ตอนที่ 602 แข็งแกร่งเกินไป

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“เสี่ยวตั่วเอ๋อร์ เจ้าก็อย่าไปขู่ให้พวกเขากลัวเลย ถ้าพวกเขากลัวขึ้นมา รางวัลของพวกเราอาจจะหายไปเอาได้”

หญิงสาวมีเสน่ห์ผู้นั้นไม่ยอมรับ นางกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ขู่ เมื่อครู่ข้าก็แค่พูดกับพวกเจ้าเท่านั้น หึ ๆ พวกศิษย์น้องทั้งหลาย หากพวกเจ้ากลัวหัวหดไม่กล้าเข้าร่วมประลอง เช่นนั้นพี่สาวของข้าคงไม่สามารถเข้าไปอยู่ในจวนส่วนตัวได้ นางต้องเอาเรื่องพวกเจ้าแน่!”

หากสิบอันดับแรกของนักเรียนใหม่ชนะ ก็จะได้จวนส่วนตัวนั่น แต่ถ้าหากเหล่านักเรียนเก่าที่เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ชนะ จวนส่วนตัวจะตกเป็นของพวกเขา

สํานักศึกษาซวนเสียมีนักเรียนมากมาย แต่ผู้ที่มีคุณสมบัติครอบครองจวนส่วนตัวและผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากทรัพยากรที่ดีเช่นนี้กลับมีไม่มากนัก

คํากล่าวเหล่านี้ ได้ข้อสรุปแล้วว่าพวกเขาจะชนะและต้องมีบางคนไม่พอใจเป็นแน่

“พวกเราเข้าร่วมอย่างแน่นอน ไม่ต้องห่วง”

พวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะจากหนึ่งในล้าน ไหนเลยจะทนรับคำดูถูกดูแคลนจากศิษย์พี่เหล่านี้ได้

มู่เฉียนซีเหลือบมองพวกเขาอย่างเฉยเมยก่อนจะกล่าวว่า “อืม ข้าจะเข้าร่วมด้วย”

เหตุผลที่นางมายังสํานักศึกษาแห่งนี้ หนึ่งก็เพื่อความรู้จากตําราของสํานักศึกษาซวนเสีย สองคือค่ายกลวิญญาณในสํานักศึกษาแห่งนี้ช่วยเพิ่มระดับการฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว และในตอนนี้ยังมีโอกาสได้รับทรัพยากรที่ดีเช่นนี้อีก นางย่อมไม่ยอมแพ้อย่างเด็ดขาด

พี่ใหญ่มู่ตอบตกลงไปแล้ว ฉินปาจึงกล่าวว่า “ข้าก็ด้วย!”

“ข้าเองก็ไม่ชอบอยู่กับผู้อื่น” โม่ซางคงกล่าวออกมาอย่างเฉยเมย

“พวกเราก็เช่นกัน”

สิบคน ไม่มีเลยสักคนที่ยอมแพ้ พวกเขาหลายคนคิดในใจว่าศิษย์พี่เหล่านี้ก็แค่พวกงั่งที่ชอบอวดโอ้ไปทั่ว

มุมปากฉินตั่วเอ๋อร์ยกยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นดูเจ้าเล่ห์แปลกพิลึก “หึ ๆ ศิษย์น้องยอดเยี่ยมมาก ข้าชอบพวกเจ้า”

นางรู้สึกราวกับเห็นจวนส่วนตัวอันสมบูรณ์แบบนั้นโบกมือให้นางอีกครั้ง ฉินตั่วเอ๋อร์ยิ้ม ท่าทางดีใจของนางดูราวกับสุนัขจิ้งจอกที่เพิ่งขโมยเนื้อสัตว์มาได้สำเร็จ คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน

ทว่าอาจารย์ผู้คุมสอบกลับมองไปยังเงาร่างสีม่วงอ่อนนั้นด้วยสีหน้าซับซ้อน ทุกครั้งที่มีการทดสอบเพิ่มเติม น้อยมากที่นักเรียนใหม่จะกำชัยชนะ ท่าทางของเหล่านักเรียนเก่าที่ราวกับถือชัยชนะอยู่ในกํามือแล้วจึงมีเหตุผล

อย่างไรก็ตาม วันนี้มันต่างออกไป ในบรรดานักเรียนใหม่ทั้งสิบคน มีมารร้ายอายุน้อยตนหนึ่งที่ผ่านหอร้อยหลอมมาได้

หากว่าพวกเขาเหล่านักเรียนเก่ารู้เรื่องนี้ เกรงว่าคงหัวเราะไม่ออก

ฉินตั่วเอ๋อร์ “ท่านอาจารย์ รีบประกาศเริ่มการประลองเร็วเข้าเถอะ ข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว”

อาจารย์ผู้คุมสอบมองเหล่านักเรียนหน้าใหม่ก่อนจะถามขึ้น “พวกเจ้าพักกันเป็นยังไงบ้าง ?”

“พอสมควรแล้วขอรับ พวกข้าสามารถต่อสู้ได้แล้ว” เมื่อถูกพวกศิษย์พี่เหล่านี้ดูถูก พวกเขาเองก็กระตือรือร้นอยากแสดงความแข็งแกร่งให้นักเรียนเก่าเหล่านี้ได้ยล

“เช่นนั้น อาจารย์ขอเชิญนักเรียนจากทั้งสองกลุ่มขึ้นเวทีประลองเถิด”

สองกลุ่ม นักเรียนใหม่สิบอันดับแรก และนักเรียนเก่าหรือศิษย์พี่ผู้โดดเด่นสิบคน พวกเขายืนเผชิญหน้ากันเป็นแถว

อาจารย์ผู้คุมสอบประกาศด้วยเสียงอันดัง “เริ่มการประลองได้!”

สิ้นเสียงประกาศของอาจารย์ผู้คุมสอบ พลังวิญญาณของนักเรียนเก่าทั้งสิบคนที่อยู่ตรงหน้าพลันหมุนวนก่อตัวขึ้น

พลังวิญญาณวน ๆ นี้ ราวกับกระแสธาราอันทรงพลังทำให้สีหน้านักเรียนใหม่หลายคนเปลี่ยนไป

จักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง จักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสอง จักรพรรดิแห่งภูตระดับสาม จักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสาม…

นี่พวกเขา… กล่าวได้ว่าผู้อ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกเขาล้วนเป็นขั้นจักรพรรดิระดับสอง

เพียงเริ่มต้นก็แสดงความแข็งแกร่งกดดันพวกเขาเสียแล้ว

โม่ซางคงกล่าวอย่างฮึกเหิม “พวกเราอย่าไปกลัว เมื่อขึ้นไปบนเวทีประลองแล้วก็ต้องออกไปสู้สักตั้ง!”

พลังวิญญาณของโม่ซางคงแผ่กระจายออกไป เขาคือจักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง ไม่ได้น้อยหน้าเหล่ารุ่นพี่เลย

คนอื่น ๆ ฮึกเหิมตาม แต่ในพวกเขามีระดับหนึ่ง ระดับสอง แต่ระดับสามกลับไม่มีนี่สิปัญหา!

ฉินตั่วเอ๋อร์ยิ้มเยาะ “สมแล้วที่เป็นสิบอันดับแรกของนักเรียนใหม่ ความแข็งแกร่งนี้ถือว่าไม่เลว เมื่อหนึ่งปีก่อนตอนที่พวกข้าเข้าศึกษาก็อยู่ในระดับนี้เช่นกัน แต่ทำกร่างไปเถอะ ยังไงพวกเจ้าก็ไม่มีทางเอาชนะพวกข้าในตอนนี้ได้หรอก”

สมแล้วที่เป็นสํานักศึกษาระดับสองเพียงแห่งเดียวในเสียโจว ภายในมีค่ายกลวิญญาณ นักเรียนที่ศึกษาอยู่ในสํานัก เพียงปีเดียวก็สามารถทะลวงผ่านไปหนึ่งขั้นได้แล้ว

หากว่าเป็นสถานที่แห่งอื่น คงยากที่จะทำได้เป็นแน่แท้

ความแข็งแกร่งนี้แตกต่างกันเกินไป แม้แต่อาจารย์ผู้คุมสอบยังส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

ความสนใจทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่แต่กับนักเรียนมู่เฉียนซี นักเรียนใหม่คนอื่น ๆ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตนเองออกมาหมดแล้ว เว้นก็แต่นักเรียนมู่เฉียนซีเท่านั้นที่ยังเก็บซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้ยังไม่แสดงออกมา

ทันใดนั้นร่างสีม่วงก็พุ่งออกไปราวกับสายฟ้า

เป้าหมายของนางคือไป๋เหยียน ชายหนุ่มหล่อเหลาและร้ายกาจที่สุดในบรรดาศิษย์พี่เหล่านั้น

กลายเป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีของศิษย์น้องผู้หนึ่ง แต่ไป๋เหยียนมิได้กลัวเกรง เขายิ้มจาง ๆ ก่อนจะกล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ศิษย์น้องเห็นศิษย์พี่หล่อเหลาใช่ไหม เจ้าถึงได้ลงมือกับข้าเป็นคนแรก! แต่เช่นนี้ถือว่าประมาทนัก กล้าโจมตีข้า เกรงว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บเอาได้ง่าย ๆ”

ระดับพลังวิญญาณที่มู่เฉียนซีปลดปล่อยออกมาเป็นเพียงราชาแห่งภูตระดับเก้าเท่านั้น

“เป็นไปได้ยังไง ?! นาง…” อาจารย์ผู้คุมสอบต่างรู้สึกเหลือเชื่อ

ด้วยอายุของมู่เฉียนซี ความแข็งแกร่งขั้นราชาแห่งภูตระดับเก้าถือเป็นเรื่องปกติมาก แต่…

ล้อเล่นแล้วหรือไม่ ? ราชาแห่งภูตระดับเก้ากลับสามารถบรรลุขั้นร้อยหลอมได้สำเร็จ ประหลาดนัก!

เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่ ?

อาจารย์ผู้คุมสอบคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

ฉินตั่วเอ๋อร์ยิ้ม “ครั้งนี้คนอื่น ๆ ยังแข็งแกร่งพอ ๆ กันกับพวกข้า แต่กลับคาดไม่ถึงว่าราชาแห่งภูตจะเข้าสู่สิบอันดับแรกได้ ดูเหมือนว่าพวกศิษย์น้องอีกเก้าคนคงจะไม่เท่าไรกระมัง ข้าดูแล้วนักเรียนใหม่ในครั้งนี้เหมือนจะมีระดับที่ขัดแย้งกันมาก”

นอกจากฉินปาและโม่ซางคงแล้ว ผู้อื่นล้วนแต่ฉงนงุนงง

ฉินตั่วเอ๋อร์คิดว่ามู่เฉียนซีคงเป็นอันดับที่สิบ ในเมื่อนางมีพลังความแข็งแกร่งเพียงเท่านั้นจะให้เขาเข้าใจว่าอย่างไร ‘เฮ้อ… แต่ละรุ่นนี่ยิ่งแย่งลงไปทุกที’ เขาคิดในใจ

ทว่าพวกเขาเหล่านักเรียนใหม่รู้ดีว่าสาวน้อยใบหน้างามไร้ที่ติผู้นี้ นางไม่ใช่อันดับที่สิบ แต่เป็นอันดับหนึ่ง

อันดับหนึ่งความแข็งแกร่งจะเป็นระดับราชาแห่งภูตไปได้อย่างไร นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ขณะที่ทุกคนกําลังฟุ้งซ่าน ไป๋เหยียนที่ชะล่าใจกับมู่เฉียนซีไม่ทันสังเกตว่านางเข้ามาใกล้เขาแล้ว นางยกมือขึ้นพลางกล่าวเสียงแข็ง “ทักษะตี้ซวน!”

พลังอันน่าสะพรึงกลัวกวาดไปทั่วเวทีประลอง!

ม่านตาไป๋เหยียนหดเล็กลงทันที เขารู้สึกถึงพลังอันตรายนี้จึงรีบใช้พลังวิญญาณเพื่อต่อต้าน

— ตูม! —

เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาทไปทั่วลานประลอง

— ปัง! —

ไป๋เหยียนถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าหล่อเหลาถูกลมพายุพัดจนช้ำ

เวลานี้ทุกคนต่างตะลึงลาน ฉินตั่วเอ๋อร์เอามือปิดปาก เขากล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “ศิษย์น้องผู้นี้ เจ้าช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว!”

ไป๋เหยียนที่เกือบถูกสังหารกล่าวอย่างจนปัญญา “แข็งแกร่งมาก ข้าเกือบถูกสังหารเพราะประเมินศัตรูต่ำเกินไป”

นักเรียนใหม่อีกเจ็ดคนตะลึงงัน เมื่อครู่ที่พวกเขาเห็นระดับขั้นของมู่เฉียนซี พวกเขารู้สึกไม่พอใจกับอันดับหนึ่งของนางอย่างมาก ทว่าเมื่อเห็นนางลงมือ พวกเขายอมรับนางอย่างถึงที่สุดแล้ว นางแข็งแกร่งมากจริง ๆ

แข็งแกร่งเกินไป นางแข็งแกร่งเกินไป!

ในที่สุดอาจารย์ผู้คุมสอบก็เข้าใจว่าเหตุใดระดับราชาแห่งภูตถึงได้บรรลุไปถึงขั้นร้อยหลอมได้สำเร็จ สาวน้อยผู้นี้มีทักษะวิญญาณอันร้ายกาจและแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หนำซ้ำยังสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้

แต่ถึงทักษะวิญญาณนี้จะแข็งแกร่งมาก การที่จะบรรลุไปถึงขั้นร้อยหลอมได้สำเร็จ ในความเข้าใจของเขาก็ยังเป็นไปไม่ได้อยู่ดี หรือว่านางจะมีไพ่ตายอื่นซ่อนอยู่อีก

อาจารย์ผู้คุมสอบยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับมารที่ผ่านการฝึกขั้นร้อยหลอมได้สำเร็จผู้นี้

— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —

ที่นี่คือเวทีการประลอง หลังจากที่คนอื่นกำลังประหลาดใจก็ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่พุ่งเข้าหาตน

ไป๋เหยียนรีบพุ่งไปทางมู่เฉียนซี “ศิษย์น้อง เมื่อครู่ข้าประเมินเจ้าต่ำไป ต่อจากนี้ข้าจะไม่ประมาทอีกเจ้าคอยดูได้เลย”

กระบี่ยาวเล่มหนึ่งพลันออกจากปลอกฉายแสงสีเงินพราว ไป๋เหยียนกล่าว “ศิษย์น้อง จงดึงเอาอาวุธของเจ้าออกมา ถึงเจ้าจะวิปริตไปเสียหน่อย แต่ศิษย์พี่อย่างข้าก็ไม่อยากรังแกเจ้า”

มู่เฉียนซีเองก็อยากใช้กระบี่มังกรเพลิงเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เมื่อตอนสำเร็จขั้นร้อยหลอมมันหักไปเสียแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “กระบี่ของข้าหักแล้ว ไม่สามารถใช้การได้ ข้าจะสู้กับเจ้าด้วยมือเปล่า”