ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 427 อินทรีจับลูกเจี๊ยบ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลังจากเกาฟ่างเข้าไป ด้านในกลับไม่เกิดการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น

บัณฑิตวัยกลางคนร่างผอมสูงคลายใจลง ‘ดูเหมือนไม่ต้องเปลืองแรงอันใด พลังฝึกปรือของคนเหล่านี้ต่ำกว่าที่คาดไว้ ถูกมอมยาหมดแล้ว’

ทว่าระหว่างที่บัณฑิตผอมสูงผู้นี้กำลังอารมณ์ดี เขาก็เกิดสงสัยขึ้นมา “แต่ว่าถ้าหากพลังฝึกปรือไม่สูง แล้วจะฆ่างูปีศาจเลือดผสมได้อย่างไร”

เขาสงบจิตใจ จับตามองเรือนที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอพักอยู่

แต่หลังจากเวลาผ่านไป ด้านในยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ไม่เห็นเกาฟ่างกับจอมยุทธ์ของสำนักปีกอินทรีคนอื่นออกมา

บัณฑิตร่างผอมสูงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติอยู่รางๆ

ไม่มีแรงกระเพื่อมของพลังแห่งสายเลือด อย่าว่าแต่คนต่างแดนเหล่านั้นเลย แม้แต่พวกเกาฟ่างก็เหมือนไม่มีท่าทีว่าจะลงมือ

ถึงแม้ว่าจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจจะเป็นอันตราย แต่หากเผชิญหน้ากับการคุมคามถึงตายจริงๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังที่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ หรือสำหรับเอาชีวิตรอด มักจะมีคนไม่ต้องการรักษาร่างกายมนุษย์ของตนเองอีกต่อไป เลือกปลุกสายเลือดครึ่งหนึ่ง กลายเป็นจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจ

จากที่บัณฑิตวัยกลางคนรู้จักเกาฟ่าง เฒ่าชราผู้นี้มิได้มีความแน่วแน่เหมือนที่เห็นยามปกติถึงเพียงนั้น

กระนั้นอย่าว่าแต่พวกเยี่ยนจ้าวเกอเลย บัณฑิตวัยกลางคนไม่รู้สึกถึงร่องรอยที่เกาฟ่างปลุกสายเลือดกลายเป็นจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจเช่นกัน

‘หรือว่าอีกฝ่ายแกร่งเกินไป จึงฆ่าเกาฟ่างได้ในชั่วพริบตา ทำให้เขาทำไม่ได้แม้แต่การปลุกสายเลือด’ บัณฑิตวัยกลางคนตกใจเพราะความคิดของตนเอง ‘คงไม่ขนาดนั้นกระมัง ถึงอย่างไรเกาฟ่างก็เป็นคนที่มีความสามารถ ไม่อย่างนั้นจะยึดครองตำแหน่งเบื้องหน้าองค์ชายรัชทายาทได้อย่างไร?

‘ฆ่าเขาได้ในพริบตา เช่นนั้นอีกฝ่ายแข็งแกร่งถึงเพียงไหน’

‘หรือว่าไม่ได้ลงมือตั้งแต่แรก?’ บัณฑิตวัยกลางคนหรี่ตาลงเป็นเส้นเล็กๆ ‘อีกฝ่ายใช้ของมีค่าอันใดทำให้เกาฟ่างใจอ่อน ทั้งสองฝ่ายวางแผนกันอย่างลับๆ อย่างนั้นหรือ’

เขาพลันตื่นขึ้นจากภวังค์ หากบอกว่าองค์ชายรัชทายาทใกล้ชิดกับคนที่มีความสามารถมากมาย เขากับสำนักปีกอินทรีล้วนเป็นคนที่ยึดครองพื้นที่แห่งนี้

ถ้าหากกำจัดเขาทิ้ง ก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง

ครั้นคิดถึงตรงนี้ บัณฑิตวัยกลางคนก็เพิ่มความระมัดระวังมากกว่าเดิม

ไม่ว่าจะมีความเป็นไปได้เช่นไร เขาล้วนระวังตัวอย่างเต็มที่

ทว่ารู้เขารู้เรา ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นรูปแบบใด เขาได้วางแผนเอาไว้หมดแล้ว จึงใคร่ครวญการเคลื่อนไหวต่อจากนี้ของตนเอง

‘คนที่ต้องโดนเล่นงานเป็นพวกเจ้า ไม่ใช่ข้า พลังแห่งสายเลือดที่ข้าฝึกฝนคืองูเงามืด’ บัณฑิตวัยกลางคนแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา ร่างกายไม่ไหวติง แต่ขับเคลื่อนพลังแห่งสายเลือด ลายแสงหลายสายใต้อาภรณ์พลันสว่างขึ้น

พลังแห่งเงามืดอันไร้รูปร่างกลายเป็นเส้น ควานหาในบ้านเบื้องหน้าอย่างไร้สุ้มไร้เสียง ไร้ร่องรอยให้เสาะหา

สีตาของบัณฑิตวัยกลางคนกลายเป็นสีเหลืองเข้ม ม่านตาตั้งขึ้นเหมือนตาอสรพิษ

ภาพด้านหน้าของเขากลายเป็นสีเหลืองขมุกขมัว คล้ายกับสูญเสียการมองเห็น

แต่วินาทีถัดมา ภาพมากมายก็ปรากฎขึ้นเหมือนกับไฟลุกไหม้ จากนั้นก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น

หลังจากพลังแห่งเงามืดแทรกตัวเข้าไปอย่างต่อเนื่อง หูของบัณฑิตวันกลางคนก็เกิดเสียงจากที่ห่างออกไปดังขึ้น

พลังแห่งเงามืดเคลื่อนตัวไปข้างหน้า เข้าไปในตัวบ้าน จากนั้นก็มาถึงห้องโถง

ต่อมาบัณฑิตวัยกลางคนก็เห็นภาพที่ทำให้เขาอ้าปาตาค้าง

ในห้องโถง เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าสบายอารมณ์ นั่งตัวตรงไม่เคลื่อนไหว เฟิงอวิ๋นเซิง สวีเฟย และอิงหลงถูนั่งอยู่บนตำแหน่งของตนเอง

อาหู่ยืนอยู่กลางห้องโถง หิ้วคนผู้หนึ่งไว้ในมือเหมือนพญาอินทรีจับลูกเจี๊ยบ

คนผู้นั้นก็คือเจ้าสำนักปีกอินทรี เกาฟ่าง ที่ปกติแข็งกร้าวดั่งอินทรี เพียงแต่ในตอนนี้ เขาเปลี่ยนจากพญาอินทรีเป็นลูกเจี๊ยบในกำมือ

จอมยุทธ์สำนักปีกอินทรีล้มระเนระนาดอยู่รอบๆ ตัวอาหู่

“นี่…” ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้วางแผนร้ายเล่นงานตน แต่ภาพเบื้องหน้ากลับน่าตื่นตระหนกยิ่งกว่า บัณฑิตวัยกลางคนรู้สึกถึงความเย็นเยียบสายหนึ่งชำแรกจากส้นเท้ามาถึงศีรษะ

จากนั้น เขาก็เห็นสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอมองมาทางตน!

บัณฑิตวัยกลางคนคิดตัดพลังแห่งเงามืดที่ใช้ค้นหาของตนเองโดยสัญชาตญาณ ทว่ากลับเห็นเงาร่างของเยี่ยนจ้าวเกอวูบไหว ก้าวเท้าหนึ่งเข้ามาหา

จากนั้นบัณฑิตวัยกลางคนก็ค้นพบว่าตนเองมิอาจเรียกพลังแห่งสายเลือดที่ใช้ค้นหากลับมาได้ ยิ่งมิอาจเคลื่อนไหว คล้ายกับเป็นเพราะถูกเยี่ยนจ้าวเกอเหยียบเอาไว้

‘พวกเขาเป็นใครกันแน่’ บัณฑิตวัยกลางคนตื่นตระหนก

สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ดูประหลาดใจเล็กน้อย ชายหนุ่มก้มหน้ามองเงาที่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่ถูกตนเหยียบไว้ จากนั้นก็หันไปมองเกาฟ่างที่หมดอาลัยตายอยาก ผู้ซึ่งถูกอาหู่หิ้วไว้ในมือ

“เหตุใดรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ

เฟิงอวิ๋นเซิงมองเงาที่อยู่ใต้เท้าของเยี่ยนจ้าวเกอ “น่าจะไม่ใช่สัตว์ปีศาจเช่นงูเงามืด แต่เป็นจอมยุทธ์เลือดปีศาจที่หลอมเลือดงูเงามืดมากกว่ากระมัง”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “เดี๋ยวดูก็รู้แล้ว”

ขณะพูด เขาก็คว้ามือใส่อากาศ บีบเงานั้นไว้ในมือ กระตุ้นญาณจริงแท้ จนเงามืดมายานี้ราวกับกลายเป็นของจริง

จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ลากเงามืดนี้ราวกับลากเชือกเส้นหนึ่ง

บัณฑิตวัยกลางคนที่อยู่นอกตัวบ้านพลันควบคุมร่างกายไม่ได้ เพราะถูกลากเข้าไปในบ้าน

เขาคิดขัดขืน แต่กลับรู้สึกว่าร่างกายเบาโหวงเหมือนกับฟางเส้นหนึ่ง มิอาจต่อต้านพลังอันมหาศาลที่ส่งมาจากด้านในได้

คิดตัดขาดจากการเชื่อมต่อระหว่างตนเองกับพลังแห่งเงาที่ปล่อยไป กลับไม่สำเร็จ

ในวินาทีนี้ เขาคิดจะปลุกสายเลือดกลายเป็นจอมยุทธ์ครึ่งปีศาจก็ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่ถูกลากต่อไป

เหล่าจอมยุทธ์ปีกอินทรีที่คุ้มครองอยู่นอกตัวเรือน มองบัณฑิตวัยกลางคนถูกลากเข้าไปด้านในเหมือนปลาติดเบ็ดถูกชักอย่างงุนงง

ถึงแม้จะไปไหนมาไหนคนเดียว แต่บัณฑิตวัยกลางคนผู้นี้แต่ไหนแต่ไรอยู่ในระดับเดียวกับท่านเจ้าสำนัก มีชื่อเสียงสั่นสะท้านในเมืองสินธุเสถียร

ตอนนี้เขากลับถูกลากไปเหมือนปลาตาย จะไม่ให้จอมยุทธ์สำนักปีกอินทรีที่อยู่ที่นี่อ้าปากตาค้างได้อย่างไร

เห็นบัณฑิตวัยกลางคนผู้นี้ถูกลากอยู่บนพื้น ร่างกายกระแทกกำแพงเรือนจนพังทลาย จากนั้นก็หายไปท่ามกลางฝุ่นตลบ

บัณฑิตวัยกลางคนถูกลากพลิกอยู่บนพื้น เขารู้สึกว่าร่างกายของตนเองผ่านสวนดอกไม้ ผ่านบันไดและระเบียงยาว ศีรษะชนใส่ธรณีประตูเข้าห้องโถงที่อยู่ในเรือนจนหัก สุดท้ายก็เข้าไปในห้องโถงจนได้

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตนเอง มองดูบัณฑิตวัยกลางคนผู้นี้ จากนั้นก็มองเกาฟ่าง แล้วถามอย่างช้าๆ ว่า “ในเมืองสินธุเสถียรแห่งประเทศฟู่หราน พวกท่านสองคนเป็นจอมยุทธ์ระดับไหนกันแน่”

บัณฑิตวัยกลางคนหน้าเทาเหมือนเถ้ามอด รู้สึกว่าต่อให้ตนเองปลุกสายเลือดกลายเป็นครึ่งปีศาจ หรือแม้แต่ตื่นขึ้นกลายเป็นสัตว์ปีศาจโดยสมบูรณ์ ก็ไม่มีทางสู้เยี่ยนจ้าวเกอได้

เขาได้แต่พยายามดิ้นรนครั้งสุดท้าย “ข้ากับเจ้าสำนักเกาเป็นแขกขององค์ชายรัชทายาท ถึงเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่ถ้ากล้าอาละวาดในเมืองสินธุเสถียรล่ะก็ ย่อมไม่มีจุดจบที่ดีแน่!”

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นอดขบขันไม่ได้ “พวกท่านคิดเล่นงานข้า ถ้าข้ายอมยื่นคอให้ฟัน[1]ก็ต้องตายอยู่ดีมิใช่หรือ”

อีกฝ่ายรีบพูด “พวกเราไม่คิดจะฆ่าเจ้า ข้าไม่ขอปิดบัง พวกข้าต้องการปี่เซียะภูเขาของเจ้า คิดจะแย่งชิงมันเพื่อมอบให้องค์ชายรัชทายาท ต่อให้พวกเจ้าช่วยเหลือจอมยุทธ์สำนักปีกอินทรี ก็ใช่ว่าจะหาโอกาสเข้าใกล้องค์ชายรัชทายาทได้ การมอบปี่เซียะภูเขาเป็นบันไดแห่งความก้าวหน้าที่ดีที่สุด

“เจ้าแข็งแกร่งยิ่งนัก หลังจากนี้พวกข้าจะชดใช้ให้เจ้าเอง โดยจะแนะนำพวกเจ้าให้องค์ชายรัชทายาทรู้จักด้วย”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาพลางเอ่ยปากถาม “พวกท่านมีสิทธิ์พูดเมื่ออยู่ต่อหน้าองค์รัชทายาทหรือ”

บัณฑิตวัยกลางคนนึกว่าเยี่ยนจ้าวเกอหวั่นไหว รีบบอกทันที “ต่อหน้าองค์ชายรัชทายาท ข้ากับเจ้าสำนักเกาอยู่ในตำแหน่งหกเสนาบดีที่ได้รับความเคารพนับถือที่สุด”

เขาเว้นช่วงครู่หนึ่งค่อยกล่าวต่อ “แต่ว่าเจ้ามีพลังแข็งแกร่ง ต่อให้เป็นองค์ราชาก็คงจะปฏิบัติกับเจ้าเฉกเช่นแขกผู้มีเกียรติ แน่นอนว่าองค์ชายรัชทายาทเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่มีหวังว่าจะได้เข้าสำนักเมฆาโลหิต”

เยี่ยนจ้าวเกอโบกมืดตัดบท “ไม่ต้องลำบากถึงเพียงนั้น”

บัณฑิตวัยกลางคนงงงัน เยี่ยนจ้าวเกอกลับไปนั่งบนที่นั่งอย่างไม่รีบไม่ร้อน พลันยิ้มขึ้นมา “ในเมื่อองค์รัชทายาทแห่งฟู่หรานให้ความสำคัญกับพวกท่านมาก เช่นนั้นข้าจับพวกท่านไว้ที่นี่ พระองค์สมควรมาสอบถามเรื่องราวด้วยตัวเองกระมัง ข้ารออยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”

……………………………………….

[1] ยื่นคอให้ฟัน สุภาษิตจีน หมายถึง รอความตายโดยไม่ทำอะไร