บทที่ 50 อาวุธวิญญาณ
หลังเยี่ยเม่ยร่วงจากรถไปแล้ว ขบวนรถลากจึงจำต้องหยุดลงกลางป่าอย่างช่วยไม่ได้
ภายในเรือนหิน ซูเฉินกำลังจะเริ่มลงมือทำการทดลอง และเมื่อเยี่ยเม่ยทำท่าอยากเข้ามานอนในเรือนอีก นางก็พลันถูกซูเฉินไล่ไปโดยเร็ว ด้วยครั้งนี้เขาต้องทำเรื่องสำคัญนัก จะให้เยี่ยเม่ยมากวนเขาเช่นเมื่อก่อนไม่ได้
การทดลองในวันนี้จะแตกต่างจากปกติ ซูเฉินหยิบเอาแผ่นหินออกมา
สีหน้าผ้าเท่อลั่วเค่อติดจะกังวลอยู่บ้าง “เจ้ามั่นใจหรือว่าจะสำเร็จ ?”
“ก็ควรจะสำเร็จ” ซูเฉินว่า “จริง ๆ แล้วจะว่าทดลองก็ไม่เชิง เหมือนเป็นการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเสียมากกว่า”
“ทว่าการเปลี่ยนเล็กน้อยนี่หมายถึงชีวิตข้าเลยนะ ! หากเจ้าพลาด ข้าก็แย่สิ !” ผ้าเท่อลั่วเค่อเอ่ยเสียงร้อนรน
ซูเฉินยักไหล่ “ว่ากันตามตรง ผลลัพธ์เช่นนั้นข้าก็ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้”
ผ้าเท่อลั่วเค่อหน้าง้ำทันที “เจ้าอย่าทำเช่นนี้ ข้าติดตามภักดีเจ้ามาตั้งหลายปี ไม่เคยคิดทรยศหักหลัง ถึงจะไม่ได้ทำอะไรสำเร็จเป็นการใหญ่ แต่ข้าก็มุ่งมั่นทำงานนะ”
“ท่านคิดว่าข้าจะจัดการท่านหรือ ? “ซูเฉินตอกกลับ “หากไม่อยาก จะไม่ลงมือก็ย่อมได้”
“……เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงแต่อยากได้รับคำยืนยัน” ผ้าเท่อลั่วเค่อเอ่ยเสียงอับอาย “เช่นเอาไปลองกับวิญญาณตนอื่นก่อน”
“เช่นนั้นไม่ได้” ซูเฉินส่ายหน้า “ข้าไม่ฆ่าใครเพื่อท่านหรอก อีกทั้งการทดลองประเภทนี้จะทำได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายยินยอมเท่านั้น แล้วข้าก็คงไม่อาจใช้วิญญาณชั่วร้ายมาทดลองได้ แต่ก็แน่นอนว่าหากท่านยอมรออีกสักหน่อย……”
“ช่างเถอะ” ผ้าเท่อลั่วเค่อส่ายหน้า “ข้าสิงแผ่นหินนี่มานาน จะไปไหนก็ไม่ได้ อยากได้อิสระคืนเต็มทีแล้ว ถึงมันจะเสี่ยงก็ตามแต่ แต่ข้าไม่อยากรอแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ซูเฉินก็หัวเราะ “ท่านอย่าห่วง ท่านไม่เป็นไรหรอก”
จากนั้นเขาก็ปรุงยาบางอย่างขึ้น
พริบตาเดียว ยาสิบกว่าขวดก็พลันปรากฏ
หลังปรุงยาเสร็จแล้ว ซูเฉินก็ค่อย ๆ หยิบดาบหั่นภูผาออกมา
แล้วก็เทยาราดไปบนตัวดาบ ทีละชั้น ทีละชั้น
ทุกครั้งที่เทยาอาบลงไปชั้นหนึ่ง ซูเฉินก็จะสลักอักขระค่ายกลลงไปบนตัวดาบ เหมือนกับครั้งที่สร้างถุงมือเพลิงเงาขึ้นมา
มันเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานานมาก จนกระทั่งเขาเพิ่มชั้นที่ห้าแล้วลงอักขระขั้นที่สี่จึงได้หยุดมือ
ดาบหั่นภูผาเริ่มมีแสงเรืองสีน้ำเงินแผ่ออกมา แสงนี้ทั้งลึกลับและดูคล้ายกันกับแสงเรืองจากแผ่นหินมาก
จากนั้นซูเฉินก็หยิบยาขวดสีดำขึ้นแล้วเทมันลงไปในแผ่นหินกักวิญญาณ
ตัวยาเดินไปตามรอยสลักบนแผ่นหิน ค่อย ๆ เติมเต็มร่องสลักเหล่านั้น ผ้าเท่อลั่วเค่อเริ่มตะโกนเสียงหลงออกมา “เจ็บ เจ็บ ! ไม่รู้สึกเจ็บเช่นนี้มานานแสนนานแล้ว ! ใช่แล้ว นี่มันคือยาประเภทจิตแน่นอน ! ความคิดเจ้านี่จับจุดตรงเผงจริง ๆ!”
“เดิมทีเป็นความคิดขาปี่เอ๋อซือต่างหาก ข้าเพียงแต่ทำในสิ่งที่เขาไม่อาจทำให้สำเร็จเกิดผลก็เท่านั้น…. ก็เขาไม่ใช่นักปรุงยามือฉกาจนี่นา” ซูเฉินค่อย ๆ เอ่ยตอบ
ร่างกายที่คล้ายวิญญาณของผ้าเท่อลั่วเค่อเริ่มควบแน่นขึ้นราวกับกำลังจะเกิดเป็นร่างจริงขึ้นมา
และเมื่อยาหยดสุดท้ายหยดลงบนแผ่นหิน ขวัญสีขาวก็ลอยออกมาจากแผ่นหิน
ผ้าเท่อลั่วเค่อลองเอื้อมมือออกมาแตะตัวซูเฉินดู
“ข้าแตะได้แล้ว ! ข้าแตะสิ่งของได้แล้ว !” เขาร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ยินดีด้วย แต่นี่เพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น คราวนี้ข้าจะย้ายท่านออกจากแผ่นหิน” ซูเฉินว่าพลางค่อย ๆ ยกมือขึ้น ส่วนผ้าเท่อลั่วเค่อก็ยังยืนอยู่บนมือซูเฉิน ร่างค่อย ๆ แยกออกจากแผ่นหินช้า ๆ
เมื่อร่างวิญญาณมีร่างจริงแล้ว ผ้าเท่อลั่วเค่อก็ไม่ต้องการแผ่นหินอีก
หรือก็คือตอนนี้เขากลายเป็นเผ่าวิญญาณไปแล้ว
นี่คือสิ่งประดิษฐ์ของเผ่าวิญญาณ เป็นสิ่งที่ขาปี่เอ๋อซือไล่ไขว่คว้ามาทั้งชีวิต มันคือการเปลี่ยนเผ่าอื่นให้กลายเป็นเผ่าวิญญาณนั่นเอง
หากแต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่สำเร็จ
ในหมู่ความลับที่ขาปี่เอ๋อซือหลงเหลือไว้ที่ปราสาทไหลน่าตะวันตก หนึ่งในนั้นคือความคิดเริ่มแรกเรื่องแนวคิดการแผ่พลัง หากแต่ความคิดนี้จำเป็นต้องมีพื้นฐานการปรุงยาแปรธาตุที่ล้ำลึก ขาปี่เอ๋อซือมีพื้นฐานการเล่นแร่แปรธาตุระดับธรรมดา ดังนั้นจึงไม่อาจทำความคิดให้สำเร็จได้ แต่เมื่อซูเฉินเห็นการค้นคว้าในระยะแรกของเขา ก็พบว่ามันเหลืออีกแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้นก็จะทำความคิดที่ขาปี่เอ๋อซือทิ้งไว้ให้สำเร็จได้
เขาจึงเดินตามทางไปอย่างง่ายดาย สานฝันขาปี่เอ๋อซือจนสำเร็จ
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การทำฝันที่จะเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตเป็นเผ่าวิญญาณได้สำเร็จ ยาเปลี่ยนวิญญาณทำให้วิญญาณสามารถมีร่างจริงได้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ไม่นานฤทธิ์ก็จะสลายหายไป
แต่สำหรับซูเฉิน เท่านั้นก็เกินพอแล้ว
ต่อจากนั้นซูเฉินก็ย้ายร่างวิญญาณที่เปลี่ยนแล้วของผ้าเท่อลั่วเค่อเข้าไปในดาบหั่นภูผา “ท่านดู นี่เป็นบ้านใหม่ของท่าน”
ผ้าเท่อลั่วเค่อลอยเข้าไปหาดาบหั่นภูผา ก่อนที่ร่างจะสว่างวาบเล็กน้อยแล้วหายไป
ซูเฉินมองไป เห็นที่ด้ามจับดาบพลันมีดวงตาคู่หนึ่งปรากฏขึ้น มันกะพริบตาใส่เขาสองสามที ก่อนจะมีปีกคู่หนึ่งผุดออกจากตัวดาบ
แล้วดาบก็บินไปมาได้ด้วยตัวมันเอง
ด้านล่างนัยน์ตายังเกิดปากหนึ่งที่เอ่ยเสียงผ้าเท่อลั่วเค่อออกมา “เจ้าทำสำเร็จ ! ข้ามีร่างกายแล้ว ! ฮ่า ๆ ย้ายข้ามาใส่ไว้ในดาบ ช่างคิดสร้างสรรค์ได้เสียจริง”
“ข้าได้แรงบันดาลใจมาจากวิญญาณไร้ชีพที่พบเข้าน่ะ”
ซูเฉินใช้ยาเปลี่ยนวิญญาณเพื่อย้ายร่างผ้าเท่อลั่วเค่อจากของสิ่งหนึ่งไปยังอีกสิ่งหนึ่งเท่านั้น โดยมีจุดมุ่งหมายคือการย้ายเขาไปยังดาบหั่นภูผา
ดาบหั่นภูผาเต็มไปด้วยรอยอักขระค่ายกลและชโลมยาหลายชั้น เกิดเป็นสภาพที่คล้ายกับแผ่นหินขึ้น ไม่สิ มันดีกว่าด้วยซ้ำ ผ้าเท่อลั่วเค่อสามารถผสานรวมเข้ากับตัวดาบได้ดีกว่า ทั้งยังควบคุมมันได้อีกด้วย ตอนนี้เขาได้กลายเป็นดาบ ดาบได้กลายเป็นเขาไปแล้ว
ซูเฉินเอ่ย “ท่านลองโจมตีดู”
พูดจบเขาก็เล็งหมัดหนึ่งกระแทกใส่ดาบหั่นภูผา มือภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดพุ่งพรวดเข้าหาดาบพร้อมกับพลังทำลายล้างสูงส่ง
ตัวดาบพลันลอยขึ้นโดยไร้ใครควบคุม ก่อนจะตวัดซัดการโจมตีเข้าปะทะหมัดของซูเฉิน เกิดเป็นพลังต้านจนแยกหมัดเป็นสองซีก ตัวดาบยังลอยอยู่เพียงพริบตา ก่อนพริบตาต่อมามันจะพุ่งเข้ามาจ่อลำคอซูเฉิน
ซูเฉินกระแทกสามหมัดออกไปติดต่อกันเพื่อปัดตัวดาบออก ดาบหมุนหลบการโจมตีไปได้ทั้งหมด ปีกล่องหนยามมันลอยอยู่กลางอากาศเป็นภาพที่ดูน่าประหลาดพิกลนัก
“มันแกร่งกว่าเดิมกระมัง ? ไม่สิ ตอนนี้มันมีจิตแล้ว ก็สามารถหลบเลี่ยงลดทอนอันตรายต่าง ๆ ได้…… นี่ดูท่ามีประโยชน์ไม่น้อยเลย” ซูเฉินหัวเราะ
“ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ แต่นี่มันเป็นการค้นพบอันน่าเหลือเชื่อ !” ผ้าเท่อลั่วเค่อเริ่มตะโกนลั่น “เจ้ามอบวิญญาณให้วัตถุได้ ! แล้วเจ้ายังทำให้วิญญาณสามารถหลุดจากแผ่นหิน แล้วสามารถย้ายไปไหนมาไหนได้ แล้วยังทำให้อาวุธของเจ้าโจมตีได้เองอีก หากเรื่องแพร่ออกไปคงได้สะเทือนไปทั้งทวีปต้นกำเนิด !”
จู่ ๆ ผ้าเท่อลั่วเค่อก็นิ่งค้างไป “นี่ เจ้าไม่คิดจะเอามันไม่ขายด้วยกระมัง ?”
ซูเฉินตอบเสียงเรียบ “ข้ายังใช้หินพลังต้นกำเนิดพันล้านก้อนไม่หมดเลย ฉะนั้นข้าไม่ขาดเงิน”
ผ้าเท่อลั่วเค่อถอนหายใจโล่งอก “ข้าก็ว่างั้น คนเราจะซื้อหาอะไรต้องคิดให้รอบคอบสักหน่อย ไม่ใช่เจออะไรก็ซื้อไปทุกสิ่ง”
“แต่ต่อไปข้าขายมันแน่ สักวันวิชานี้จะกลายเป็นของสามัญที่ไม่ว่าใครก็คิดอยากเรียนรู้ได้”
“…… ข้าว่าแล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้” ผ้าเท่อลั่วเค่อฮึ่มฮั่ม ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยถามขึ้น “เจ้าจะตั้งชื่อเครื่องมือต้นกำเนิดชนิดใหม่นี่ว่าอย่างไร ? จากนี้ไปดาบนี่ไม่ใช่เพียงเครื่องมือต้นกำเนิดธรรมดาแล้ว ต้องตั้งชื่อดี ๆ ให้มันสักหน่อย”
ซูเฉินก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยตอบ “ในเมื่อเครื่องมือต้นกำเนิดมีวิญญาณ ก็เรียกมันว่า ‘อาวุธวิญญาณ’ เถอะ”
“ดี ! จากนี้ต่อไป อาวุธวิญญาณชิ้นแรกได้ปรากฏขึ้นบนทวีปต้นกำเนิดแล้ว ตั้งแต่วันนี้ข้าจะเป็นราชันแห่งอาวุธวิญญาณทั้งปวง !” ผ้าเท่อลั่วเค่อตะโกนลั่น