กระบี่หักไปแล้วงั้นรึ นี่มันเป็นข้ออ้างอะไรกัน ?

ไป๋เหยียนส่ายหน้า “ศิษย์น้อง เจ้าดูถูกรุ่นพี่อย่างข้าแล้ว เช่นนี้จะทำให้ข้าโกรธเอาได้ เมื่อลงมือจะไม่มีการยอมอ่อนข้อให้เจ้า”

มู่เฉียนซีกล่าวตอบอย่างไม่แยแส “ข้าก็เช่นกัน กับศิษย์พี่ที่เป็นเหมือนดั่งนกยูงรำแพนหางเก่งแต่ขู่เช่นเจ้า ข้าก็จะไม่ละมุนละม่อมด้วย”

“เช่นนั้นเจ้าก็เตรียมรับกระบวนท่าซะ!” เขากล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา จากนั้นกระบี่ยาวพลันพุ่งเข้ามาทางมู่เฉียนซีด้วยมุมท่ามากเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง

ทักษะตี้ซวนเมื่อครู่ทำให้เขารับรู้ได้ว่าการต่อสู้ระยะประชิดของศิษย์น้องผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาจึงได้โจมตีแบบรักษาระยะด้วยกระบวนท่ากระบี่ ปราณกระบี่สีเงินปกคลุมไปทั่ว มู่เฉียนซีร้องขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “มังกรวารีพิฆาต!”

“โล่วิญญาณวารี!”

พลังวิญญาณธาตุวารีห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซีเอาไว้ นางโคจรเคล็ดวิชาย่างก้าวพันเงาขึ้นมา และหลบการโจมตีจากกระบี่ในบริเวณรอบข้างอย่างว่องไว

เวลานี้นางไม่มีกระบี่ จึงไม่สามารถโจมตีระยะไกลได้ เมื่อต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ผู้เก่งกาจจึงยากที่จะรับมือ

— ตูม! ตูม! —

สถานการณ์ทางด้านของผู้อื่นก็ยังคงเลวร้ายเช่นเดิม หากต่อสู้พ่ายแพ้ไปทีละคนเช่นนี้ต่อไป ถึงต่อให้นางสามารถอยู่รอดไปได้จนถึงช่วงหลัง ก็ต้องถูกพวกศิษย์พี่เข้ามารุมทั้งสิบคน ตอนนั้นคงไม่สามารถกู้สถานการณ์ได้เช่นกัน

คู่ต่อสู้ในหอร้อยหลอมล้วนแต่เป็นจักรพรรดิระดับหนึ่ง มาตอนนี้ล้วนเป็นจักรพรรดิระดับสองและสาม ความห่างชั้นหนึ่งขั้นระหว่างระดับจักรพรรดินั้นถือว่าห่างไกลเป็นอย่างมากแล้ว

นางจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์

“ผนึกมังกรวารี!” มู่เฉียนซีโจมตี คิดที่จะพุ่งเข้าไปซัดกับไป๋เหยียนให้รู้ดำรู้แดงกันไป

ทว่าเมื่อร่างของมู่เฉียนซีเริ่มขยับ นางก็ได้เปลี่ยนท่าทีเป็นหลบหนีไป ทุกอย่างเมื่อครู่นี้เป็นเพียงแค่การทำเพื่อหลอกฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น

ไป๋เหยียนตะลึงงัน ‘ศิษย์น้องผู้นี้หนีไปแล้ว ? ไม่สู้กับข้าแล้วงั้นรึ ?’

มู่เฉียนซีกระซิบข้างหูฉินปา “กันเจ้านั่นเอาไว้ให้อยู่หมัด อย่าให้เขาถีบเจ้าลงไปจากเวทีประลองได้ก็พอแล้ว นี่คือยาเม็ด จงอดทนยืนหยัดเอาไว้”

ฉินปาเคยร่วมมือกับมู่เฉียนซีมาก่อน แน่นอนว่าเขารู้ถึงแผนการของนาง

บัดนี้เงาร่างอันสูงใหญ่พุ่งเข้าไปกันท่าผู้ที่ไล่ตามโจมตีมู่เฉียนซีเอาไว้ “ตอนนี้คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!” ไป๋เหยียน “ศิษย์น้อง พลังความสามารถของเจ้านั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าหรอก”

“ใช่หรือไม่นั้นเมื่อสู้แล้วจะรู้เอง” ฉินปาร้องตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดพลันลงมือทันที

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อัดพลังใส่จนทำให้ไป๋เหยียนกระเด็นลอยออกไป ในตอนนี้หางตาของหลินพู่ก็อดที่จะกระตุกไม่ได้ สาวน้อยนั่นเป็นผู้ที่มีระดับพลังความสามารถต่ำแต่กลับมีความสามารถในการต่อสู้อันแข็งแกร่ง

คู่ต่อสู้เช่นนี้ตึงมือนัก!

“มังกรวารีพิฆาต!”

มังกรวารีพุ่งออกไป แต่ออกไปเพียงเพื่อคุ้มกันระหว่างที่นางกำลังเคลื่อนไหวก็เท่านั้น และมู่เฉียนซีที่ได้ใช้เคล็ดวิชาการเคลื่อนไหวก็เคลื่อนตัวเข้าใกล้เขา นางใช้ทักษะตี้ซวนโจมตีไปหนึ่งครา

เขาเป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองเท่านั้น จะไปป้องกันมันอยู่ได้อย่างไร และเป็นไปตามคาด ร่างกายของเขาปลิวลอยไปในอากาศเหมือนดั่งลูกธนูใหญ่

ไม่มีใครนึกเลยว่าผู้ที่ถูกทำให้ตกรอบคนแรกจะเป็นนักเรียนเก่า

เป้าหมายต่อไปของมู่เฉียนซีคือจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองอีกผู้หนึ่ง นางไม่รีรอ พุ่งร่างเข้าไปกล่าวกับนักเรียนใหม่ผู้หนึ่งว่า “เจ้าไปช่วยฉินปาสกัดไป๋เหยียนเอาไว้ อย่าให้เขามาตามสู้กับข้าได้ ส่วนไอ้คนผู้นั้น ข้าจัดการเอง” แม้จะไม่รู้อย่างแน่ชัดถึงแผนการของมู่เฉียนซี ทว่าเมื่อครู่นี้มู่เฉียนซีเป็นผู้ที่ได้ชัยชนะแรกมา อีกทั้งนางยังเป็นผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในหมู่ของพวกเขาอีก แน่นอนว่าเขายอมฟังการบัญชาจากมู่เฉียนซีแต่โดยดี

“ได้!”

มู่เฉียนซียัดขวดยาหลายขวดใส่มือเขา “เอาไปซะ ไม่ต้องกลัวว่าจะสูญเสียพลังวิญญาณ ใช้มันให้เต็มที่และเมื่อใช้หมดแล้วก็ให้กินยาเม็ด เจ้าต้องยื้อเขาไว้ให้อยู่เท่านั้น”

“อืม ข้าเข้าใจแล้ว”

“เจ้าอย่าได้คิดว่าเมื่อชนะหลินพู่ไปแล้วจะสามารถเอาชนะข้าได้ สาวน้อย เจ้าอย่าได้ไร้เดียงสาเกินไปนัก!”

มู่เฉียนซี “ใครกันแน่ที่ไร้เดียงสา เดี๋ยวถึงตอนนั้นเจ้าจะรู้เอง”

ศิษย์พี่ผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายต่อไปของมู่เฉียนซีโบกสะบัดหอกเล่มยาวและโจมตีไปทางนาง ความเร็วของมู่เฉียนซีไม่ต่างจากหนูลมกรด ในบรรดาพวกนั้น นอกจากไป๋เหยียนและฉินตั่วเอ๋อร์แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครที่สามารถทำอะไรมู่เฉียนซีได้

— ปัง! ปัง! ปัง! —

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับตัววิปริตที่สามารถสู้ข้ามขั้นได้ถึงสองขั้น ขณะที่ต่อสู้ไปนั้น สีหน้าของพวกเขาพลันหม่นครึ้มหมองลงไป

ส่วนมู่เฉียนซี นางให้ความสำคัญกับการเผด็จศึกอย่างรวดเร็ว เพราะสองคนนั้นไม่แน่ว่าจะสามารถยื้อไป๋เหยียนเอาไว้ได้ นางจำต้องรีบจัดการทางนี้ให้เรียบ

“ทักษะตี้ซวน!” ทันทีที่ทักษะตี้ซวนถูกปล่อยออกไป ศิษย์พี่ผู้นั้นไม่สามารถป้องกันเอาไว้ได้เลยแม้แต่น้อย ทำให้ร่างของเขากระเด็นลอยออกไปจากเวทีประลอง

นักเรียนใหม่ยังไม่ถูกคัดออกไปเลยสักคน แต่นักเรียนเก่ากลับตกรอบไปแล้วถึงสองคน

“บ้าจริง!” ไป๋เหยียนก่นด่าด้วยเสียงอันดัง

เขาโคจรพลังวิญญาณขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง และคิดที่จะสู้กับนางอย่างเต็มความสามารถ เพราะพวกเขานั้นพลาดท่าเสียทีให้กับกลลวงของนางไปแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง

“รีบเผด็จศึก เลิกเล่นได้แล้ว! เตะเจ้าพวกนักเรียนใหม่ลงจากเวทีประลองไปให้หมด อย่าได้ให้โอกาสกับศิษย์น้องหญิงวิปริตนั่นอีก” ทักษะวิญญาณที่สามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้สองขั้น สำหรับผู้ที่อยู่ต่ำกว่าจักรพรรดิระดับสามแล้ว มิอาจต้านทานนางได้

ฉินตั่วเอ๋อร์รู้สึกได้ถึงอันตราย นางยิ้มให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีเสน่ห์ ทำให้คนผู้นั้นหลงใหลจนลืมตน ในที่สุดก็ถูกเตะลงเวทีไป

— ปัง! —

ทว่าอีกทางด้านหนึ่งของการต่อสู้ก็ถือว่ายังดี โม่ซางคงจัดการคู่ต่อสู้ของเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สามต่อหนึ่ง!

— ครืน! —

ทันใดนั้นไป๋เหยียนระเบิดพลังออกมา บุคคลที่เป็นจักรพรรดิระดับหนึ่งสองคนนั้นไม่สามารถที่จะขวางเขาเอาไว้ได้เลย ความห่างชั้นมันมีมากเกินไป ฉินปาและอีกคนถูกเขาเตะออกจากเวที

สามต่อสาม!

ในตอนนี้ จำนวนของผู้ที่ตกรอบไปของนักเรียนทั้งใหม่และเก่าเท่ากันแล้ว ไป๋เหยียนยิ้มเยาะ เขาเพ่งเล็งไปที่เหยื่อของตนเอง การที่มีเด็กสาวนั่นอยู่จะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงต่อให้ไม่สามารถทำให้นางพ่ายแพ้ได้ แต่ก็จะต้องไปต่อสู้พัวพันกับนางไว้เพื่อไม่ให้นางไปเล่นงานคนอื่นในกลุ่ม

แต่เมื่อร่างสีเขียวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา คมดาบวายุกลับเข้าล้อมจากรอบทิศทาง

“ผู้มีพลังภูตธาตุวายุ!” ไป๋เหยียนตกตะลึง “ผู้ที่มีพลังธาตุนั้นสามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ แต่เสียใจด้วย เมื่อคู่ต่อสู้นั้นเป็นข้า เจ้าคงไม่อาจสมหวังได้”

โม่ซางคงกล่าวขึ้น “ข้าไม่จำเป็นต้องเอาชนะเจ้า เพียงแค่รั้งเจ้าเอาไว้เท่านั้นก็พอแล้ว”

“อย่างเจ้าเนี่ยน่ะรึเอาชนะตั่วเอ๋อร์ได้ ? ตั่วเอ๋อร์นั้นเป็นจักรพรรดิระดับสาม! ต่อให้เจ้าต่อกรได้ นั่นก็คงตึงมือไม่น้อย”

“หึ ๆ ศิษย์น้อง นึกไม่ถึงเลยว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าจะกลายเป็นข้า” ฉินตั่วเอ๋อร์ยิ้มอย่างมีเสน่ห์เป็นที่สุด

“มังกรวารีพิฆาต!” ร่างสีแดงสดหลบการโจมตีของมู่เฉียนซีได้อย่างว่องไว ร่างของนางพันธนาการมู่เฉียนซีเอาไว้เหมือนกับอสรพิษตัวหนึ่ง

ทั้งสองล้วนแต่ไม่ใช้อาวุธใด ๆ แต่ทว่าฉินตั่วเอ๋อร์มีพลังในการรัดรึงที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่แน่นอนว่าทักษะตี้ซวนของมู่เฉียนซีไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนัก

“ทักษะตี้ซวน!”

สิ้นเสียงเย็นชาของมู่เฉียนซี พลังแห่งการทำลายล้างพลันพุ่งออกไป

ฉิ๋นตั่วเอ๋อร์ขยับกายหลบหลีกการโจมตีนั้นไปอย่างลื่นไหลราวกับว่านางเป็นปลาดุกไหลในโคลน และการโจมตีนั้นก็พลาดเป้าไป ” ฉินตั่วเอ๋อร์ยิ้ม กล่าวว่า “ศิษย์น้อง การโจมตีของเจ้าไม่ได้ผลกับศิษย์พี่อย่างข้า น่าเสียดายนะ”

แต่แล้วเงาร่างสีม่วงพุ่งออกไปราวกับสายฟ้าฟาด ร่างมู่เฉียนซีกระโจนขึ้นไปหยุดอยู่บนอากาศและยกมือขึ้น “เช่นนั้น ท่านี้ก็ควรจะมีผลได้แล้วล่ะ หึ ๆ ๆ”

“ทักษะเทียนซวน!”

รอบนี้พุ่งตรงไปทางหน้าอกของฉินตั่วเอ๋อร์โดยตรง

ในตอนนี้เอง เงาร่างสีแดงเหาะไปยังด้านข้างเวทีประลอง และตรงที่เดิมที่นางได้ยืนอยู่บนเวทีประลองนั้น บัดนี้เกิดรอยแตกร้าวขึ้นแล้ว

อาจารย์ผู้คุมสอบสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง “นางมีฝ่ามือที่สามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ แล้วดูนั่น ท่าที่สองแข็งแกร่งกว่าท่าแรกเสียอีก วิปริตยิ่งนัก!”

ในตอนนี้เอง มุมปากของฉินตั่วเอ๋อร์ปรากฏเลือดแดงฉานไหลออกมา การโจมตีด้วยทักษะเทียนซวนทำให้นางช้ำใน นางรีบกินยาเม็ดเข้าไปเพื่อรักษาอาการแทบไม่ทัน

สายตาของนางมองมู่เฉียนซีอย่างเศร้าโศกเป็นที่สุด “ศิษย์น้อง ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้งดงามเท่าเจ้า แต่เจ้าก็ไม่เห็นต้องทำถึงขั้นนี้เลยนี่!”