เย่เทียนที่เคยประมือกับน้องหยวนเมื่อชาติก่อนนั้นรู้ดี ว่าน้องหยวนกำลังหลอกล่อโดยใช้วิธีการเดินดาบ ไม่เพียงใช้ดาบอย่างเจ้าเล่ห์แปลกๆ แต่ยังเร็วมากอีกด้วย
น้องหยวนแกว่งดาบมาเซเต้ไปมาด้วยความเร็วขั้นสุด จนเกิดเป็นภาพซ้อนหลายชั้น ภายใต้ความมืดยามราตรีมันเหมือนดอกบัวสีดำที่กำลังเบ่งบาน พุ่งมาถึงตรงหน้าเย่เทียนในชั่วพริบตา
เงาดาบที่เปล่งลำแสงออกมา ทำให้แยกไม่ออกเลยว่าอันไหนคือดาบจริงๆ
“แก ไปตายซะ!”
น้องหยวนตะโกนด้วยความโมโห สีหน้าเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต
เย่เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่าน้องหยวนจะรวดเร็วและดุดันขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการจะเอาชีวิตเขา!
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมปรานี เย่เทียนจึงล้มเลิกความคิดที่จะโน้มน้าวให้ยอมจำนนไป ไม่เกรงใจอีกต่อไปแล้ว
คิดเช่นนั้น เย่เทียนขยับเท้าหลบไปด้านข้างอย่างสบายๆ ดอกบัวสีดำน้องหยวนแกว่งมาเฉียดเขาไปอย่างหวุดหวิด
แค่ง้างมือออกไป ก็ทำให้รูม่านตาของสองพี่น้องหยวนซือหดตัวเล็กน้อย และยิ่งระวังตัวมากยิ่งขึ้น
แม้เมื่อครู่เย่เทียนเฉียดไปอย่างหวุดหวิด ผลลัพธ์ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ถ้าไม่ได้เป็นคนถึกที่ต่อสู้อยู่บ่อยครั้ง คงไม่มั่นใจขนาดนี้
“คนที่อยากให้ฉันตายมีเยอะแยะเต็มไปหมด อย่างแก? ยังห่างไกลอีกมาก!”
รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่เทียน และในขณะที่เขาเหวี่ยงตัว ก็เตะออกไปอย่างจัง
ทว่าขายังไม่ทันได้โดยตัวน้องหยวน น้องหยวนกลับยื่นมือออกดันมันก่อน โดนพลังสวนกลับจนถอยไปด้านหลัง
น้องหยวนกลับมายังตำแหน่งเดิมที่เคยยืนอีกครั้ง การลองเชิงครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครได้เปรียบไปกว่าใคร
แต่นี่แค่เริ่มต้น!
“คิดไม่ถึงว่าแกจะอ่อนแอขนาดนี้”
เย่เทียนมองน้องหยวนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างนึกสนุก แสดงสีหน้าเย้ยหยันอย่างไม่นึกปกปิด
นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพราะอย่างไรก็ตามเมื่อชาติก่อน ผ่านไปตั้ง2ปีกว่าเย่เทียนจะได้เจอกับทหารกล้าตาย เป็นเรื่องปกติที่จะอ่อนแอลงไปบ้าง
น้องหยวนไม่รู้ว่าเย่เทียนคิดอะไรอยู่ ได้ยินแค่เขาพูดว่าตนอ่อนแอ มันทำให้ตนอับอายขายหน้ามาก ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับดำชั้นต่ำ เป็นผู้มีอำนาจในโลกนี้!
ทว่าตอนนี้เย่เทียนกลับบอกว่าเขาอ่อนแอ? นี่ไม่เรียกว่าทำให้ขายหน้าแล้วจะเรียกว่าอะไร? จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไง?
ฟึบๆ!
น้องหยวนโกรธจนตาแดงไปหมด กำลังภายในอันทรงพลังในร่างกายปะทุขึ้น ร่างกายปล่อยพลังระดับดำชั้นต่ำออกมา สายลมอันทรงพลังพัดไปทางทิศตะวันตกโดยที่มีตัวเขาเป็นจุดศูนย์กลาง พัดใบไม้ที่ร่วงอยู่ลอยปลิวเต็มท้องฟ้า
เย่เทียนเบ้ปาก ทำเสียงจุ๊ๆแล้วพูดขึ้น:“แค่นี้ก็โกรธแล้ว? ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าคนนิสัยแบบนี้อย่างแกตายก่อนเขาได้ยังไง?”
“แกนะสิตายไม่ใช่พี่ชายฉัน!”
น้องหยวนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ขี้เกียจพูดพล่ามกับเย่เทียนแล้ว จึงค่อยๆกระทืบเท้า พุ่งไปหาเย่เทียนอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าน้องหยวนพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เย่เทียนจึงหรี่ตารออย่างไม่ร้อนรน นิ่งเข้าไว้
ฟึบ!
ลำแสงสีขาวพุ่งเข้ามาตรงหน้าเย่เทียนทันใด
“ไอ้คนชั่วช้าปากร้าย ลงไปเจอยมบาลในนรกเถอะ!”
น้องหยวนตะโกนด้วยความโกรธจัด วาดดาบมาเซเต้ในมือเป็นเส้นโค้งสวยลงไปบริเวณเอวกลางลำตัวของเย่เทียน
“เมื่อครู่ฉันบอกแกแล้ว แกไม่เก่งพอที่จะฆ่าฉันได้หรอกกลาง”
เย่เทียนส่ายหน้าเบาๆ เมื่อดาบมาเซเต้ของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้มากๆ ในที่สุดเขาก็เคลื่อนไหวเสียที
เขาก้าวเท้าหลบได้อย่างสบายๆ พลางยกมือข้างขวาขึ้น แล้วปล่อยหมัดอันเด็ดเดี่ยวออกไป กระทบผ่านอากาศจนเกิดเสียงลม พุ่งเข้าหาน้องหยวนอย่างดุดัน
เกิดเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น น้องหยวนคิดไม่ถึงเลยว่าการเคลื่อนไหวของเย่เทียนจะเร็วขนาดนี้ สวนกลับมาอย่างรุนแรงได้ในขณะเดียวกันที่กำลังหลบการโจมตีของเขา พลั่ก!
ไม่ต้องสืบเลย น้องหยวนโดนหมัดของเย่เทียนเข้าอย่างจัง เซไปด้านหลังหลายต่อหลายก้าว โซซัดโซเซอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกลับมาตั้งตัวได้
อั่ก!
น้องหยวนสัมผัสได้ถึงความปั่นป่วนในร่างกาย สำลักเบาๆ แต่ท้ายที่สุดก็กระอักเลือดออกมาจากปากอย่างห้ามไม่อยู่
เย่เทียนยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ เขาปล่อยคัมภีร์หวงโครจรไปรอบๆอยู่ก่อนแล้ว ไม่ได้ชอบเป็นจุดสนใจเหมือนน้องหยวน แม้หมัดนั้นจะดูธรรมดาแต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยพลัง
ดังคำกล่าวที่ว่า:สบประมาทยุทธศาสตร์ของศัตรู ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ของศัตรู!
อย่าคิดว่าเย่เทียนเอาแต่เย้ยหยันสองพี่น้องหยวนซือ แต่ในใจแล้วนั้นเขาระมัดระวังรอบคอบเป็นอย่างมาก
เพราะถึงยังไงสองพี่น้องตรงหน้าก็เป็นถึง1ใน3หัวหน้าแก๊งใหญ่ของแก๊งS.P.L เย่เทียนไม่อาจสบประมาทพวกเขา
“เจ้าสอง!”
พี่หยวนที่ยืนอยู่ข้างๆตั้งแต่ต้นจนจบเห็นเช่นนี้ รูม่านตาก็หดตัวอย่างห้ามไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเย่เทียนจะทำให้น้องชายตัวเองรับบาดเจ็บได้ภายในไม่กี่กระบวนท่า
จะให้พี่หยวนใจเย็นอยู่ได้ยังไง รีบวิ่งเข้าไปหาน้องหยวนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“พี่ ผมไม่เป็นไร!”
น้องหยวนพยายามอดทนความเจ็บปวดบนร่างกาย เอื้อมมือไปเช็ดเลือดบริเวณมุมปากที่กระอักออกมา สายตาดุร้ายเหมือนสัตว์ป่าที่จ้องจะเขมือบคนก็ไม่ปาน!
เมื่อเห็นสีหน้าน้องหยวนที่พยายามเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ของ เย่เทียนจึงพูดหัวเราะเยาะอย่างนึกสนุกในใจ:“แกมีศักดิ์ศรีหน่อยได้ไหมขอร้องล่ะ? คำว่า‘เจ็บมาก’สองคำนี้แทบจะเขียนอยู่บนหน้าอยู่แล้ว จะอวดดีก็ต้องมีมาดหน่อย!”
น้องหยวนได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจนหน้าแดง ปล่อยเสียงคำรามอย่างโกรธจัดออกมา พลางพุ่งเข้าใส่เย่เทียนอีกครั้งเหมือนเสียสติไปแล้ว
“แค่พูดเยาะเย้ยนิดๆหน่อยๆก็โกรธแล้ว เหมือนในชาติก่อนจริงๆ”
เย่เทียนมองพลางแอบส่ายหน้าเบาๆ ตรงเข้าไปด้วยความเหี้ยมโหด ไม่คิดออมมือ
พลั่ก!
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างจัง แต่เพียงในเวลาแค่ไม่กี่วินาทีก็แลกหมัดกันได้หลายหมัด
พี่หยวนที่ไม่ได้ร่วมออกโรงตั้งแต่ต้นจนจบยิ่งตกตะลึงเข้าไปอีก เขาที่ยืนดูอย่างข้างๆเห็นชัดเจน แม้เจ้าสองยังสามารถโต้ตอบเย่เทียนได้ แต่ทุกครั้งที่เขาออกตัว เย่เทียนล้วนจัดการได้อย่างสบายๆ
เมื่อเวลาผ่านไป ความเร็วของการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ น้องหยวนพลังอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
“แม่ง! หมอนั่นมีประสบการณ์การต่อสู้กว่าเจ้าสองอยู่มากโข เขารู้จังหวะการต่อสู้เป็นอย่างดี เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ช้าก็เร็วเจ้าสองต้องแพ้แน่!”
พี่หยวนนึกตกใจ ไม่แปลกใจที่เจ็ดสังหารกับหมาป่าโลภตายด้วยน้ำมือเย่เทียน มีฝีมือจริงๆ!
“ไม่ได้! ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่งั้นไม่ทันได้เห็นช่องโหว่ของหมอนั่น เจ้าสองจะตายด้วยน้ำมือเขาไปเสียก่อน”
คิดเช่นนั้น มีหรือที่พี่หยวนจะยังใจเย็นได้อยู่อีก แสงเย็นยะเยือกเผยในดวงตาสีเข้มของเขา และเขาก็ลงมือทันที
พลั่ก!
เย่เทียนปล่อยหมัดออกไปด้วยความรุนแรง น้องหยวนหลบไม่ทัน จึงรีบดึงดาบมาเซเต้กลับมาขวางหมัดของเย่เทียนบริเวณหน้าอก
ทว่าหมัดนี้ของเย่เทียนมีพลังมหาศาลมาก แม้น้องหยวนสกัดไว้ได้แต่พลังอันมหาศาลนั่นก็ทำให้เขาถอยหลังเซไปหลายก้าว
และขณะที่เย่เทียนกำลังจะโจมตีต่อ จู่ๆก็สัมผัสได้ถึงไออันตรายเย็นยะเยือกจากด้านหลัง…