บทที่ 238
สายอากาศ
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเหลือเชื่อและสัมผัสไปที่บาร์เรียโปร่งแสง เธอก็ได้พบว่าสัมผัสมันแข็งราวกับกำแพง เมื่อเธอกดไปแรงๆ เธอก็แทบที่จะกดไม่ลงเลย
“นี่เป็นบาร์เรีย หลังจากที่เธอฝึกแล้ว เธอก็จะมีแบบนี้เหมือนกัน หลักๆก็เพื่อกันผู้ใช้จากการโจมตี…” ชางกวนหลินอธิบาย
“น่าทึ่งมากจริงๆ…” มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
ชางกวนหลินยิ้ม “เดี๋ยวหลังจากนี้เธอก็จะชินเอง นี่แค่ทักษะในระดับล่างๆเอง…ฉันจะเร่งความเร็วแล้วนะ…”
มู่หรงเสวี่ยเห็นได้เลยว่าพวกเขาตกลงมาอย่างรวดเร็วแต่เพราะบาร์เรีย เธอจึงไม่ได้รู้สึกไม่สบายอะไร วันนี้ เธอได้พบเจอเรื่องใหม่ๆมากมายนับไม่ถ้วน
หลังจากที่ผ่านไปนานพวกเขาก็ลงมาถึงด้านล่างของหน้าผา ชางกวนหลินปล่อยมือมู่หรงเสวี่ยและเดินไปในเส้นทางที่เขาคุ้นเคยดี “ตามมาเร็ว!” เขาพูดกับมู่หรงเสวี่ยที่ยังยืนอยู่ที่ด้านข้าง
มู่หรงเสวี่ยตะลึงไปชั่วขณะ แล้วก็รีบเร่งฝีเท้าตาม ชางกวนหลินไปทันที
ที่ด้านล่างของหน้าผาใหญ่กว่าที่เธอคิดไว้มากเลย เดิมทีเธอคิดว่ามันน่าจะใหญ่พอ ๆ กับช่องว่างด้านบนแต่เธอไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นวงกลมใต้หน้าผาเหมือนกับเป็นป่า หญ้าบนพื้นเขียวชอุ่มและสูงเกือบจะเท่าเข่าของพวกเขา เป็นเพราะไม่มีใครเหยียบย่ำพวกมันเลย ถนนเส้นนี้ไม่ใช่ถนนที่เดินกันได้ง่ายๆเพราะหญ้าหนามากจนมองแทบไม่เห็นก้อนหินมากมายที่อยู่เบื้องล่างเลย เพียงไม่นานมู่หรงเสวี่ยก็เตะไปที่ก้อนหินแล้วหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แค่นี้ปัญหาก็มากพออยู่แล้ว เธอไม่อยากที่จะสร้างปัญหามากขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นสักพักชางกวนหลินก็พาเธอไปที่ถ้ำ
ชางกวนหลินไม่ลังเลที่จะเดินเข้าไปข้างในเลยแต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปเขาสร้างค่ายกลขึ้นมา แล้วหลุมที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็เปลี่ยนไปในทันที สิ่งที่แสดงอยู่ตรงหน้าเขาคือทางเดินหินขนาดใหญ่มาก ชางกวนหลินกระโดดเข้าไปและพูดออกมาว่า “เข้ามาสิ เสี่ยวเสวี่ย” เขายื่นมือออกมาพร้อมที่จะดึงมู่หรงเสวี่ยขึ้นไป
มู่หรงเสวี่ยอย่างไรก็ตามทำตามท่าทางของชางกวนหลิน เธอกระโดดขึ้นไปบนแท่นหินสูงด้วยตัวเองด้วยเท้าที่แข็งแกร่ง บางทีเธออาจจะไม่ชินกับเรื่องนี้ ดังนั้นตอนที่เธอขึ้นไปบนแท่นหิน เธอก็ยังสั่นอยู่เล็กน้อย หลังจากที่ทรงตัวได้แล้วเธอก็พูดออกมาอย่างมีความสุข “มันเป็นไปได้เหรอ…”
ชางกวนหลินไม่คิดที่จะดึงมือตัวเองกลับ เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของมู่หรงเสวี่ย เขาเองก็รู้สึกขำอยู่นิดหน่อยแต่ก็รู้สึกสับสนมากขึ้นไปด้วย นี่ดูเหมือนจะไม่มีใครสอนเสี่ยวเสวี่ยจริงๆ ขนาดพื้นฐานการต่อสู้ระดับสีแดงที่ทำกันได้ง่ายๆ แต่มู่หรงเสวี่ยก็ยังไม่เข้าใจและต้องคอยทำตามที่เขาทำ เพียงแค่ว่าเธอขึ้นมาอยู่ในระดับสีส้มได้ยังไง เรื่องนี้ยังยากที่จะเข้าใจอยู่สักหน่อย
มู่หรงเสวี่ยพบว่าบนแท่นหินสลักด้วยอักษรรูนที่ซับซ้อนและหาที่เปรียบมิได้ ถึงแม้เธอจะไม่เข้าใจมันแต่ก็รู้สึกได้ถึงความสง่างามและเคร่งขรึมของสมัยโบราณ
ชางกวนหลินหยิบก้อนหินแห่งจิตวิญญาณออกมาจากกระเป๋ามิติลับห้าก้อนและวางพวกมันไว้ในจุดที่เฉพาะเจาะจงห้าจุดบนแท่นหิน แล้วเขาก็ดึงพลังแห่งจิตวิญญาณออกมาและทำท่าทางแปลกๆ ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เธอก็จดจำท่าทางของเขาไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ
“พร้อมที่จะไปกันได้แล้ว!” ชางกวนหลินร้องตะโกนออกมา!
มู่หรงเสวี่ยกำหมัดเล็กน้อยอย่างกังวล เธอเห็นว่ารอบๆตัวเธอเริ่มที่จะเปลี่ยนไปเล็กน้อยและเริ่มที่จะกลายเป็นหมอกสลัว เธอรู้สึกเวียนหัวจึงพยายามส่ายหัว
ชางกวนหลินจับมือเธอ “ยืนดีๆ อย่าล้มนะ ตอนนี้ตำแหน่งของเรากำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงมาก…”
บรรยากาศรอบๆมองแทบไม่เห็น ราวกับมันไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว มู่หรงเสวี่ยตกตะลึงอีกครั้ง นี่มันแย่กว่าความเร็วของเครื่องบินซะอีก
เธออธิบายเหตุการณ์นี้จากมุมมองทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ “นี่มันคืออะไร…กันแน่? เป็นการข้ามห้วงเวลาและมิติลับหรือไง?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“นี่ไม่ใช่การข้ามห้วงเวลาและมิติลับหรอก เราก็ยังอยู่ในช่วงเวลาและพื้นที่เดิม นี่เป็นสถานีเคลื่นย้ายที่การส่งด้วยความเร็วแสงและในโลกนี้ก็เหลือสถานีเคลื่อนย้ายเหลือเพียงแค่ 20 ที่เท่านั้นเอง มีหลายที่มากที่ยังขนส่งไม่ได้ พวกมันจะขนส่งไปได้แค่ที่ที่มีสถานีเคลื่อนย้ายเท่านั้น นอกจากนี้หินแห่งจิตวิญญาณที่จำเป็นต้องใช้ก็มีไม่มากด้วย พวกหินและแร่ต่างก็จะอยู่ในมือของนิกายสำคัญๆ ถ้าเธออยากจะได้หินแห่งจิตวิญญาณ เธอก็ต้องทำภารกิจเพื่อเอามาแลก
มู่หรงเสวี่ยฟังเรื่องที่ชางกวนหลินพูดอย่างตั้งใจ ในตอนนี้เธอไร้เดียงสาราวกับเป็นเด็กหน้าใหม่ในโลกของผู้ฝึกตน
ไม่นานหลังจากที่มู่หรงเสวี่ยและชางกวนหลินออกไป สมาชิกของดราก้อนพาวิลเลี่ยนก็มาถึงในทันที คนแรกคือหลงอี้ เขาเพิ่งได้รับรายงานจากลูกน้องว่ามู่หรงเสวี่ยกระโดดลงหน้าผาไป หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นในทันที คุณมู่หรงทำไมถึงคิดแบบนี้?!!
เขาไม่กล้าที่จะบอกดราก้อนมาสเตอร์ด้วยซ้ำ เขารีบส่งทีมค้นหาออกไปแต่ก็ไม่เจอแม้แต่ศพ แบบนี้ดราก้อนพาวิลเลี่ยนจะต้องพังพินาศแน่ๆและคงไม่มีใครกล้าที่จะรับความโกรธของดราก้อนมาสเตอร์แน่ๆ
เมื่อนึกถึงท่าทางของดราก้อนมาสเตอร์ในช่วงที่ผ่านมา หลงอี้ก็อดไม่ได้ที่จะแวบรู้สึกเย็นยะเยือกในหัวใจ ถึงแม้ท่าทางจะดูเหมือนปกติแต่เขาก็รู้สึกกลัวอย่างมาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือดราก้อนมาสเตอร์ดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ห้องของเขาพังเละเทะนับครั้งไม่ถ้วน
“ผู้บังคับบัญชาการ มาพร้อมแล้วครับ!” หนึ่งในลูกน้องพูดอย่างเคารพกับหลงอี้
หลงอี้เตะไปที่ลูกน้องคนหนึ่ง “ทำไมตอนนั้นนายถึงไม่หยุดเธอไว้ล่ะ?!” เขาพูดถึงเรื่องเมื่อเช้าที่พวกเขาน่าจะปกป้องคุณมู่หรงให้ปลอดภัยได้ นี่มันสูญเปล่าจริงๆ
ลูกน้องที่ถูกเตะคุกเข่าลงกับพื้นโดยไม่คัดค้านอะไร “ในตอนนั้นคุณมู่หรงออกไปเร็วมากจนห้ามไม่ทัน มีอีกคนอยู่กับคุณมู่หรงด้วย เป็นผู้ชาย!”
เมื่อหลงอี้ได้ยิน เขาก็เตะไปอีกที มันจะเป็นยังไงถ้าเขาไปอธิบายว่าคุณมู่หรงยอมตายพร้อมกับชายอื่น บ้าเอ๊ย ดราก้อนมาสเตอร์จะไม่ฆ่าเขาตายหรือไง?!!!
“ทุกคนลงไปค้นหา เร็วด้วย” มังกรร้องตะโกน
“ครับ” ทีมค้นหาของดราก้อนพาวิลเลี่ยนรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ค้นหาอยู่ทั้งวัน สีหน้าของหลงอี้ก็เริ่มที่จะเครียดขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่อำนาจของดราก้อนพาวิลเลี่ยนหาคุณมู่หรงไม่เจอ คุณมู่หรงเป็นศัตรูตามธรรมชาติของดราก้อนพาวิลเลี่ยนชัดๆ
หลงอี้เองก็ลงไปที่ด้านล่างของหน้าผาเช่นกัน พวกเขาเดินตามจากจุดที่มู่หรงเสวี่ยกระโดดลงมา เพราะหญ้าที่พื้นหนาเกินไป จึงไม่ใช่พื้นที่ที่จะค้นหากันได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตามหลงอี้ที่ยังไม่เจอศพก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตอนนี้การไม่มีศพก็ถือว่าเป็นข่าวที่ดี
เขานึกได้ว่าคุณมู่หรงมีอีกมิติหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจสายตาแปลกๆของเหล่าลูกน้องและเริ่มที่จะตะโกนออกไปในพื้นที่ว่างเปล่ารอบๆ “คุณมู่หรง อยู่หรือเปล่าครับ?”
“อยู่หรือเปล่า…อยู่หรือเปล่า…อยู่หรือเปล่า…” ที่ด้านล่างของหน้าผามีเพียงเสียงสะท้อนก้องของ หลงอี้ ไม่มีแม้แต่เงาของเธอ
จนกระทั่งคอของหลงอี้เริ่มที่จะแหบแห้งแต่ก็ยังไม่มีร่องรอยของมู่หรงเสวี่ย
พวกเขาเองก็เห็นหลุมที่มู่หรงเสวี่ยเข้าไปด้วยเหมือนกันแต่แตกต่างจากภาพที่มู่หรงเสวี่ยเห็น สมาชิกของดราก้อน พาวิลเลี่ยนต่างก็เห็นมันเป็นเพียงหลุมธรรมดาๆ ภายในไม่มีอะไรเลย
สุดท้ายแล้วหลงอี้ก็กลับไปที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยนมือเปล่า แต่ก็ยังมีสมาชิกคนอื่นๆที่ยังทำการค้นหาต่ออยู่ ถ้าเขาไม่อยู่ที่ฐาน ดราก้อนมาสเตอร์จะต้องสงสัยแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขากลับไปที่ฐานดราก้อน พาวิลเลี่ยน เขาก็ได้ยินคำสั่งของดราก้อนมาสเตอร์ที่เรียกหาเขา เขารู้สึกไม่ดีอยู่ในหัวใจและฝ่ามือก็เหงื่อออกชุ่ม
หลงอี้ไม่กล้าที่จะรีรอและรีบตรงเข้าไปที่ออฟฟิศของ ฮวงฟูอี้ทันที
เขาก็พบว่าในตอนนี้ท่าทางของดราก้อนมาสเตอร์อยู่ในอารมณ์ที่ปกติและเขาเองก็ไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติ ตอนที่เขาเห็นร่างของดราก้อนมาสเตอร์ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องรู้สึกกังวล
“ดราก้อนมาสเตอร์ เรียกหาผมงั้นเหรอครับ?” หลงอี้เดินเข้าไป โค้งหัวด้วยความเคารพและถามออกไป
สายตาเย็นชาของฮวงฟูอี้ “วันนี้นายลืมอะไรไปอย่างหรือเปล่า?”
หลงอี้ตัวสั่น ตั้งแต่ที่ดราก้อนมาสเตอร์ไม่ได้อยู่กับ คุณมู่หรง เขาก็เย็นชาราวกับน้ำแข็งและแค่เสียงของเขาก็แทบจะทำให้คนแข็งเป็นน้ำแข็งได้เลย แล้วก็ยังอื่นๆอีก แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้ เขาออกไปข้างนอกหลังจากที่ทำหน้าที่ของวันนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วนิ ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธออกไปอย่างชัดเจน “ไม่นิครับ ดราก้อนมาสเตอร์ ผมทำทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว!” แล้วเขาก็แอบมองอย่างระวังไปที่ดราก้อนมาสเตอร์
“ไม่” น้ำเสียงเยือกเย็นขึ้นกว่าเดิม วินาทีต่อมากองเอกสารหนักๆบนโต๊ะก็ถูกโยนมาที่หลงอี้
บ้าเอ๊ย เจ็บนะเนี่ย! อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจที่จะเก็บอาการแต่ก็เงียบไม่พูดอะไรไปพร้อมๆกันด้วย
หลังจากนั้นสักพัก น้ำเสียงเย็นชาก็ดูเหมือนจะอ่อนลงเล็กน้อย “รายงานเรื่องสถานการณ์ของมู่หรงวันนี้มา…” กลายเป็นว่าความอ่อนโยนนี้มีไว้เพียงสำหรับคุณมู่หรงเท่านั้น
หลงอี้แทบจะอยากร้องไห้ออกมา นี่คือเรื่องที่เขากลัวที่สุด ถ้าดราก้อนมาสเตอร์รู้ว่าคุณมู่หรงหายตัวไปเขาจะต้องตายแน่ๆ
หลังจากรออยู่สักพัก เขาก็เห็นว่าสายตาของฮวงฟูอี้เริ่มที่จะเย็นชาขึ้น “ฉันบอกให้พูดออกมาไง!”
“ครับ คุณมู่หรงวันนี้ก็เหมือนปกติครับ ไปมหาลัย ทานข้าวแล้วก็เข้านอนครับ” ถ้าเขาตั้งใจมองดีๆก็จะรู้ว่าเขาโกหกแต่ก็โทษเขาไม่ได้ที่โกหก ที่ทำแบบนี้ก็เพราะสถานการณ์ของดราก้อนมาสเตอร์ยังไม่เสถียร จึงไม่น่าที่จะเพิ่มปัญหาของคุณมู่หรงเข้าไปอีกได้
“มหาลัยงั้นเหรอ?! เธอไม่ได้ไปเรียนนานแค่ไหนแล้ว? แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงกลับไปเรียนกะทันหันแบบนี้?” ฮวงฟูอี้ถามต่อ
“ผมไม่ทราบครับ ผมเดาว่าเธอคงอยากที่จะมีประสบการณ์ในชีวิตมหาลัย…” หลงอี้ล้วงมือหยิบกล้องปากกาออกมาให้ฮวงฟูอี้แล้วพูดต่อ “ลองเอาวิดีโอไปดูก็ได้ครับ”
หลงอี้อยากที่จะวิ่งหนีออกไปจริงๆ ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะทำให้ดราก้อนมาสเตอร์รู้สึกดีขึ้น เขาจึงขอให้ดราก้อนพาวิลเลี่ยนคอยตามและปกป้องสมาชิกของมู่หรงเสวี่ย เขาตามถ่ายวิดีโอของมู่หรงเสวี่ยจากไกลๆแล้วจึงส่งมาให้หลงอี้ทุกวัน อันที่จริงหลังจากที่ได้ดูแล้ว ดราก้อนพาวิลเลี่ยนก็อารมณ์ดีขึ้น อย่างไรก็ตามถ้าไม่รวมตอนนี้ มันก็เหมือนการทำร้ายตัวเองอย่างไงอย่างงั้นเลย