เมื่อสังเกตเห็นหยุ่นหมัวมีพลังภายในที่ควบคุมได้ตามต้องการ เย่เทียนแอบตกตะลึง เขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย รีบระแวดระวังขึ้นเป็นหลายเท่า
“หลบเร็วดีนี่!”
หยุ่นหมัวยิ้มเยาะ กำลังจะลงมือต่อ ทว่ากลับรู้สึกแสบตา จู่ๆเย่เทียนที่ห่างออกไป2เมตรก็หายวับไป
แต่หยุ่นหมัวไม่ลนลานแม้แต่น้อย หันข้อมือเล็กน้อย แล้วหันข้างไปจุดคันยาสูบในมือ
ทว่าขณะนั้นเอง จู่ๆเย่เทียนก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกาย คันยาสูบโดนหมัดเขาอย่างพอดิบพอดี
“จิ๊!”
แม้แต่คนที่เด็ดเดี่ยวเกินคนอย่างเย่เทียนก็หวาดกลัวอย่างอดไม่ได้ รู้สึกเจ็บตรงกำปั้น
“ไอ้น้อง สะพานที่ฉันเคยผ่านมากกว่าถนนที่แกเคยผ่านอีก คิดอยากจะเล่นลูกไม้ตื้นๆแบบนี้กับฉัน ยังห่างอีกเยอะ!”
หยุ่นหมัวเห็นเช่นนั้นแต่ก็ไม่รีบลงมือ ยืนนิ่งเฉยอยู่ที่เดิม มีสีหน้าหยอกล้อเหมือนหนูเล่นกับแมว
“ฉันแค่เห็นว่าแกแก่กว่า เลยจงใจออมมือให้ แกนี่อวดดีเสียจริง!”
เย่เทียนตะโกนเสียงดัง ย่ำเท้าพุ่งเข้าใส่หยุ่นหมัวอีกครั้งอย่างเหี้ยมโหด
หยุ่นหมัวขมวดคิ้วเป็นปม แต่ไม่พูดพร่ำทำเพลง ย่ำเท้าสองสามที ไม่ถอยแต่พุ่งเข้าใส่เย่เทียนที่กำลังตรงมาในชั่วพริบตา
พลั่กๆ!
ทั้งคู่ประมือกันอยู่ครู่หนึ่งไม่มีใครได้เปรียบไปกว่าใคร
กลางป่าที่ทั้งคู่อยู่ในตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด เพียงเพราะการต่อสู้อันดุเดือดของพวกเขา
ต้นไม้จำนวนมากรอบๆถูกโค่นล้มลงไประเกะระกะ พื้นดินเป็นหลุมเป็นบ่อ เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ครั้งนี้ของพวกเขานั้นรุนแรงมากแค่ไหน!
หยุ่นหมัวยิ่งสู้ยิ่งอึ้ง แม้เขารู้ถึงความแข็งแกร่งในพลังของเย่เทียนดี แต่พอได้มาสู้กันจริงๆ ก็ทำให้เขาอึ้งสุดขีดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตอนแรกหยุ่นหมัวเห็นว่าเย่เทียนอายุน้อยและอยู่ในแดนระดับดิน คงฝึกฝนแค่การต่อสู้ที่สู้กับงูขาวประเภทนั้น ไม่คิดเลยว่าประสบการณ์การต่อสู้ของเย่เทียนจะเก่งกาจขนาดนี้ ผิดจากที่เขาคิดไว้
“ดูท่าแล้วถ้าฉันไม่งัดความสามารถที่แท้จริงออกมาสักหน่อย วันนี้คงจัดการกับแกไม่ได้”
หยุ่นหมัวหรี่ตาลง มองเย่เทียนด้ายสีหน้าเยือกเย็นขั้นสุด
ตูม!
ทันทีที่พูดจบ ในที่สุดหยุ่นหมัวก็ไม่ออมมือ ระเบิดพลังผู้แข็งแกร่งระดับดินอันน่าเกรงขามออกมา
พลังโหมกระหน่ำไปทั่วทุกสารทิศโดยมีหยุ่นหมัวอยู่ตรงกลาง ม้วนเหล่ากิ่งไม้ใบไม้ที่ร่วงอยู่บนพื้น ทำให้ยากที่จะลืมตา
“ขู่ฉัน? คิดว่าฉันทำไม่เป็นงั้นเหรอ? ”
ดวงตาสีเข้มของเย่เทียนฉายแววเย็นยะเยือกออกมา เร่งคัมภีร์หวงถึงขั้นสูงสุด แล้วระเบิดพลังอันบ้าระห่ำออกมาจากร่างกายเช่นเดียวกัน
“ตายซะเถอะ!”
หยุ่นหมัวคำราม เฉียดผ่านเย่เทียนด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
เย่เทียนกับหยุ่นหมัวคิดเช่นเดียวกัน ในเมื่อทั้งคู่คิดไว้ว่าต้องมีใครคนใดคนหนึ่งล้มลงถึงจะจบเรื่องได้ งั้นเขาจะออมมือไปทำไม?
พลังชี่ทิพย์อันมหาศาลรวมตัวกันบนบริเวณหมัด เมื่อเห็นว่าหยุ่นหมัวกำลังพุ่งเข้ามา เย่เทียนก็ใช้วิธีเดิม ปล่อยหมัดอันรุนแรงออกไป
“คิดจะทำร้ายฉันกับอีแค่กระบวนท่าแบบนี้ ฝันไปเถอะ!”
หยุ่นหมัวเห็นเช่นนั้นก็นึกดีใจเป็นอย่างมาก รู้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดี คิดจะฆ่าเย่เทียนภายในกระบวนท่าเดียวด้วยกำลังภายในที่แฝงอยู่ในคันยาสูบ!
“ได้ลองเดี๋ยวก็รู้เอง”
เย่เทียนยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ย่ำเท้าเป็นฝ่ายพุ่งเข้าไปหาก่อนอย่างไม่พอใจ
หยุ่นหมัวสังเกตเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดูถูกของเย่เทียน แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีเวลาไปคิดว่ามันมีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า
พลั่ก!!
มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คันยาสูบกับหมัดปะทะกันอย่างจัง และราวกับทั้งคู่ถูกตรึงวิชากันไว้อย่างไรอย่างนั้น จู่ๆก็หยุดไปอย่างแปลกๆ
“ไอ้น้อง ต่อให้แกอายุเยอะกว่านี้อีก10ปี ฉันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแกอยู่ดี”
“ตอนนี้ แกอยากเอาชนะฉัน ยังห่างอีกเยอะ!”
หยุ่นหมัวค่อยๆเงยหน้ามองเย่เทียนด้วยสีหน้าเย็นชา ดวงตาที่ขุ่นมัวเล็กน้อยนั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“งั้นเหรอ?”
เย่เทียนยิ้มจนเห็นฟันขาว “ไม่มีใครบอกแกเหรอ ว่าสงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร? ไม่งั้นแกจะขายหน้าได้เอาง่ายๆ!”
เย่เทียนพูดพลางกระทืบเท้าลงไปแรงๆ และปล่อยหมัดที่เพิ่มพลังขึ้นพุ่งเข้าใส่
“ให้ตายเถอะ!”
หยุ่นหมัวหน้าถอดสี รู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลไหลออกมาจากคันยาสูบ แขนทั้งสองข้างก็ชาและเจ็บเล็กน้อย
แก๊ก!
ทว่าหยุ่นหมัวยังไม่ทันได้สติ จู่ๆก็มีเสียงดังออกมาจากคันยาสูบ ต้านทานพลังของเย่เทียนไม่อยู่ หักไปต่อหน้าต่อตา
ไม่เพียงเท่านั้น หมัดของเย่เทียนก็พุ่งเข้ามาหาหยุ่นหมัวรุนแรงอย่างไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้
หยุ่นหมัวรูม่านตาหดตัว เห็นหมัดเข้าใกล้มาเรื่อยๆ เมื่อเขาได้สติกลับมาทุกอย่างก็สายไปแล้ว
พลั่ก!
หมัดของเย่เทียนกระแทกบริเวณศีรษะหยุ่นหมัวอย่างรุนแรง กระแทกจนเขามึนหัวไปหมด ตัวกระเด็นลอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ แล้วชนเข้ากับต้นไม่ด้านหลังเสียงดังอั่ก
อย่าคิดว่าเมื่อครู่เย่เทียนใช้พลังทั้งหมดที่มี ในความเป็นจริงนั้นเขากลับยั้งแรงไว้ เพื่อรอเวลานี้
อย่างไรก็ตามหยุ่นหมัวก็เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับดินมาเป็นเวลานาน เย่เทียนไม่เคยคิดจะสบประมาทเขา
หลังจากปล่อยหมัดออกไป เย่เทียนก็ไม่ได้ตามไป ยืนมองหยุ่นหมัวค่อยๆหยัดตัวขึ้นอยู่ตรงที่เดิมอย่างเฉยเมย
“นะ นี่มันเป็นไปได้ยังไง? แกทำลายแนวตั้งรับของฉันได้ยังไง?”
หยุ่นหมัวรู้สึกมึนหัวตาลาย ปวดสมองจี๊ดๆ แม้แต่จะอ้าปากพูดปากก็พูดไม่ได้
แต่เขาไม่มีเวลาไปสนใจความเจ็บปวดบนใบหน้า ดวงตาที่ขุ่นมัวจ้องเขม็งไปที่เย่เทียน ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เหมือนกับสองพี่น้องหยวนซือ หยุ่นหมัวคิดว่าเย่เทียนอยู่ระดับดินชั้นสูง ไม่มีทางทำลายแนวป้องกันของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กลัว
ทว่าตอนนี้เย่เทียนกลับสามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ นี่ก็แสดงว่าพลังของเย่เทียนนั้นไม่ได้ด้อยกว่าเขา!
“บนโลกใบนี้ ไม่มีเรื่องไหนที่เป็นไปไม่ได้!”
“ในเมื่อฉันสามารถทำลายแนวตั้งรับของแกได้ งั้นก็แสดงว่าแกหน่ะอ่อนกว่าฉัน!”
เย่เทียนกวาดตามองเขาอย่างอวดดี สีหน้าเหยียดหยาม
ทันทีที่พูดออกมาเช่นนั้น หยุ่นหมัวใจหล่นวูบ นึกถึงเหตุการณ์ที่ประมือกับเย่เทียนเมื่อครู่ เขาก็เบิกตาโพลงโตขึ้นทันใด
ก่อนปะทันของทั้งคู่ก่อนหน้านี้ แม้ทุกครั้งเย่เทียนจะหลบการโจมตีของเขาอย่างจนตรอก แต่ในความเป็นจริง เขาไม่มีทางทำอะไรเย่เทียนได้เลยแม้แต่น้อย!
ทันใดนั้นหยุ่นหมัวก็นึกถึงความเป็นไปได้ที่น่าสะพรึงกลัว สั่นสะท้านไปทั้งตัวอย่างไม่รู้ตัว
“กะ แกคงไม่ใช่……ปีศาจหรอกใช่ไหม?”
ไม่ทันพูดจบ มองเย่เทียนด้วยสายตาตกใจกลัว ราวกับอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง เหมือนเจอปีศาจอย่างไรอย่างนั้น…