ตอนที่ 1225 ไม่ทราบจริงๆ / ตอนที่ 1226 ทำให้ผู้คนตกใจ

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1225 ไม่ทราบจริงๆ

 

 

ท่าทีเช่นนี้หากอยู่ในสายตาของคนที่ไม่คุ้นเคย คงจะได้ผลเป็นอย่างมาก

 

 

ทว่าซูหลีรู้ดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร หลังจากอยู่ในเมืองว่าเป็นเวลานานขนาดนี้ คนที่แสดงท่าทีเป็นลูกผู้ดีมีเงินมาโดยตลอด คนเช่นนี้จะเป็นคนที่เรียบง่ายจริงๆหรือ

 

 

เมื่อครุ่นคิดดูแล้วก็ทราบว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปมิได้!

 

 

“ใต้เท้าจี้ นี่ต้องการพูดอะไรออกมา ในเมื่อเป็นคนที่เสด็จย่ามอบให้ท่านน้า ข้าจะรู้จักได้อย่างไรกัน” ฉินมู่ปิงยกยิ้ม แล้วเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเฉย

 

 

หลังจากได้ยินคำพูดของจี้เหิงหรานแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งเบิกบานใจมากกว่าเดิม

 

 

“เรื่องดำเนินจนถึงบัดนี้แล้ว ซื่อจื่อยังแสดงท่าทางไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทอีกหรือ”

 

 

สองคนนี้ยามพูดคุยกัน ใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้ม ทว่าความหมายที่สื่อออกมาจากคำพูดนั้นกลับมิใช่เช่นนั้น

 

 

ในรอยยิ้มนั้นซ่อนไปด้วยเข็ม โต้ตอบกันไปมา

 

 

ที่เรียกกว่าผู้มีความสามารถระดับเซียน ก็คงจะเป็นเช่นนี้ นี่ไม่เพียงแข่งขันด้านความสามารถของอีกฝ่าย ทั้งมีเรื่องธาตุแท้ทางจิตใจอีกด้วย

 

 

ดวงตาของซูหลีที่มองดูอยู่ด้านข้างเปล่งประกายอย่างต่อเนื่อง ทว่านางกลับมิเอ่ยอะไรออกมาสักประโยค

 

 

เรื่องนี้นางไม่ทราบสภาพการณ์ภายในอย่างชัดเจน และไม่รู้ว่าควรจะเกิดความสงสัยในตัวของฉินมู่ปิงหรือไม่ นางถือโอกาสไม่เอ่ยอะไรออกมาเสียเลย ถึงอย่างไรท่าทีที่ฉินมู่ปิงแสดงออกมาออกมานี่ คนที่รู้เส้นสนกลในของเรื่องราว โดยเฉพาะคนที่รู้ธาตุแท้ของเขา

 

 

อย่างเช่นซูหลี ต่างก็มีเหตุมีผลมากพอที่จะเกิดความฉงนสงสัยในตัวเขา

 

 

“คำพูดของใต้เท้าจี้นี้ ข้ามิเข้าใจ เหตุใดถึงต้องแสร้งทำเป็นผู้บริสุทธิ์?” ฉินมู่ปิงวางมาดอันธพาลอันดับหนึ่งในเมืองหลวงออกมา เขาจ้องมองจี้เหิงหรานด้วยสีหน้าที่เยียบเย็น

 

 

“วันนี้ที่บ่ออวี้ทังมีมือสังหารเข้ามา” คนที่ตอบเขานั้นกลับมิใช่จี้เหิงหราน

 

 

ทว่ากลับเป็นฉินเย่หานที่นั่งตัวตรงอยู่ด้านบน ซึ่งเขาเอ่ยออกมาเพียงประโยคแรกตั้งแต่ที่ฉินมู่ปิงเข้ามา

 

 

ทันทีที่เขาเอ่ยขึ้น ทั้งหอเก็บตำราก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

 

 

“มือสังหาร ภายในพระราชวังมีมือสังหารได้อย่างไรกัน” สีหน้าของฉินมู่ปิงเต็มไปด้วยความตกใจ คล้ายกับเพิ่งจะได้ยินเรื่องนี้เป็นคราแรกมิปาน เขาเงยหน้ามองฉินเย่หาน แล้วเอ่ยด้วยเคร่งเครียดว่า

 

 

“เสด็จอาทรงได้รับบาดเจ็บหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“มิเป็นไร” ฉินเย่หานยังไม่ขยับมือข้างนั้น ทว่าเขายังวางมาดนิ่งเฉย ดูคล้ายกับมิได้เป็นอะไรจริงๆ

 

 

“หากเสด็จอาทรงมิเป็นอะไร หลานก็สบายใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ มีโจรที่ใจกล้าดุจผืนผ้าเช่นนี้ จักต้องจับมือสังหารเหล่านี้ให้จงได้ และเรียกตัวพวกมันมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม!”

 

 

“ใช่แล้ว บัดนี้ก็ไม่ใช่กำลังจับมือสังหารอยู่หรือ!” ทันทีที่ฉินมู่ปิงเอ่ยจบ จี้เหิงหรานที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยประโยคนี้ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ขณะที่เอ่ยประโยคนี้ยังแฝงไปด้วยความเสียดสี

 

 

“ดูท่าทางของซื่อจื่อแล้ว ดูเหมือนเพิ่งจะทราบเรื่องนี้กระมัง” เขามองไปทางฉินมู่ปิงอย่างแน่วแน่ แล้วเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

 

 

“ใช่แล้ว!” ฉินมู่ปิงกลับมิเกรงกลัวเขา อีกทั้งเมื่อได้ยินดังนั้นจึงผงกศีรษะ

 

 

สีหน้ายังดูเป็นธรรมชาติเป็นอย่างมาก

 

 

“ชิงหรง เจ้าออกมาดูเถอะ!” หลังจากจี้เหิงหรานเห็นดังนั้นกลับมิมีความรีบร้อน ในทางกลับกันเขาปรายตามองไปที่คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น

 

 

และในเวลานี้แม้แต่ซูหลีก็ยังมองไปทางชิงหรงผู้นั้นอย่างห้ามมิได้

 

 

“เจ้าค่ะ!” ชิงหรงก้มหน้าก้มตา ยามที่นางมิได้เปิดปากเอ่ยก็เงียบสนิทเสียจนเหมือนกับไม่มีตัวตนอยู่มิปาน หลังจากได้ยินคำพูดของจี้เหิงหราน กลับเงยศีรษะของตนขึ้นแล้วค่อยๆเอ่ยขึ้นว่า

 

 

“วันนี้คุณหนูอยู่ในห้องทั้งวันมิได้ออกไปไหนเพคะ” ทันทีที่นางเอ่ยขึ้นก็คล้ายมิมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ทว่าซูหลีกลับสังเกตได้ว่า คำพูดของนางหมายถึง นางมิเคยออกมาจากห้องมาโดยตลอด

 

 

ทว่าอู๋โยวหรานผู้นั้นกลับเอ่ยได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า เรื่องที่ฉินเย่หานถูกลอบสังหารนั้น ไทเฮาเป็นคนบอกนาง

 

 

“หลังจากนั้นซื่อจื่อได้เข้ามาพูดคุยกับคุณหนูภายในห้องเพคะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1226 ทำให้ผู้คนตกใจ

 

 

ใครจะรู้ว่าชิงหรงจะเปลี่ยนเรื่อง และพูดประโยคนี้เสริมขึ้น

 

 

ในใจของซูหลีมีความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งพาดผ่าน สีหน้านางกลับยังคงเดิม นางเพียงช้อนตามองที่ฉินมู่ปิงเท่านั้น

 

 

กลับเห็นคิ้วของฉินมู่ปิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เสมือนว่าเขาไม่อาจเข้าใจได้ว่า ชิงหรงพูดคำพูดนี้ออกมาเพื่ออะไรกัน

 

 

“ทว่าเจ้าได้ยินหรือไม่ว่าซื่อจื่อกับคุณหนูพูดเรื่องอะไรกัน” จี้เหิงหรานกลับแสยะยิ้มออกมา จากนั้นจึงถามชิงหรงผู้นั้นขึ้นประโยคหนึ่ง

 

 

“มิได้ยินเจ้าค่ะ” ชิงหรงได้ยินดังนั้นจึงส่ายหน้า แล้วเอ่ยว่า “ซื่อจื่อปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน คนในตำหนักมิมีใครทราบเลยสักคน ในเวลานั้นบ่าวกำลังปรนนิบัติอยู่ข้างกายคุณหนู ดังนั้นถึงเห็นใบหน้าของซื่อจื่อพอดี”

 

 

“ทว่าบ่าวมิได้ยินอะไรทั้งสิ้น เพราะถูกคุณหนูไล่ออกมาเสียก่อน”

 

 

ทันทีที่คำพูดนี้พูดมา บรรยากาศภายในหอเก็บตำราเปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนขึ้นทันตา

 

 

ซูหลีใช้สายตาเยียบเย็นมองที่ไปชิงหรงปราดหนึ่ง ชิงหรงผู้นี้ช่างกล้าและเก่งกาจโดยแท้

 

 

นางมิพูดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ นางเพียงเอ่ยว่าฉินมู่ปิงมาหาอู๋โยวหรานในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เกรงว่าเขาคงไม่อยากให้ใครแม้แต่คนเดียวรับรู้เรื่องนี้

 

 

เมื่อครุ่นคิดแล้วก็คิดว่าจะต้องเตรียมตัวเอาไว้ดี ถึงได้ไปหาอู๋โยวหราน

 

 

จากที่นางคาดคะเน ไม่ว่าอย่างไรฉินมู่ปิงก็มิอาจให้ชิงหรงผู้นี้พบเขาเข้า

 

 

คาดไม่ถึงว่าชิงหรงผู้นี้จะเห็นเขาแล้ว อีกทั้งยังนำเรื่องราวออกมาบอกเล่าออกมาทั้งหมดต่อฉินเย่หาน

 

 

บัดนี้หากพูดว่าสาวใช้ในวังผู้นี้ไม่มีท่าทีแปลกประหลาดเลยแม้แต่น้อย ซูหลีก็ไม่มีทางเชื่อ…

 

 

สาวใช้โดยทั่วไป จะกล้ากระทำเรื่องเหล่านี้ที่ไหนกัน

 

 

เกรงว่าชิงหรงผู้นี้จักต้องมีพลังยุทธ์ อีกทั้งพลังยุทธ์ของนางคงจะสูงไม่น้อย มิเช่นนั้นไยนางถึงทราบแม้กระทั่งเรื่องที่ฉินมู่ปิงแอบเข้ามาภายในห้องของอู๋โยวหรานอย่างชัดแจ้ง

 

 

ทว่าเรื่องนี้นางกับฉินเย่หานรู้เรื่องนี้ดี ฉินมู่ปิง…ก็คงรู้เรื่องนี้เช่นกัน

 

 

ทว่าแม้จะรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน เขายังจะสามารถทำอะไรได้กัน

 

 

ชิงหรงผู้นี้ก็ไม่ใช่ผู้ติดตามของฉินเย่หาน!

 

 

นางเป็นคนของไทเฮา! อีกทั้งไทเฮาทรงยกนางให้กับอู๋โยวหรานแล้ว

 

 

หากพูดว่านางถูกใครกล่าวหา เกรงว่าคำพูดนี้ยังไม่ทันจะเอ่ยก็ทราบแล้วว่าไม่เหมาะสมที่จะพูดออกมา

 

 

ใครจะกล้ากล่าวหาสาวใช้ข้างพระวรกายของไทเฮากัน อีกทั้งยังเป็นคนที่ไทเฮาไว้พระทัยขนาดนั้น เมื่อมองดูอากัปกิริยาและรูปลักษณ์ของชิงหลงผู้นี้แล้ว ระยะเวลาที่นางเข้าวังมาคงจะไม่สั้นนัก อีกทั้งยังสามารถคอยปรนนิบัติอู๋โยวหราน เกรงว่าคงจะเป็นคนที่ไทเฮาโปรดปราน!

 

 

“อย่างไรก็ตาม…หลังจากที่ซื่อจื่อออกไปแล้ว คุณหนูก็พาบ่าวมาที่นี่ด้วยกัน ตลอดทางที่เดินทางมานั้นรีบร้อนเป็นอย่างมาก บ่าวนั้นเกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามคุณหนูประโยคหนึ่ง คุณหนูเพียงเอ่ยว่าทางด้านฮ่องเต้เกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อยจึงจะต้องรีบมาที่นี่”

 

 

หลังจากที่เงียบอยู่นาน ชิงหรงก็พูดประโยคนี้เสริมขึ้น

 

 

คำพูดของคนผู้นี้ ช่างน่าสนใจจริงๆ ดูเหมือนว่านางไม่ได้พูดอะไรเลย ทว่าหลังจากครุ่นคิดดูแล้วก็จะพบว่านางพูดออกมาทุกอย่าง ในใจของซูหลีนั้นแอบรู้สึกตกใจ นางมองไปทางชิงหรงครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่ฉินเย่หาน

 

 

บัดนี้หากกล่าวว่าชิงหรงไม่ใช่คนของฉินเย่หาน นางก็ไม่มีทางเชื่อ!

 

 

ทว่าสิ่งที่ทำให้นางตกใจมากที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องนี้ แต่กลับเป็นเรื่องที่ความหมายในคำพูดของชิงหรงนั้นได้เผยทุกอย่างออกมา

 

 

ดวงตาของซูหลีเคร่งขรึมขึ้น

 

 

หากเรื่องมือสังหารในวันนี้เป็นฝีมือของฉินมู่ปิงจริงๆ จิตใจของฉินมู่ปิงผู้นี้คงจะล้ำลึกเกินไปแล้ว!

 

 

เหนือสิ่งอื่นใดเพียงแค่เขาส่งคนไปลอบสังหารฉินเย่หาน เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คลุมเครือ คนที่ส่งออกไปนั้นก็ยังไม่กลับมา เขาจึงไปหาอู๋โยวหรานและให้นางมาที่หอเก็บตำราเพื่อสืบข่าว

 

 

นั่นก็หมายความว่ามือสังหารและอู๋โยวหรานล้วนเป็นคนของเขา!

 

 

เมื่อมือสังหารอยู่ในที่แจ้ง และอู๋โยวหรานอยู่ในที่ลับสายตา ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันเขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าการกระทำในวันนี้สำเร็จหรือว่าล้มเหลว!