บทที่ 444 จะให้โอกาสพวกแก

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ตอนแรกเย่เทียนคิดว่างูพวกนั้นล้วนเป็นงูประจำถิ่นที่อาศัยอยู่บนยอดภูเขาเฟิ่งหวง แต่พอเขาตรวจสอบอย่างละเอียด กลับพบว่ามันไม่มีได้เป็นเช่นนั้นเลย!

งูพวกนี้ล้วนเป็นงูมีพิษ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางฝั่งแอฟริกา!

เย่เทียนจึงมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคาดเดาไว้ในทันที ว่างูเหล่านี้ล้วนมีคนส่งมันมา และเป็นไปได้สูงว่าถูกเลี้ยงไว้โดยเฉพาะ

คิดเช่นนั้นเย่เทียนจึงจงใจปล่อยให้งูรอดไป2-3ตัว เพียงแค่ขว้างพวกมันออกไปไกลๆ แล้วตามพวกมันไปเพื่อหาตัวการผู้อยู่เบื้องหลัง

ดังคำกล่าวที่ว่า:การป้องกันที่ดีที่สุดคือเป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมก่อน

เพราะยังไงก็มีตี๋ต้าจื้อคอยดูแลเฉินหวั่นชิงอยู่ ถึงแม้เจอกับพวกที่เก่งกาจเข้าจริงๆ จะอยู่ประคองสักพักก็ไม่ใช่เรื่องยาก

และเพราะเหตุนี้เย่เทียนจึงงรีบตามงูมาเพียงลำพังได้อย่างหมดห่วง

เป็นไปอย่างที่คิดไว้ แผนของเขาสำเร็จแล้ว หลังจากงูที่ถูกเลี้ยงไว้เหล่านี้พ่ายแพ้ให้กับเย่เทียน ก็กลับมาหาเจ้าของอย่างว่าง่าย ทำให้เขาหาตัวสองพี่น้องหยวนซือได้สำเร็จ!

“เย่เทียน?”

เมื่อเห็นหน้าเย่เทียนชัดๆ พี่หยวนก็ตกตะลึง แต่เรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วพูดถากถางอย่างยิ้มๆ

“ไม่เสียแรงที่จัดการเจ็ดสังหารกับหมาป่าโลภได้ พอจะมีฝีมือจริงๆด้วย”

“แต่น่าเสียดายที่แกมาเจอกับพวกเราสองพี่น้อง ในเมื่อแกมารนหาที่ตายเองถึงที่ ช่วยประหยัดเวลาเราได้เยอะเลยทีเดียว เดี๋ยวพวกฉันจะจัดให้แกอย่างสมใจอยาก!”

เย่เทียนได้ยินเช่นนั้นก็เดินออกมาจากความมืดอย่างไม่ทุกข์ร้อน มองสองพี่น้องหยวนซือด้วยสีหน้าแปลกๆ

“งั้น ฉันขอถามอะไรแกหน่อยได้ไหม?”

“ตกลงพวกแกสองคนใครเป็นทหารกล้าตายงั้นเหรอ?”

ตอนเย่เทียนประมือกับแก๊งS.P.Lในชาติก่อน เคยเห็นสองพี่น้องหยวนซือแค่คนเดียว เลยคิดว่าทหารกล้าตายมีแค่คนเดียว

แต่ตอนนี้กลับมีถึงสองคนพี่น้อง เดิมทีทั้งคู่ก็มีหน้าที่คล้ายกันอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับความมืดในยามราตรี เย่เทียนจะแยกออกได้ยังไงว่าคนที่เห็นเมื่อชาติก่อนคือคนไหน

ทันทีที่พูดออกมาสองพี่น้องหยวนซือก็สบตากัน ไม่คิดว่าเย่เทียนจะพูดถึงตัวตนของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา

แต่พวกเขาก็เรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดพี่หยวนก็ตอบเย่เทียนกลับไปอย่างยิ้มเยาะ

“พวกเราเป็นทหารกล้าตาย และไม่ได้เป็นทหารกล้าตาย!”

“เอ่อ?!”

เย่เทียนช่างฉลาดเสียเหลือเกิน จับใจความสำคัญได้ท่ามกลางความสับสน

เขามองสองพี่น้องหยวนซือด้วยสีหน้าแปลกๆ พลางพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจ:ตามที่แกหมายถึง ฉันเข้าใจแบบนี้ได้ไหมว่าทหารกล้าตายไม่ได้มีแค่คนเดียว และมันคือพวกแกสองคน?”

“เห็นแกว่าแกใกล้ตายแล้ว ฉันจะบอกแกให้ ที่แกพูดน่ะถูกแล้ว พวกเราสองพี่น้องนี่แหละคือทหารกล้าตาย!”

น้องหยวนยืนขึ้นพลางยิ้มเยาะ ทันทีที่ขยับมือดาบมาเซเต้ยาวสองฟุตกว้างครึ่งฟุตก็ปรากฏอยู่ในมือทันที เปล่งแสงออกมาอย่างกระหายเลือดภายใต้แสงจันทร์

เมื่อได้คำตอบยืนยัน เย่เทียนก็พยักหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่

เมื่อชาติก่อนตอนที่เขาปะทะกับแก๊งS.P.L สองพี่น้องคู่นี้น่าจะมาแค่คนเดียว เขาจึงได้เจอแค่คนเดีย

แต่เมื่อเห็นดาบมาเซเต้ในมือน้องหยวน เย่เทียนก็มองเขามองแล้วมองอีกอย่างหลากหลายความรู้สึก

ทหารกล้าตายที่เขาเคยเจอเมื่อชาติก่อน อาวุธที่พวกเขาใช้ก็คือดาบมาเซเต้!

เย่เทียนถึงขนาดรู้ว่า เจ้าหมอนี่อาจดูเหมือนมีดาบแค่เล่มเดียว แต่ในความเป็นจริงนั้นกลับมีถึงสองเล่ม แค่รอเอาออกมาใช้เมื่อถึงช่วงคับขัน!

แม้ไม่ค่อยรู้เรื่องพี่หยวนมากนัก แต่เย่เทียนมีฝีมืออันเยี่ยมยอดและกล้าหาญ ไม่เอามาใส่ใจ

คิดเช่นนั้น เย่เทียนยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน แล้วพูดหยอกล้อ:“พวกแกสองคนสมองคงไม่ได้เลอะเลือนไปหรอกใช่ไหม? ฉันอยู่เจียงหนานไม่หนีไปไหนหรอกส่วนพวกแกกลับวิ่งเข้าป่าเข้าเขามาฆ่าฉันดึกๆดื่นๆ?”

ทันทีที่พูดออกมา สองพี่น้องหยวนซือก็เดือดจัดขึ้นมาทันใด ไม่คิดเลยว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเย่เทียนยังมีหน้ามาพูดหยอกล้อกับพวกเขา

“แก อวดดีไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร วันนี้ในปีหน้าต้องเป็นวันครบรอบวันตายของแก!”

พี่หยวนยิ้มอย่างเยือกเย็น เหลือบมองน้องหยวนข้างๆ แล้วลอบพยักหน้า

อย่างไรเสียทั้งคู่ก็เป็นฝาแฝดกัน เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร

พวกเขาคาดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะเป็นฝ่ายมาหาเอง โดยเฉพาะที่เย่เทียนเข้าใกล้พวกเขาในระยะ10เมตรได้โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลย ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาระวังตัวไม่มากพอ ก็คงเพราะเย่เทียนฝีมือแข็งแกร่งมาก

แต่พวกเขาไม่มีทางที่จะไม่ระวังตัว!

งั้นบอกได้อย่างเดียวเลยคือเย่เทียนนั้นแข็งแกร่งมาก!

คิดเช่นนั้นน้องหยวนก็มองเย่เทียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ค่อยๆขยับเท้าไปด้านข้างๆ

แน่นอนว่าเย่เทียนสั้งเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขา จึงยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก ให้เขาทำต่อไป

“ฉันว่าพวกแกสองคนน่าจะมีฝีมือใช้ได้ อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสพวกแก ขอแค่พวกแกยอมจำนน ฉันจะลองพิจารณาปล่อยพวกแกไป!”

อาศัยจังหวะตอนที่อยู่ในเต็นท์เมื่อครู่ เย่เทียนได้คิดอย่างละเอียดรอบคอบไปครู่หนึ่ง จากที่เขาเข้าใจในตอนนี้ บนโลกนั้นตราบใดที่มีอำนาจใหญ่โต เบื้องหลังต้องมีอำนาจของโลกนักบู๊คอยสนับสนุนอย่างแน่นอน

บวกกับชาติก่อนที่เขาไม่เคยสืบข้อมูลเกี่ยวกับผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังแก๊งกะโหลกสักลายได้เลย เป็นไปได้สูงว่าอีกฝ่ายคงเป็นคนของโลกนักบู๊

อีกทั้งยังเชื่อว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนใหญ่คนโตในโลกนักบู๊แน่ๆ

เมื่อเทียบกับคนใหญ่คนโตที่สืบทอดกันมนานหลายปี เย่เทียนรู้ดีว่าข้อเสียเปรียบของตนนั้นอยู่ตรงไหน ดังนั้นเขาจึงค่อยๆมีความคิดอยากสร้างบารมีขึ้นมา

ในเมื่อสองพี่น้องหยวนซือสามารถนั่งบนตำแหน่งทหารกล้าตายได้ แสดงว่าพวกเขานั้นไม่ธรรมดา งั้นก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่เหรอ?

“แก ความตายรออยู่ตรงหน้ายังกล้าปากแข็ง แกมันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!”

น้องหยวนตะโกนอย่างเดือดดาล ในที่สุดก็ยืนขึ้นแล้วใช้มือทำท่าอะไรบางอย่าง

เมื่อเห็นการกระทำของน้องหยวน เย่เทียนก็เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ “ฉันจะให้โอกาสพวกแกเป็นครั้งสุดท้าย ขอแค่พวกแกยอมจำนน ฉันจะไว้ชีวิตพวกแก ไม่อย่างงั้น……”

“แกสองคนก็ต้องตายที่นี่ในคืนนี้!”

“อวดดี!”

น้องหยวนไม่คิดว่าเย่เทียนจะบ้าระห่ำได้ขนาดนี้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังกล้าเกลี้ยกล่อมให้พวกเขายอมจำนนได้อย่างไร้ยางอาย

“น้องชาย อย่ามั่วเสียเวลากับมัน ลงมือเลย!”

พี่หยวนขมวดคิ้วเป็นปมเช่นกัน มองเย่เทียนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างหลากหลายความรู้สึก พลางออกคำสั่งด้วยความเย็นชา

ฟึบ!

ทันทีที่พี่หยวนพูดจบ น้องหยวนก็ลงมือทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

จู่ๆเขาก็กระทืบเท้าจนพื้นแตกระแหง และขณะที่เศษดินกระเด็นไปทั่วทุกสารทิศ ตัวของเขาก็พุ่งตรงเข้าไปหาเย่เทียนราวกับลูกศรอันแหลมคม

เขาแกว่งดาบมาเซเต้ไปมาด้วยความเร็วขั้นสุด จนเกิดเป็นภาพซ้อนหลายชั้น ภายใต้ความมืดยามราตรีมันเหมือนดอกบัวสีดำที่กำลังเบ่งบาน พุ่งมาถึงตรงหน้าในชั่วพริบตา แล้วฟาดลงไปที่เย่เทียนอย่างเหี้ยมโหด …