กโยซึลนอนไม่หลับเลยทั้งคืน มัวแต่คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ สุดท้ายฟ้าก็สว่างจนล่วงเลยพ้นตอนกลางวัน สุดท้ายนางก็ก้าวออกจากตำหนักดงบี
รูแฮบอกว่าจะออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดสินะ
พอคิดว่าไม่มีรูแฮอยู่ ในพระราชวังอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ก็รู้สึกอ้างว้างเหลือเกิน เป็นความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเงียบเหงา อาจเป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้นางรีบร้อนตัดสินใจเรื่องที่กังวลมาทั้งคืน จนสุดท้ายนางก็กำลังเดินทางไปยังตำหนักดงชอนแล้ว
“หม่อมฉันอยากไปตำหนักกงรีมก[1] เพคะ”
กโยซึลที่อยู่กับบีพาอันสองต่อสองโค้งศีรษะยื่นคำขออย่างนอบน้อม บีพาอันไม่มีพูดคำใด ท่ามกลางความเงียบนั้นยิ่งทำให้หัวใจของกโยซึลเต้นแรงยิ่งขึ้น
“ตำหนักกงรีมกหรือ”
“เพคะ อากาศเย็นลงเรื่อยๆ…หม่อมฉันได้ยินมาว่าที่นั่นมีบ่อน้ำร้อนอยู่…”
เพียงแค่พยายามจะมองบีพาอันเสียงของนางก็ตะกุกตะกัก มือที่กุมชายกระโปรงเหนือเข่าถูกความตื่นเต้นทำให้กำแน่นขึ้น
“ตำหนักกงรีมกอยู่ที่เมืองทางใต้สินะ”
กโยซึลร้อนรนยามได้ยินคำว่าเมืองทางใต้ หรือบีพาอันเองก็จะรู้เรื่องที่รูแฮเดินทางไปทางใต้กัน หรือไม่ก็เพราะอุบายลวงที่นางอุตส่าห์กล้าพูดออกมาได้อย่างไม่กระพริบตาครั้งนี้จะยังตื้นเขินเกินไป ภายในช่วงเวลาสั้นๆ กโยซึลมีความคิดพาดผ่านในหัวมากมาย
การจะหลอกฝ่าพระบาทเป็นเรื่องที่เกินความสามารถเราจริงๆ
นางโลภมากไปเอง เพียงแค่ได้แอบเจอกัน เพียงแค่ได้มอบใจให้กันและกัน แค่นั้นก็ควรจะพอใจได้แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะบุ่มบ่ามถึงขั้นโกหกฝ่ายตรงข้าม แล้วหลับหูหลับตาปล่อยผ่านไปเฉยๆ ได้ด้วยซ้ำ ในที่สุดกโยซึลก็ตั้งสติได้ ความคิดถึงที่มีต่อรูแฮทำให้นางคิดน้อยไป เกือบจะทำเรื่องโง่ๆ ลงไปเสียแล้ว
“ดี ตั้งแต่ชายามาที่มกกุกจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปหลายฤดูกาลแล้ว ในฐานะพระชายาฮวางแทจาก็ควรจะได้เที่ยวดูเมืองต่างๆ ของมกกุกบ้าง”
นึกไม่ถึงว่าบีพาอันจะรับข้อเสนอของกโยซึล ราวกับกำลังล้อเล่นกับความกังวลของนาง ทั้งที่คำขอก็ได้รับอนุญาตแล้ว แต่กโยซึลกลับมองบีพาอันด้วยสายตาตะลึงงัน
“อา ทรงอนุญาตให้หม่อมฉันไปหรือเพคะ”
“เป็นเช่นนั้น”
อนุญาต เขาอนุญาต นางจะได้ไปตำหนักกงรีมกแล้ว นางกำลังจะได้ไปเมืองทางใต้ที่มีรูแฮอยู่ จะได้ไปรอเขาที่ตำหนักนอกแล้ว ในขณะที่ความดีใจกำลังพุ่งทะยาน และกโยซึลกำลังจะบอกลา บีพาอันก็พูดขึ้นต่อ
“เราจะไปกับชายาเอง”
“…เพคะ?”
“เอาแต่อยู่ในวังมานานจนเนื้อตัวเกียจคร้าน เราเองก็คิดถึงบ่อน้ำร้อนพอดี ชายาแนะนำได้ดียิ่ง”
เป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่มามกกุกแล้วได้รับคำชมจากบีพาอัน แม้จะได้ฟังคำชมของเขา ทว่านางกลับไม่รู้สึกดีนัก
“ป เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งเพคะ” กโยซึลพูดด้วยน้ำเสียงไร้จิตวิญญาณ ในหัวนั้นอลหม่านเสียยิ่งกว่าตอนที่ขอเดินทางไปตำหนักนอกเสียอีก
บีพาอันเดินทางไปพระราชวังกลางมาหนึ่งรอบ เลือกเส้นทางทั้งในนอกวังตะวันออกเพื่อเดินทางไปยังตำหนักนอก ไม่นานขบวนเสด็จของวังตะวันออกก็ได้ถูกตระเตรียมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
***
ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ
กโยซึลเหลือบมอ’บีพาอันด้วยสายตากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนบีพาอันกำลังหลับพริ้มตาเอนพิงกับเบาะรองนั่งไปจนสุดตัว แต่กโยซึลนั้นไม่อาจนั่งเอนกายอย่างสุขสบายในเกี้ยวได้ นางว้าวุ่นเป็นหนูติดจั่นอยู่ข้างบีพาอัน เอาแต่คอยมองดูสีหน้าของเขา แต่แล้วสุดท้ายก็ต้องเป็นทุกข์เมื่อไม่สามารถหาคำตอบอะไรจากตรงนั้นได้เลย เรื่องเกี่ยวกับตำนักกงรีมก กโยซึลพึ่งได้รู้เมื่อคืนจากคำที่รูแฮบอก
“จำเรื่องตำหนักนอกที่ข้าเคยพูดก่อนหน้านี้ได้หรือไม่”
“เพราะเราชอบออกไปเที่ยว รูแฮจึงเคยแนะนำที่นั่น”
“ที่เมืองทางใต้มีตำหนักนอกอยู่แห่งหนึ่ง เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องบ่อน้ำร้อน และในตำหนักนอกเองก็สร้างบ่อน้ำร้อนไว้ที่นั่นด้วย ยามนี้พอเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วอากาศก็จะเย็นลง หากได้ไปแช่บ่อน้ำร้อนก็จะดีต่อเจ้า”
“นั่นสินะ”
กโยซึลพยักหน้าแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ รูแฮถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา นางมองรูแฮด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ส่วนรูแฮกลับเผยยิ้มที่แฝงด้วยเลศนัย
“แล้วที่ที่ข้าจะไปตรวจสอบอยู่ที่สุดทางตะวันออกของเมืองทางใต้ ข้าตั้งใจว่าจะเดินตรวจตั้งแต่ทางตะวันตกของเมืองทางใต้ไปสิ้นสุดที่ตรงนั้น”
“หมายความว่า?” กโยซึลรู้สึกใจเต้นตึกตัก ความรู้สึกตื่นเต้นจู่โจมขึ้นมาฉับพลัน และความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้ผิดพลาด
“ใช่ ถ้ากโยซึลรออยู่ที่ตำหนักกงรีมก ข้าก็จะซ่อนตัวเอาไว้…ถึงยามที่มีโอกาสเราก็จะใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองคน”
“คุณพระ จริงหรือ เราจะทำอย่างนั้นได้หรือ”
“ปัญหาอยู่ตรงที่หากกโยซึลจะเดินทางไปตำหนักนอก ต้องได้รับอนุญาตจากฮวางแทจาเสียก่อน”
“อ้อ…”
ใจที่เคยตื่นเต้นก่อนหน้านั้นหายไปอย่างรวดเร็ว ต้องได้รับการอนุญาติจากบีพาอันก่อนอย่างนั้นหรือ แค่เหตุการณ์ครั้งล่าสุดก็ทำเอาบีพาอันไม่พอใจจะแย่แล้ว หากจะให้นางไปขอออกจากวังตอนนี้อีก บอกได้แค่ว่านางไม่มีความมั่นใจเอาซะเลย
แน่นอนว่ารูแฮเองก็เข้าใจกโยซึลดี ดังนั้นเขาถึงได้บอกอยู่ก่อนแล้วว่านี่เป็นเรื่องยาก
“ถ้าหากว่ายากเกินไปกโยซึลไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เป็นข้าที่จัดการได้ไม่ดีพอแถมยังจะเพิ่มเรื่องหนักใจให้กโยซึลอีก ขออภัยด้วย…”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”
“เป็นข้าที่โลภเอง เป็นความโลภของข้าที่อยากจะหลบออกจากพระราชวังแล้วไปเจอกับกโยซึลได้อย่างไม่ต้องกังวลต่อสายตาผู้ใด”
“เราเองก็อยากจะทำเช่นนั้น” กโยซึลยกมือรูแฮขึ้นมากุมแน่น
แม้ยามที่คิดถึงบีพาอันจะน่าหวาดกลัว แต่หากรวบรวมความกล้าไปเผชิญหน้ากับเขาเพียงแค่หนึ่งครั้ง ก็จะทำให้นางได้โอกาส ซึ่งอาจจะมีเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว ได้ใช้เวลากับรูแฮอย่างมีความสุข
“ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ออกนอกพระราชวังอีกเมื่อใด”
“เมื่อครู่รูแฮพูดว่าตำหนักกงรีมกใช่หรือไม่” กโยซึลจ้องไปที่นัยน์ตาของรูแฮ
“ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แล้วเราได้ไปที่ตำหนักนอก เราจะเอาดอกไม้นี้วางไว้ที่มุมหน้าต่างของห้องพัก”
กโยซึลแสดงดอกไม้สีม่วงที่ถืออยู่ในมือตั้งนานแล้วให้เขาดู นี่เป็นเครื่องหมายที่เหมาะสมที่สุดที่จะใช้ในการนัดหมายกับรูแฮ รูแฮเห็นดอกไม้แล้วก็ยิ้มหวานขึ้นมา
รอยยิ้มนั้นเปรียบเสมือนรอยยิ้มที่ใช้สื่อสารความนัยของกันและกัน
ถึงจะนัดกันไว้อย่างนั้น แต่กลายเป็นว่ามีบีพาอันเดินทางมาด้วย นี่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของกโยซึลและรูแฮ ระหว่างที่ค่อยๆ เข้าใกล้รูแฮที่อยู่ทางใต้ ในใจของกโยซึลก็หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
***
ขบวนเสด็จของวังตะวันออกนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย ตรงหน้าหลังของเกี้ยวที่ฮวางแทจาประทับมีเหล่าทหารราชองครักษ์ร่วมทางอยู่ ทหารราชองครักษ์ที่มาคอยอารักขาและเหล่าข้าราชบริพารที่นำมาคอยให้การดูแลนั้นมีไม่มาก กโยยองเดินตามไปส่งขบวนเสด็จยันถึงกำแพงเมือง แววตาของนางที่มองขบวนเสด็จอยู่เงียบๆ นั้นสั่นไหว กโยยองกัดริมฝีปากด้านในโดยไม่มีใครรู้
เมื่อไม่นานมานี้พระชายาข้อเท้าแพลงตอนที่ไปภูเขามกอัน จากนั้นฮวางแทจาก็อยู่ด้วยกันในตำหนักดงชอน คอยดูแลนางถึงเจ็ดคืนเจ็ดวัน ทว่าพระชายาฮวางแทจากลับไปถึงตำหนักดงบีได้ไม่กี่วัน ฮวางแทจาก็ไปขอกับองค์จักรพรรดิว่าเขาจะไปบ่อน้ำร้อนที่ตำหนักกงรีมกที่อยู่ทางใต้ เพื่อให้พระชายาได้ไปฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย แน่นอนว่าองค์จักรพรรดิเมื่อได้เห็นว่าฮวางแทจาทะนุถนอมพระชายาฮวางแทจาเช่นนั้นก็ทรงอนุญาติด้วยความยินดี
เพียงแค่ความจริงเหล่านี้ก็ทำเอากโยยองปั่นป่วนจะแย่แล้ว กโยยองนึกถึงใบหน้าของกโยซึลที่ร้องห่มร้องไห้มาสารภาพกับนางด้วยความรู้สึกกล้ำกลืน เพียงแค่นึกถึงน้ำตาที่ไหลจากขอบตาบวมแดงในตอนนั้นนางก็รู้สึกสะอิดสะเอียน
‘ไม่ว่าอย่างไรเราก็ไม่มีทางรักฝ่าพระบาทได้’
น้ำเสียงอันแน่วแน่ของกโยซึลดังขึ้นอีกครั้ง
“โกหก” กโยยองกำมือแน่นจนสั่น
นึกว่าจะเป็นมิตรที่ดีแล้วแท้ๆ ในครั้งแรกที่เห็นกโยซึลเข้ามาอย่างนอบน้อมก็รู้สึกตลกอยู่เช่นกัน กโยยองคิดว่ากโยซึลคงจะอ่อนกว่าที่ตนคิด นางเสแสร้งทำตัวน่าสงสาร จากนั้นก็หลอกถามข้อมูลเกี่ยวกับบีพาอันจากกโยยองไปทั้งหมด ข้อมูลเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่กโยยองได้มาจากการคอยเฝ้ามองบีพาอันมาเป็นเวลานาน เห็นกโยซึลสร้างปัญหามากมายนึกว่านางจะไม่อยู่ในสายตาของบีพาอันแล้ว แต่ที่ไหนได้ เขากลับพานางไปประคมประหงมถึงในพระตำหนักดงชอน แถมตอนนี้ก็ยังพากันไปตำหนักนอกอีก
“เป็นข้าที่ไร้เดียงสาเอง”
ตนโง่เหลือเกิน ประมาทเมื่อเห็นกโยซึลร้องไห้จึงดึงนางเข้าไปกอดอย่างเวทนา หยาดน้ำตาที่ร่วงหล่นเป็นเพียงหน้ากาก ทำเป็นอ่อนแอให้ฝ่ายตรงข้ามวางใจ จากนั้นก็ค่อยๆ ฉีกทึ้งอีกฝ่ายออกเป็นชิ้นๆ ในความคิดของกโยยองตอนนี้กโยซึลเป็นเช่นนั้น
“เด็กสาวจากเมืองเล็กๆ อันเปล่าประโยชน์ แต่มีเล่ห์เหลี่ยมไม่เบาเลยใช่หรือไม่”
ในขณะที่กโยยองกำลังเหม่อมองไปไกล ก็มีเสียงคนพูดแทรกขึ้นมาจากด้านหลัง กโยยองผ่อนความเครียดแค้นลงแล้วหันกลับไปโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม
“กโยยองถวายบังคมพระชายาแทจาเพคะ”
“ระหว่างเราสองมีอันใดให้ต้องมากพิธีการกัน”
โอรันหัวเราะคิกคักยื่นมือออกไป อยู่ดีๆ นางก็ทำตัวเป็นมิตรแบบแปลกๆ แล้วเข้ามาใกล้กโยยอง โอรันเอามือป้องปากแล้วกระซิบที่ข้างหูของอีกฝ่าย
“จะให้เราหักข้อเท้าพระชายารองฮวางแทให้ดีหรือไม่ ไม่สิ ต่อให้ข้อมือหักไปข้อหนึ่ง แต่ฝ่าพระบาทฮวางแทจาจะมาป้อนข้าวป้อนน้ำให้ท่านด้วยตัวเองหรือ”
“วาจาท่าน” กโยยองตัดบทพูดของโอรันอย่างเยือกเย็น “โปรดระวังวาจาด้วยเพคะ”
“พระชายารองฮวางแทจาโปรดปกปิดสายตาของตนเองหน่อยเถิด” โอรันส่งยิ้มที่แฝงด้วยเสี้ยนหนาม “สายตาของพระชายารองแทบจะพลิกเกี้ยวเสด็จได้แล้วเสียด้วยซ้ำ”
กโยยองสะอึก นางเผยไต๋ให้แก่คนที่ไม่ควรได้เห็นเสียแล้ว กโยยองหลุบตาต่ำพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“ดูผิดแล้วเพคะ ฝ่าพระบาทฮวางแทจาต้องเสด็จไปไกล หม่อมฉันแค่ยืนมองด้วยใจที่เป็นห่วงแค่นั้น”
“หากพระชายารองฮวางแทจาว่าเช่นนั้น ก็เป็นเช่นนั้น” โอรันไม่ได้เชื่อคำของกโยยองแล้วปล่อยผ่านไป นางพิจารณาดูสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วพูดหยั่งเชิง
“สาวน้อยนางนั้นยอดเยี่ยมไปเลยใช่หรือไม่”
“พระชายาแทจา แถวนี้มีหูตาอยู่มากนักเพคะ” แม้กโยยองจะทักท้วง แต่โอรันกลับไม่ได้ใส่ใจ
“นอกจากจะทำให้ฝ่าพระบาทฮวางแทจาผู้เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งหวั่นไหวได้แล้ว…” โอรันพูดไปเรื่อย พลางคอยจับปฏิกิริยาของกโยยองไปด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดเรื่องวังใต้ขึ้นมา
“นางยังชอบแอบหนีไปข้างนอกบ่อยๆ ด้วยใช่หรือไม่”
“พระชายาฮวางแทจาทรงชื่นชอบการเดินเล่นเพคะ”
“เดินเล่นสินะ” โอรันพูดพลางยิ้มเยาะ แต่กโยยองกลับไม่ได้มีปฏิกิริยาอื่นใด
หรือนางจะคิดว่านั่นคือการไปเดินเล่นจริงๆ
หรือว่าชายารองฮวางแทจานั้นจะไม่รู้ โอรันค่อยๆ จัดแจงความคิดของตัวเอง
ก็คงจะถูกต้องแล้ว หากชายารองฮวางแทจารู้เรื่องของวังใต้เช่นกัน ความสัมพันธ์ของนางกับฮวางแฮจาคงไม่ห่างเหินเช่นนี้
ถึงอย่างนั้นสำหรับวังตะวันตกแล้วชายารองฮวางแทจาก็เป็นหมากที่พอใช้ได้ อย่างน้อยก็เป็นหมากที่ไม่เลว ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ หากพวกเขามีคนใช้งานเยอะเข้าไว้ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี
โอรันเดินเข้าไปใกล้กโยยองมากขึ้น พลางเผยยิ้มอันหวานหยดย้อย
“เราเองก็อยากมีคนสนิทที่วังตะวันออกเช่นกัน”
“… หม่อมฉันคงต้องบอกอีกครั้ง ว่าหม่อมฉันเป็นคนของวังตะวันออกเพคะ”
“เราทราบดี มีใครไม่ทราบเรื่องนี้บ้าง เราเพียงแค่อยากสนิทกับคนที่วังตะวันออกก็แค่นั้น”
โอรันส่งสายตาให้กโยยอง แต่กโยยองกลับไม่มีท่าทีตอบรับใด
“ดูเหมือนที่วังตะวันออกจะบังเกิดคู่รักสวรรค์ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นใครที่เหมาะสมกว่ากัน”
นี่เป็นการยั่วยุอย่างชัดเจน แววตาอันเฉียบคมของโอรันทำเอาหว่างคิ้วของกโยยองกระตุกในทันที
——
[1] ตำหนักกงรีมก หรือ ตำหนักนอก พระตำหนักที่มีไว้สำหรับราชวงศ์ใช้ในการไปเที่ยวพักผ่อน