหน้าขึ้นกลับพบใบหน้าที่ดาษดื่น สาวใช้เช่นนี้นางคล้ายกับเคยเห็นมาก่อน…

 

 

ซูหลีใจลอยเล็กน้อย นางจำได้ว่าแต่ก่อนยามอยู่ภายในวังหลวง สาวใช้สองคนที่ฉินเย่หานเลือกมาปรนนิบัติก็มีท่าทางเช่นนี้ การเคลื่อนไหวที่ปราดเปรียวว่องไว

 

 

ทว่า..

 

 

สิ่งที่แตกต่างก็คือ นางเป็นสาวใช้ของอู๋โยวหราน อีกทั้งเห็นท่าทางของอู๋โยวหรานแล้ว ดูเหมือนว่านางจะเชื่อมั่นในตัวของพวกนางเป็นอย่างมาก มิเช่นนั้นคงไม่ให้สาวใช้มาเป็นพยานในเรื่องที่สำคัญขนาดนี้

 

 

ซูหลีอดเงยหน้ามองฉินเย่หานครู่หนึ่งมิได้ รู้สึกตื่นตกใจอยู่ในใจ

 

 

นางรู้สึกว่าเป็นไปมิได้นัก ทว่าเมื่อเห็นท่าทางของฉินเย่หานแล้ว ในใจกลับรู้สึกไม่มั่นใจนัก

 

 

ในชั่วขณะนี้จึงปรากฏความคลุมเครือบนใบหน้าของนาง

 

 

สีหน้าท่าทางของนางเช่นนี้ ดังนั้นนางไม่เบิกบานใจหรือกำลังเรียกร้องความสนใจจากฮ่องเต้จึงตกอยู่ในสายตาของคนรอบข้าง

 

 

และคนที่กระหยิ่มยิ้มย่องที่สุด แน่นอนว่าก็คืออู๋โยวหราน

 

 

ทว่าอู๋โยวหรานยังอดกลั้นเอาไว้ พยายามเก็บอาการกระหยิ่มยิ้มย่องของตนเองเอาไว้ มิให้ตนเองแสดงท่าทางเหล่านั้นออกมา

 

 

และในขณะที่ชิงหรงคุกเข่าลง นางก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “ชิงหรง ก่อนหน้านี้เจ้าติดตามข้าเข้าไปในตำหนักชิงหนิงตลอด เจ้าได้ยินพระราชเสาวนีย์ของไทเฮา ที่สั่งให้ข้ามาดูอาการของฮ่องเต้หรือไม่”

 

 

หลังจากอู๋โยวหรานชิงเอ่ยคำพูดประโยคออกมาก่อน จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

 

 

นางไม่ปล่อยโอกาสให้ซูหลีพูด นางรีบเอ่ยเรื่องทางนี้ทั้งหมดออกมา การรู้จักกันในไม่กี่วันนี้ นางทราบว่าชิงหรงเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมากคนหนึ่ง

 

 

หลังจากได้ยินคำพูดของนาง แน่นอนว่านางจักพูดตามอู๋โยวหรานอย่างแน่นอน

 

 

อู๋โยวหรานนางมีความมั่นใจเช่นนี้!

 

 

ดังนั้นนางจึงยืนลำตัวเหยียดตรง สายตาที่จ้องมองซูหลีนั้นมิได้ท้อถอยเหมือนดังแต่ก่อน ในทางกลับกันยังให้ความรู้สึกลำพองใจเป็นอย่างมาก

 

 

ซูหลีไม่ได้เห็นท่าทีและการแสดงออกของนางอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นางเพียงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วช้อนสายตามองที่ชิงหรงผู้นั้น

 

 

“คุณหนูพูดอะไรออกมากันเจ้าคะ ชิงหรงมิทราบ!” ทันทีที่ชิงหรงเปิดปากพูด กลับพูดคำพูดที่ทุกคนคาดไม่ถึง!