ตอนที่ 1223 ใต้เท้าซูไปด้วยกันไหม
เรื่องเมื่อครู่นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ซูหลียังไม่ทันสงบสติอารมณ์และครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน คิดไม่ถึงว่าเรื่องทั้งหมดจะชี้เป้าไปที่ฉินมู่ปิง
ทว่าเมื่อตริตรองอย่างละเอียดแล้ว ตรรกะนี้ก็มีความเป็นไปได้อย่างมาก
ถึงอย่างไรการกระทำหลายๆอย่างของฉินมู่ปิง โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่เขาให้ซูหลีเป็นคนสอดแนมเรื่องต่างๆนั้น ดูไม่ปกติเกินไปแล้ว
อีกทั้งใครก็คิดไม่ถึงว่า จู่ๆจะปรากฏพยานบุคคลขึ้นเช่นนี้…
ซูหลีกวาดตามองที่สาวใช้ที่ชื่อว่าชิงหรงผู้นั้นปราดหนึ่ง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางกลับรู้สึกว่าการปรากฏตัวของชิงหรงผู้นี้จะเกินความบังเอิญไปหน่อย
นางฉุกคิดถึงยามที่อยู่ในตำหนักอวิ๋นซิน สาวใช้ 2 คนนั้นกับชิงหรงเป็นสาวใช้ในวังหลวงที่มีความคล้ายคลึงกันมาก นางอดที่จะช้อนสายตามองฉินเย่หานครู่หนึ่งมิได้
ที่บังเอิญก็คือ ฉินเย่หานกำลังมองมาทางนางเหมือนกัน ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกัน ซูหลีจ้องมองฉินเย่หานเป็นพักหนึ่ง นางมิอาจคาดเดาความคิดภายในใจของเขาได้ นางเพียงได้ยินเสียงดังจากด้านนอก…
“จิ้งหนานอ๋องซื่อจื่อมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
นางมองออกไปด้านนอกด้วยความฉงนสงสัย และเห็นฉินมู่ปิงเดินตามหลังหวงเผยซานมาด้วยท่วงท่าที่องอาจ
บนร่างของเขาสวมชุดอาภรณ์สีม่วงอมแดง รูปร่างสูงโปร่ง มุมปากยังยกยิ้มอย่างโอหัง ดูโดยรวมแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็นคนเลื่อนลอยไม่สนใจโลก ซึ่งแตกต่างจากบรรยากาศภายในหอเก็บตำราเป็นอย่างมาก
แม้จะถูกฮ่องเต้เรียกให้เข้าเฝ้าอย่างกะทันหัน เขาก็ยังอยู่ในท่วงท่าที่สบายๆ เมื่อดูจากสีหน้าของเขาแล้วยังมองไม่เห็นความตึงเครียดบนใบหน้าเลยจริงๆ
และไม่เหมือนคนกระทำเรื่องเลวร้ายและถูกคนจับได้เลยสักนิด
“ถวายบังคับพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆปี!” ทันทีที่ฉินมู่ปิงเดินเข้ามาและชำเลืองเห็นคนจำนวนมาก สีหน้าของเขามีความประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าเพียงมองอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ละสายตากลับมา และโค้งตัวทำความเคารพ
“ลุกขึ้นเถิด” ใบหน้าของฉินมู่ปิงมิได้แสดงอากัปกิริยาใดๆออกมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉินเย่หาน เขาเพียงตวัดสายตามองฉินมู่ปิงด้วยใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก แล้วเปล่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา
ฉินมู่ปิงได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้น ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมองก็พบกับซูหลีกับจี้เหิงหราน เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า
“ใต้เท้าซูก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ”
ท่าทีของเขาแตกต่างจากเมื่อครู่อย่างลิบลับ เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูหลีนั้นมีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ
ซูหลีไม่แสดงท่าทีใดๆออกมา สายตาของนางกลับจ้องมองไปทางฉินเย่หาน สีหน้าของฉินเย่หานดำทะมึนอย่างเห็นได้ชัดอยู่ชั่วพริบตาหนึ่ง เพียงแต่คงยากที่จะมองเห็นได้ชัดเจน
บัดนี้ซูหลีถือว่าเข้าใจเขาดี จึงสามารถสังเกตเห็นสิ่งนี้
ทว่าคนที่อยู่ด้านข้างคล้ายกับไม่สังเกตเห็นมิปาน
เพียงแต่บรรยากาศภายในหอเก็บตำราเปลี่ยนเป็นค่อนข้างกระอักกระอ่วน
“ซื่อจื่อ” ซูหลีผงกศีรษะให้กับเขาเล็กน้อย ใบหน้ากลับมิได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมา
“วันนี้ข้าว่าจะไปฟังเพลงทางฝั่งเจ้าอยู่เลย! คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอเจ้าที่นี่ อีกครู่ใต้เท้าซูไปด้วยกันไหม” ท่าทีของซูหลีดูเย็นชาอยู่บ้าง ทว่าฉินมู่ปิงทำเหมือนไม่สังเกตเห็นมิปาน เขากลับฉีกยิ้มขึ้นครู่หนึ่ง
รอยยิ้มนี้ดูไม่ค่อยจริงจัง ดูแล้วยังอยู่ในท่าทีที่ไม่เคร่งขรึมจริงจังต่อเรื่องใดๆที่เขาแสดงออกในทุกๆวัน
สายตาเย็นชาหยุดอยู่ที่ร่างของซูหลี ซูหลีรู้สึกว่าหัวของตนเองเย็นวาบ นางยกมุมปากขึ้นและก้มศีรษะของตนลง ไม่ตอบคำถามของฉินมู่ปิง
นางไม่ใช่คนเสียสติ ในเวลานี้ฉินเย่หานกำลังสงสัยว่า ฉินมู่ปิงเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารหรือไม่ หากนางแสดงท่าทีสนิทสนมกับฉินมู่ปิง… นี่มิใช่การรนหาที่ตายหรือ
และเรื่องของสกุลจี้ ความคิดของฉินมู่ปิงที่คิดจะหลอกใช้นางก็มิได้ชัดเจนขนาดนั้น
แม้จะพูดว่ารู้จักสถานการณ์เช่นนี้ดี ทว่าใครจะยินยอมถูกให้คนอื่นหลอกใช้กัน เกรงว่าคงไม่มีใครรู้สึกดีใจกับเรื่องเช่นนี้หรอก
ตอนที่ 1224 เยือกเย็นเกินไป
ฉินมู่ปิงเห็นซูหลีไม่ตอบคำถามเขา และไม่แม้แต่จะมองเขาเลยแม้แต่น้อย
สายตาของเขากวาดมองโดยรอบ จึงพบว่าบรรยากาศภายในหอเก็บตำราแห่งนี้มีความแปลกประหลาด
จี้เหิงหรานที่ยืนอยู่ด้านข้าง มองเขาด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เขากับจี้เหิงหรานมิได้คบค้าสมาคมอะไรกันนัก บัดนี้อากัปกิริยาที่จี้เหิงหรานเผยออกมานั้น กลับมีความแปลกประหลาด บนพื้นยังมีสาวใช้คนหนึ่งคุกเข่าอยู่ เพียงแต่สาวใช้ผู้นั้นก้มศีรษะตั้งแต่ที่เขาเข้ามา และมิได้เงยหน้าขึ้นมาเลยสักครั้ง
ดังนั้นเขาจึงมิเห็นใบหน้าของสาวใช้ผู้นั้น เพียงแต่เมื่อรวมกับบรรยากาศในหอเก็บตำราในเวลานี้ จึงรู้สึกถึงความแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
ฉินมู่ปิงผงกศีรษะเล็กน้อย สีหน้าของเขายังมิมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เขาเหลือบตามองไปฉินเย่หานแล้วเอ่ยว่า
“เสด็จอาทรงเรียกหลานมา มิทราบว่าทรงมีเรื่องอันใดที่จะรับสั่งหลานหรือพ่ะย่ะค่ะ”
บัดนี้ฉินเย่หานสวมอาภรณ์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว มือข้างที่ได้รับบาดเจ็บนั้นวางอยู่ข้างลำตัวของตนเอง หาไม่ตั้งใจมองคงจะมองไม่ออกว่าเขาได้รับบาดเจ็บ
กอปรกับกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของฉินเย่หานผู้นี้มีมากเกินไป ทำให้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ถูกมองข้ามได้ง่าย ดังนั้นฉินมู่ปิงจึงคล้ายกับไม่สังเกตเห็นมิปาน สีหน้าของเขายังคงนิ่งเฉยคงเดิม
“ชิงหรง” ฉินเย่หานยังมิทันได้ปริปากเอ่ยอะไรออกมา กลับเป็นจี้เหิงหรานที่อยู่ด้านข้างที่ส่งเสียงออกมาอย่างกะทันหัน เขาเรียกชิงหรงที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
“เจ้าเงยหน้าขึ้นมาดูสิ เมื่อครู่ผู้นี้คุณหนูของเจ้าไปพบ ใช่ซื่อจื่อท่านนี้หรือไม่” ใบหน้าของจี้เหิงหรานประดับด้วยรอยยิ้มที่ไม่จริงจัง อากัปกิริยาของเขานั้นคล้ายกับพูดล้อเล่นมิปาน
ดูแล้วมิเหมือนกำลังพูดเรื่องสำคัญอยู่
ทว่าหลังจากฉินเย่หานได้ยินคำพูดของเขาแล้ว กลับขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
ชิงหรงที่อยู่ที่พื้นกลับเงยหน้าขึ้นมาปรายตามองที่ฉินมู่ปิงปราดหนึ่ง จากนั้นผงกศีรษะอย่างมั่นใจและเอ่ยว่า
“เป็นซื่อจื่อมิผิดเพคะ!”
คำถามที่จี้เหิงหรานถามขึ้นนี้ แท้จริงเป็นสิ่งที่มิจำเป็นเลยแม้แต่น้อย ชิงหรงนั้นเอ่ยชื่อของฉินมู่ปิงออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ไยถึงจะจำคนผิดกัน
เพียงแต่เมื่อฉินมู่ปิงเข้ามาที่นี่ จำเป็นจะต้องผ่านขั้นตอนนี้
“ใต้เท้าจี้นี่หมายความว่าอย่างไร นี่เป็นข้ารับใช้ของใครกัน” ฉินมู่ปิงขมวดคิ้วดูเหมือนกับไม่เข้าใจการกระทำของจี้เหิงหรานเท่าไรนัก
“คำถามนี้ซื่อจื่อไม่ควรถามข้าน้อยกระมัง!” จี้เหิงหรานยิ้มอย่างดูแคลน ในดวงตามีเลศนัยอย่างลึกซึ้ง และเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“ก่อนหน้านี้ซื่อจื่อมิได้เพิ่งเจอนางหรอกหรือ ไยผ่านไปครู่หนึ่งกลับมิรู้จักกันเสียแล้ว”
หลังจากฉินมู่ปิงได้ยินคำพูดที่เขาต้องการสื่อออกมา สีหน้ากลับไปเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อถึงเวลานี้เขาจึงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้แปลกๆ
“ซื่อจื่อผู้สูงศักดิ์คงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว หากท่านจำข้ารับใช้ผู้หนึ่งมิได้ มิใช่เรื่องแปลก เช่นนั้นให้ข้าแนะนำให้ซื่อจื่อฟังสักครู่หนึ่งก็แล้วกัน!” สายตาของจี้เหิงหรานเห็นท่าทีของเขาทั้งหมด เมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่ปล่อยโอกาสให้เขามีท่าทีตอบสนอง จี้เหิงหรานเดินไปด้านหน้าชี้ไปที่ชิงหรงและเอ่ยว่า
“ท่านนี้เป็นสาวใช้ที่ไทเฮาทรงส่งให้ไปปรนนิบัติข้างกายอู๋โยวหราน มีนามว่าชิงหรง เป็นอย่างไร ซื่อจื่อเริ่มจำได้แล้วหรือยัง”
จี้เหิงหรานก้าวเดินเข้าไปด้วยท่าทีคุกคาม อากัปกิริยาของฉินมู่ปิงยังถือว่าสงบนิ่ง ถึงขึ้นมิเผยท่าทีใดๆออกมา
ซูหลีที่มองอยู่ด้านข้าง มีสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้นอย่างห้ามมิได้
ท่าทีของฉินมู่ปิงเช่นนี้ หากคนโดยทั่วไปมองดูแล้วคงคิดว่าเขาบริสุทธิ์จริงๆ ทว่าเมื่ออยู่ในสายตาของนางแล้วนางกลับรู้สึกว่า เขาดูสงบเยือกเย็นจนเกินไป
ท่าทีที่สงบเยือกเย็นเช่นนี้ มิเหมือนกับคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทว่าเหมือนกับคนที่เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ตั้งนานแล้ว นิ่งเฉยประหนึ่งไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้!
ฉินมู่ปิงเป็นคนที่ฉลาดเป็นกรด มีแผนการที่แยบยล ทว่าข้อเสียของคนผู้นี้ก็คือมีแผนการที่ล้ำลึกเกินไป!