บทที่ 290 เทพธิดา

ในครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ พวกเขาทั้งสามผลัดกันหมุนเวียนควบคุมค่ายกลกระบี่เหินเมฆาอย่างเคร่งเครียด แม้ว่าพวกเขาจะถูกโจมตีหลายครั้ง แต่พวกเขาก็ยังสามารถปกป้องทั่วบริเวณของหมู่ตึกหยูอี่ไว้ได้โดยไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ

ในขณะนี้เมื่อพวกนางเห็นหลิงตู้ฉิงเดินเข้ามาหา พวกนางจึงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก

“สามี ท่านทำสำเร็จแล้วใช่ไหม?” มี่ไล และหลิวเฟ่ยเฟ่ยถามขึ้น

หลิงเทียนหยุนก็ถามอย่างสงสัยเช่นกัน “ท่านพ่อ สรุปแล้วท่านใช้มันทำอะไรกันแน่?”

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “พ่อก็แค่วาดรูปคนลงไปเท่านั้น เอาล่ะเดี๋ยวพ่อขอคุยกับน้ามี่ไลของเจ้าก่อน”

หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็พามี่ไลไปที่ห้องของนาง

“สามี มีอะไรงั้นเหรอ?” มี่ไลถามอย่างสงสัย

จากท่าทีของหลิงตู้ฉิง นางสามารถเห็นได้ว่าเขาค่อนข้างแปลกไปและดูเหมือนจะมีความสุขเล็กน้อย

หลังจากติดตามหลิงตู้ฉิงมาหลายปี มันยากมากที่จะเห็นหลิงตู้ฉิงมีท่าทีอย่างเช่นที่เป็นตอนนี้

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้าสบายดี แต่ตอนนี้มีใครบางคนอยากเจอเจ้า!”

“ใครกันที่อยากเจอข้า?” มี่ไลพูดด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ

นางยังคงถามอย่างสงสัย แต่เมื่อนางเห็นหลิงตู้ฉิงเปิดยันต์สั่งสวรรค์ขึ้นและปล่อยให้มันลอยอยู่ในอากาศ

มี่ไลมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์และตะลึงไปชั่วขณะ นางพูดโดยไม่รู้ตัวว่า “สามี พี่สาวคนในรูปนี้สวยมาก ท่านวาดนางจนเหมือนกับว่านางยังมีชีวิตอยู่แน่ะ แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่านางกำลังจ้องมองข้าอยู่โดยตลอดแบบนี้ล่ะ?”

มี่ไลมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความสงสัย

ไม่ว่าจะเป็นอสูรกลืนสวรรค์หรือธนูปริศนานั่นนางก็เคยเห็นพวกมันกับตาตัวเองทั้งหมดมาก่อน นางจึงไม่แปลกใจเลยที่คนในภาพวาดของหลิงตู้ฉิงนั้นมันจะดูเหมือนกับมีชิวิตจริง ๆ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือทำไมหญิงสาวในรูปถึงมองหน้านางจนทำให้นางรู้สึกว่าภาพวาดนี้มันมีสติสัมปชัญญะจริง ๆ และอีกอย่าง ยันต์สั่งสวรรค์ที่ล้ำค่าเช่นนี้กลับถูกใช้เพื่อวาดรูปหญิงสาวเพียงแค่คนเดียว

นางรู้สึกว่ามันช่างเสียเปล่า!

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ถูกแล้วหญิงสาวในรูปนั้นยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ครบ เจ้าสามารถมองนางเป็นเหมือนคนที่ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ได้ และตอนนี้นางต้องการที่จะคุยกับเจ้า เจ้าลองมองไปที่นางและสื่อสารกับนางดูสิ!”

ในเวลานี้หญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์มองไปที่มี่ไลด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นปนกับความคาดหวังอะไรบางอย่าง

ทางด้านของ มี่ไลเองเมื่อนางฟังคำพูดของหลิงตู้ฉิงจบ นางจึงหันหน้ากลับไปมองที่ภาพวาดหญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์ และกล่าวขึ้นว่า “พี่สาวข้าชื่อมี่ไล ข้าเป็นภรรยาน้อยของผู้ที่วาดท่านขึ้นมา”

มี่ไลพูดโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นเพราะนางสามารถบอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังถามคำถามด้วยสายตาของนาง

“สามีของข้าปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงภรรยาน้อย เขาก็ไม่เคยละเลยข้า” มี่ไลพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เขายังคงเป็นคนดีคนเดิมของข้าตั้งแต่วันแรกที่ข้าติดตาม เขามาจนถึงวันนี้มันก็เป็นเวลานานเป็น 10 ปีแล้ว”

ผู้หญิงในภาพวาดถามด้วยสีหน้าเฉยเมย “ทำไมเจ้าถึงชอบเขา?”

มี่ไลหัวเราะ “ก็เพราะว่าเขาปฏิบัติทั้งต่อข้าและครอบครัวข้าเป็นอย่างดี ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตผลอะไรที่ข้าจะไม่ชอบเขา แต่มันจะมีก็แค่เรื่องเดียวที่ข้าเสียดายก็คือหลังจากที่ข้าอยู่กับเขามานาน ข้าก็ยังไม่สามารถให้กำเนิดลูกของเขาได้สักที”

“แต่เขาเคยบอกกับข้าว่า เขามีลูกสาว 3 คนและลูกชาย 4 คน?” ผู้หญิงในภาพวาดถาม

“พวกเขาทั้งหมดเป็นบุตรบุญธรรมของเขาที่รับอุปการะมาทั้งหมด ซึ่งพวกเราภรรยาทั้ง 5 คนต่างก็ยังไม่มีใครที่สามารถให้กำเนิดบุตรที่แท้จริงของเขาได้สักคน” มี่ไลหัวเราะ

หญิงสาวในภาพวาดเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางก็เม้มริมฝีปากของนางและพูดว่า “นี่มันจะต้องเป็นผลจากผลกรรมที่เขาก่อ ดังนั้นเขาจะต้องไม่สามารถมีลูกของตัวเองได้แน่นอน!”

“พี่สาวรู้จักนายท่านเหรอ?” มี่ไลถาม

“ข้าไม่อยากรู้จักเขา!” หญิงสาวในภาพวาดพูดขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้ฝึกฝนวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนของข้า จงลองใช้มันให้ข้าดู”

มี่ไลมองไปที่นางด้วยสีหน้าแข็งค้างและพูดขึ้น “หา! วิชานี้เป็นวิชาของพี่สาวเองงั้นเหรอ? แต่ตอนนี้สามีสอนพวกมันให้ข้าเพียงแค่ 3 ฤดูเท่านั้น ซึ่งจะมีฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง ส่วนฤดูที่ 4 นั้นเขายังไม่ได้สอนให้ข้าเนื่องจากเขาบอกว่าพื้นฐานการบ่มเพาะของข้าอ่อนแอเกินไป”

“แค่ลองใช้มัน!” หญิงสาวในภาพวาดกระตุ้น

มี่ไลพยักหน้าด้วยความลำบากใจและเริ่มใช้วิชาทั้งสามที่นางเรียนรู้มาทั้งหมด ซึ่งมีทั้ง ฝนใบไม้ผลิ วิชาสุริยะสาดแสง เกล็ดน้ำค้างสารทฤดู

หญิงสาวในภาพวาดเมื่อได้เห็นวิชาต่าง ๆ ที่มี่ไลแสดงให้นางดู นางก็ส่ายหัว “นี่มันแย่กว่าที่ข้าคิดไว้ซะอีก มันเป็นที่คนสอนไม่ดีพอหรือคนที่ฝึกโง่เกินไปกันแน่?”

มี่ไลรีบพูดว่า “พี่สาวอย่าโทษสามีของข้าเลย เขาพยายามที่จะสอนข้าแล้ว มันคงเป็นข้าเองต่างหากที่น่าจะโง่เกินไปจริง ๆ!”

“ช่างเถอะ ข้าขี้เกียจที่จะสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อเขาสอนวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนให้เจ้าแล้ว เจ้าก็จงฝึกฝนมันอย่างตั้งใจ อย่าทำให้ชื่อเสียงของข้าต้องมัวหมอง เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าจงดูข้าสาธิตมันให้ดีและจงนำมันไปปรับปรุงให้ถูกต้อง!” หญิงสาวในรูปภาพกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

เมื่อพูดจบหญิงสาวในภาพวาดก็เริ่มแสดงวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนให้กับมี่ไล จากนั้นมี่ไลก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้งสี่เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงฤดูตามธรรมชาติของโลก

แต่เมื่อดูไปได้สักพัก จู่ ๆ มี่ไลก็พูดขึ้น “นายท่านบอกว่าตอนนี้ข้ายังไม่สามารถฝึกฝนไปถึงขั้นฤดูหนาวได้!”

ขณะที่นางพูดนางมองไปที่หลิงตู้ฉิงและหยุดการสนทนากับหญิงสาวในภาพวาด เมื่อเห็นสายตาของมี่ไล หลิงตู้ฉิงยิ้มและพยักหน้า “ไม่ต้องกังวลนางไม่ได้สอนวิธีการใช้วิชาใด ๆ ให้เจ้า นางแค่แสดงให้เจ้าเห็นเต๋าของนาง จำเต๋านี้ไว้และพยายามค่อย ๆ ทำความเข้าใจมัน ถ้าจะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยน นางที่เป็นเจ้าของวิชานี้โดยตรงย่อมเข้าใจวิชานี้ลึกซึ้งมากกว่าข้า เนื่องจากนี่มันคือวิชาของนางเอง”

มี่ไลพยักหน้าก่อนที่จะหันหน้าไปทางยันต์สั่งสวรรค์ จากนั้นนางก็เริ่มตั้งใจมองภาพของฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง จนภาพนั้นได้ตราตรึงอยู่ในใจของนาง

ตราบใดที่นางสามารถจดจำจังหวะความผันแปรของเต๋านี้ได้ นางก็จะยิ่งเข้าใจในวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

และเมื่อหญิงสาวในภาพวาดแสดงเต๋าวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนเสร็จสิ้น นางก็ไม่ได้มองไปที่มี่ไลอีกต่อไป แต่หันไปมองไปที่หลิงตู้ฉิงแทน

หญิงสาวในภาพวาดพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางโง่เกินไป นางเป็นข้าไม่ได้หรอก และข้ายังสัมผัสถึงเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณของข้าในตัวนางไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญท่าทางของนางมันอ่อนน้อมเกินไป มันอ่อนน้อมจนสามารถทำให้คนอื่นโกรธได้เพียงแค่มองนาง”

หลิงตู้ฉิงเงียบ

“เอาล่ะ ในเมื่อนางได้เรียนรู้วิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนของข้าและข้าก็ได้แสดงเต๋าของข้าให้กับนางแล้ว ถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็อย่ามารบกวนข้า” หลังจากพูดจบนางก็หันหลังกลับ อย่างไรก็ตามเมื่อนางหันกลับไปดวงตาของนางก็เผยให้เห็นรอยยิ้มแปลก ๆ

หลิงตู้ฉิงสัมผัสได้ถึงอาการแปลก ๆ ของหญิงสาวในภาพวาด เขาก็หันกลับมามองที่มี่ไล แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นต่อ

“สามี พี่สาวนาง…” มี่ไลถามอย่างระมัดระวัง “ก่อนหน้านี้พี่สาวคนนี้เคยประทับใจท่านมากมาก่อนใช่ไหม? จริง ๆ แล้วในอดีตท่านจะต้องเป็นคนที่น่าทึ่งมากแน่ ๆ เลยใช่รึเปล่า?”

หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่มี่ไล เขาโบกมือและยันต์สั่งสวรรค์ก็บินไปที่มือของมี่ไล

“ข้าจะปล่อยมันไว้ในความดูแลของเจ้า ต่อจากนี้ข้าจะไปหาเจ้าเองเมื่อข้าต้องการมัน” หลิงตู้ฉิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“สามี นี่มันล้ำค่าเกินไปแล้ว!” มี่ไลอุทาน “ท่านเก็บไว้เองเถอะ!”

นางรู้ว่าหลิงตู้ฉิงใช้ความพยายามมากแค่ไหนกว่าจะได้มันมา จนนางกลัวว่านางจะไม่มีค่าพอที่จะรักษามันเอาไว้แทนได้

หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “จะอยู่ที่เจ้าหรืออยู่ที่ข้ามันก็ไม่แตกต่างกันหรอก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้อารมณ์ตื้นตันของมี่ไลก็ปะทุขึ้นทำให้นางตกอยู่ในอาการดีใจและรู้สึกโหยหา

ส่วนในยันต์สั่งสวรรค์ หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านในก็เผยรอยยิ้มขึ้นจาง ๆ อีกครั้ง จากนั้นร่างของนางก็ค่อย ๆ จางหายไป…