“แมวน้อย แมวน้อยเจ้าเป็นอะไร”
เมื่อมองเห็นความผิดปกติของอวี้เฟยเยียน ซย่าโหวฉิงเทียนก็พุ่งตรงเข้ามานางอย่างรวดเร็วแล้วอุ้มนางขึ้นมา
“ซย่าโหวฉิงเทียน ตรงนี้ เจ็บเหลือเกิน!”
ปลายหางตาของอวี้เฟยเยียนมีหยดน้ำตาปริ่ม มือหนึ่งก็กุมบริเวณหน้าอกเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็กุมมือซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้ ขณะที่หอบหายใจอย่างรุนแรง
“แมวน้อย”
อวี้เฟยเยียนที่อ่อนแอเช่นนี้ซย่าโหวฉิงเทียนมิเคยเห็นมาก่อน
เขารีบถ่ายพลังเสวียนเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดให้แก่นาง แต่ใครจะรู้เล่าว่าในกายของนางราวกับว่ามีปากที่หิวโหย มันดูดซับพลังเสวียนของซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้มากมาย
จวบจนกระทั่งใบหน้าซย่าโหวฉิงเทียนซีดขาว นางก็จึงได้สงบลง และหมดสติไปในอ้อมกอดของเขา
ซย่าโหวฉิงเทียนอุ้มร่างอวี้เฟยเยียนออกมา ทำให้เจ้าสำนักหลินและเหล่าผู้อาวุโสตกอกตกใจไปตามๆ กัน
หมอเทวดาฮั่วจับชีพจรตรวจอาการให้กับนาง บอกว่านางไม่เป็นไรขอให้ทุกคนวางใจ แต่แววตาที่มองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับเต็มไปด้วยแววตำหนิ
นางยังเป็นเพียงแค่แม่นางน้อย หลินเจียงอ๋องต้องใช้วิธีการที่ทารุณโหดร้ายสอบสวนทูตซ้ายทำให้อวี้เฟยเยียนตกใจจนเป็นลมเป็นแน่
ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสต่างก็รักอวี้เฟยเยียนราวกับลูกหลานแท้ๆ ก็ไม่ปาน แล้วจะให้ใครมารังแกง่ายๆ ได้อย่างไร!
“หลินเจียงอ๋อง นางยังเป็นเพียงแค่แม่นางน้อย นี่คงจะตกใจมากเป็นแน่!”
ว่าแล้วผู้เฒ่ารองจึงเปิดใจกล่าวกับซย่าโหวฉิงเทียนตรงๆ
“ต่อไปการฆ่าฟันใดๆ ก็อย่าทำต่อหน้าเด็กน้อยนี่เลย! เรื่องแบบนี้เดิมทีก็เป็นเรื่องของบุรุษ! สตรีอย่าให้ต้องสัมผัสกับกลิ่นคาวเลือดมากนัก!”
คำพูดของผู้เฒ่ารองตรงใจของซย่าโหวฉิงเทียนยิ่งนัก
จริงสินะ แมวน้อยเพียงแต่เป็นแมวน้อยที่สะอาดบริสุทธิ์ อ่อนโยน สวยงาม เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายก็เพียงพอแล้ว
สำหรับพวกคนเลวสิ่งสกปรกพวกนั้น ให้เป็นหน้าที่ของเขาจัดการ!
ซย่าโหวฉิงเทียนพาอวี้เฟยเยียนมาส่งที่เรือนรับรอง แน่นอนว่าทุกคนก็ตกอกตกใจร้อนรนราวกับหนูติดจั่นอีกครั้ง เป็นเหตุให้หมอเทวดาฮั่วต้องออกมาช่วยอธิบายว่าอวี้เฟยเยียนไม่เป็นอะไร ทุกคนถึงได้วางใจ
“ท่านจะไปไหน”
เมื่อเห็นซย่าโหวฉิงเทียนจะออกไป เหลียนจิ่นก็เรียกเขาเอาไว้
“ฆ่าคน”
ซย่าโหวฉิงเทียนมิได้หันกลับมาแต่ทว่าน้ำเสียงกลับหนักแน่นจริงจัง
สำหรับพวกศิษย์เลวๆ ของสำนักหมื่นพิษพวกนั้น ทำให้แมวน้อยต้องเจ็บปวด พวกมันสมควรตาย!
ถึงแม้ว่าเจ้าทูตซ้ายน่ารังเกียจนั่นจะตายไปแล้ว แต่มารร้ายอย่างสำนักหมื่นพิษก็ต้องกำจัดให้สิ้นซากเช่นกัน
เขารู้ที่อยู่ของสำนักหมื่นพิษจากการดูดความทรงจำของทูตซ้าย หากไม่จัดการสำนักหมื่นพิษเสีย ก็ยากที่ใจของซย่าโหวฉิงเทียนจะสงบได้
จวบจนกระทั่งลำแสงสีม่วงเลือนหายไป เหลียนจิ่นจึงทอดถอนใจออกมา
เขาคือผู้ที่เหมาะสมที่สุด ใช่หรือไม่!
เหลียนจิ่นถามตนเองในใจ
สักวันหนึ่ง นางก็ต้องจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ ถึงตอนนั้นนางจะไปที่นั่นเพื่อล้างแค้น
ต่อให้นางคิดได้ ไม่ไปเอาชีวิตของพวกเขา แต่แสงสว่างแห่งนางก็จะให้ทำให้คนพวกนั้นรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของนาง ด้วยจิตใจที่ต่ำช้าและชั่วร้ายของคนพวกนั้น จะยอมปล่อยนางไปได้อย่างไรกัน!
เส้นทางภายภาคหน้าของนางถูกกำหนดไว้แล้วว่ามันจะต้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
แล้วสภาพร่างกายของเขาเช่นนี้ คงจะคอยต่อสู้เคียงข้างนางมิได้อีกแล้ว!
ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านอย่าทำให้ข้าผิดหวังนะ!
ที่ซ่อนตัวของสำนักหมื่นพิษ อยู่ใกล้กับหุบเขาลั่วสยาเป็นอย่างมาก
ประมุขของสำนักหมื่นพิษเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกยิ่งนัก เจตนาเลือกที่กบดานตั้งอยู่ถัดจากหุบเขาลั่วสยา คงเพราะเห็นว่าคงไม่มีใครคาดคิด สำนักหมื่นพิษจะเป็นเพื่อนบ้านกับหอราชาโอสถนี่เอง
เหวินเหรินเจี๋ยรอเป็นเวลานาน เพื่อที่จะพบอวี้เฟยเยียน นึกไม่ถึงว่าไอสังหารที่ตามมาถึงที่กลับเป็นซย่าโหวฉิงเทียนเพียงคนเดียว
“บุกรุกสำนักหมื่นพิษเพียงลำพัง เก่งกาจนักนะ!”
เหวินเหรินเจี๋ยยืนอยู่ที่ด้านบนของหอประภาคารที่สูงที่สุดของสำนักหมื่นพิษ มองดูซย่าโหวฉิงเทียนที่บุกเข้ามา
ซย่าโหวฉิงเทียนมิได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อใดๆ เขาอาศัยพละกำลังล้วนๆ ถล่มเบื้องหน้าจนราบ ดังนั้นมิต้องกล่าวถึงคนข้างล่างเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
นึกไม่ถึงว่าแผ่นดินหลัวอวี่นี้ยังมีคนเช่นซย่าโหวฉิงเทียนอยู่! แต่น่าเสียดาย ที่เขาเป็นเพียงอ๋องผู้หนึ่งเท่านั้น น่าเสียดายจริงๆ! ด้วยพละกำลังของเขาแล้ว สามารถสถาปนาตนเองเป็นเจ้าผู้ครองนครแห่งเมืองอู๋โยวได้เลย!
หลิวอวี่เยี่ยนที่ยืนอยู่ข้างเหวินเหรินเจี๋ยกล่าวขึ้น
“ท่านประเมินเขาสูงไปหรือเปล่า”
หลิวอวี่เยี่ยนไม่เห็นซย่าโหวฉิงเทียนในสายตา
สามารถสถาปนาตนเองเป็นเจ้าผู้ครองนครแห่งเมืองอู๋โยวอย่างนั้นหรือ
ถามแปดตระกูลใหญ่ก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่ก่อนดีกว่า
คนที่ไร้ซึ่งสถานะ ไม่มีประวัติ ไม่มีตำแหน่งใดๆ คิดที่จะบุกเบิกแผ่นดินของตนที่เมืองอู๋โยวแห่งนี้หรือ
นั่นมันฝันเฟื่องของคนโง่ชัดๆ!
เห็นชัดเจนว่าหลิวอวี่เยี่ยนไม่เชื่อในคำพูดของตน เหวินเหรินเจี๋ยจึงมิโต้ตอบ เพียงแต่ตั้งใจจับตาดูซย่าโหวฉิงเทียนต่อไป
มีอะไรน่าดูนักหนากัน! คนเช่นนี้ที่เมืองอู๋โยวของเรามีเป็นเบือ!
หลิวอวี่เยี่ยนคับข้องใจในท่าทีของเหวินเหรินเจี๋ยเป็นอย่างมาก
แปดตระกูลใหญ่จากรุ่นสู่รุ่น ลูกหลานชายหญิงก็จะถูกป้อนของวิเศษรวมทั้งยาวิเศษตั้งแต่ยังเยาว์ ไหนเลยที่เจ้าพวกขอทานหลัวอวี่พวกนั้นจะรู้!
“พี่ คนของเรายังมิทันได้ใช้พิษก็ตายหมดเสียแล้ว”
สิ่งที่เหรินเหวินเจี๋ยกล่าวมาเป็นความจริง มิใช่ว่าพวกเขาไม่ยินยอมลงมือ แต่ไม่มีโอกาสได้ลงมือต่างหาก
ชายชุดสีม่วงผู้นี้ ราวกับเป็นยมทูตที่สวรรค์ประทาน ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของเขาทั้งสิ้น!
“เจ้ายังสนใจชีวิตของคนพวกนั้นอีกหรือ”
หลิวอวี่เยี่ยนหัวเราะเยาะ ในน้ำเสียงแฝงความเย็นชาเอาไว้
สถานที่ยากจนข้นแค้นแห่งนี้ สิ่งที่มิมีวันขาดแคลนก็คือพวกชั้นต่ำเช่นพวกมัน ตอนนี้มีคนคอยจัดการแทนให้ ก็นับเป็นเรื่องดีนี่นา!
หลิวอวี่เยี่ยนสวมใส่ชุดสีเขียวทั้งร่าง ผ้าคลุมสีดำสนิทพาดคลุมวางบนไหล่มน ใบหูขาวละมุนสวมต่างหูลวดลายใบหลิวเขียวหยกห้อยระย้า
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้าคิดอย่างไร!”
“เป็นประมุขน้อยตระกูลเหวินดีๆ ไม่ชอบ จะต้องให้อาจารย์พาเจ้ามาที่แผ่นดินใหญ่หลัวอวี่นี้ให้ได้ สร้างอะไรนะ สำนักหมื่นพิษ! สนุกนักหรืออย่างไร จริงสิ อาจารย์ของเจ้าล่ะ เหตุใดไม่เห็นเขาเลย”
“เขาตายแล้ว!”
เหวินเหรินเจี๋ยยิ้มจนตาหยี ราวกับเด็กๆ
“อาจารย์กินยาพิษที่ข้าคิดค้นขึ้น เลือดออกเจ็ดทวาร ตายแล้ว”
เห็นใบหน้าเรียบเฉยมิเกรงกลัวใดๆ ตรงหน้าแล้ว หลิวอวี่เยี่ยนก็ทอดถอนใจออกมา
ไม่รู้เพราะเหตุใด เหวินเหรินเจี๋ยถึงได้สนอกสนใจเกี่ยวกับการคิดค้นยาพิษมากมายขนาดนั้น ทั้งยังตั้งใจกราบชาวเผ่าตานเป็นอาจารย์ และนึกไม่ถึงว่า คนผู้นั้นกลับต้องมาตายด้วยน้ำมือของเหวินเหรินเจี๋ย
เป็นอย่างที่คาดไว้ คงจะถูกใบหน้าใสซื่อของหมอนี่หลอกลวงเข้าให้อีกแล้วนะสิ!
“พี่สาว ท่านอาจารย์ไม่มีอะไรจะสอนข้าแล้วทั้งยังแก้พิษที่ข้าคิดค้นขึ้นมาไม่ได้ ดังนั้นจึงมีทางเดียวคือตาย”
เหวินเหรินเจี๋ยรอยยิ้มเรียบเฉย ราวกับกำลังกล่าวเรื่องบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“ตายแล้วก็ตายไป อาจารย์ของเจ้าถูกขับออกจากเผ่าตานตั้งนานแล้ว”
คิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิวอวี่เยี่ยนก็ทอดถอนใจออกมา
ชาวเผ่าตานนั้นแต่ไหนแต่ไรมาก็ขึ้นชื่อเรื่องการโต้ตอบเพื่อตนเองหรือบุคคลอันเป็นที่รักอยู่แล้ว เพียงแต่คนผู้นั้นเป็นเพียงคนทรยศของเผ่าตาน ต่อให้ตายไปจึงมิเกี่ยวข้องใดๆ กับเผ่าตาน
ยิ่งไปกว่านั้นชนเผ่าตานตอนนี้กำลังอยู่ภาวะเสือลำบาก ตัวเองยังยากจะที่จะรักษาตัวเองไว้ ต่อให้ชนเผ่าตานล่วงรู้แล้วอย่างไรเล่า พวกเขาก็ทำอะไรตระกูลเหวินมิได้อยู่ดี
พี่สาว ได้มาที่แผ่นดินหลัวอวี่นี่ ทำให้ข้าได้รับอะไรมากมาย!
“หากว่าข้ามิสืบทอดสำนักหมื่นพิษละก็ จะรู้ว่าอย่างไรว่ามีหญิงเฉกเช่นอวี้หลัวช่าอยู่! ผู้ซึ่งสามารถใช้ความสามารถของตนเองเพียงคนเดียว ถอนพิษที่ข้าคิดค้นขึ้นได้ ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
เมื่อเห็นว่านิสัยรักสนุกของเหวินเหรินเจี๋ยไม่เปลี่ยน หลิวอวี่เยี่ยนก็ได้แต่ทอดถอนใจ
“งานชุมนุมใหญ่ของเผ่าทั้งแปดที่สามสิบปีมีสักครั้งกำลังจะมาถึง! ได้ยินว่าชนเผ่าทั้งแปดจะถูกล้างไพ่ เมืองอู๋โยวจะเรียงลำดับชนเผ่าทั้งแปดอันดับใหม่…หรือว่าเจ้าจะยินยอมยกโอกาสในครั้งนี้ให้กับเซินถูเลี่ยอย่างนั้นหรือ เขาคือบุคคลที่มีคะแนนเสียงสูงสุดในครั้งนี้เชียวนะ!”
“พี่สาว ข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ”
เหวินเหรินเจี๋ยยิ้มออกมา ใบหน้าใสสะอาด รอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์
แสร้งเป็นไร้เดียงสาอีกแล้ว!