บทที่ 553 สังหารทั่วทุกสารทิศ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 553 สังหารทั่วทุกสารทิศ
กู้ชูหน่วนถอนหายใจ ใช้สายตาเห็นอกเห็นใจมองดูพวกเขา

“อย่างน้อยเผ่าเทียนเฟิ่นก็เป็นเผ่าโบราณนับพันปีเผ่าหนึ่ง ทำไมแต่ละคนถึงได้ไร้สมองเช่นนี้นะ”

“เจ้าว่าใครไร้สมองกันน่ะ?” ประชาชนของเผ่าที่อยู่ข้างๆด่าทอขึ้น

“หากว่าคิดจะก่อความวุ่นวายให้เผ่าเทียนเฟิ่น จะพามาเพียงแค่เจ็ดแปดคนหรือ?”

“เหอะ เจ้าทำเหมือนกับว่าเผ่าเทียนเฟิ่นเป็นตลาดผักหรือไง คิดจะมาก็มา”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงเพิ่งจะพูดจบ ก็ได้ยินเพียงเสียงกระดิ่งเตือนยาวสามครั้งสั้นสองครั้งเสียงดังมาทีละเสียง อย่างน้อยครอบคลุมขอบเขตถึงห้าแห่ง

เสียงกระดิ่งเตือนดังขึ้น รองหัวหน้าเผ่าซือคงไม่สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อีกแล้ว

กี่ปีมาแล้วที่กระดิ่งเตือนของเผ่าเทียนเฟินไม่ได้ดังขึ้น แต่ครั้งนี้ เมื่อดังก็มากมายหลายแห่งขนาดนี้

ดูเหมือนว่าเผ่าเทียนจะเผชิญกับการบุกโจมตีของศัตรูผู้ทรงพลังมากมายแล้ว

“พวกเจ้าสองสามคน รีบส่งคนไปสมทบเดี๋ยวนี้”

“ขอรับ”

จอมมารกะพริบตารูปดอกท้ออันทรงเสน่ห์ไปทางกู้ชูหน่วน ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาให้นาง

“พี่สาว ดูไม่ออกว่าท่านจะฉลาดมากเหมือนกันนะเนี่ย รู้จักการซ่องสุมทหารไว้ในเผ่าเทียนเฟิ่นก่อนล่วงหน้า ก็ไม่รู้ว่าพี่สาวส่งคนมามากน้อยเท่าไหร่”

กู้ชูหน่วนหมดคำจะพูด

นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเผ่าเทียนเฟิ่นอยู่ที่ไหน จัดกองทัพซุ่มโจมตีอะไร?

แม้แต่ตัวนางเองก็คิดไม่ถึง ตัวเองแค่หลอกล่อรองหัวหน้าเผ่าซือคงไปเรื่อยเปื่อย คิดไม่ถึง ว่าจะเป็นความจริง

เย่จิ่งหานจับมือของกู้ชูหน่วน ขลุ่ยหยกขาวพร้อมด้วยลมพายุสายฟ้าฟาด ขวางสะบัดไปมา เหมือนดั่งเสียงเพลงอันไพเราะของสวรรค์ที่ดังอยู่ข้างหูของทุกคน

“ไม่ไปตอนนี้ จะรอเวลาใด”

ทุกแห่งที่ขลุ่ยหยกขาวผ่าน ศพระเกะระกะนับไม่ถ้วน

เงาสีขาวสองเงาพุ่งออกไปไกลกว่าสิบเมตรในพริบตา

สีชิ่นและไป๋จิ่นล้วนมีจิตใจที่ฉลาดปราดเปรียว ขณะที่เย่จิ่งหานคุ้มกันกู้ชูหน่วนออกไปทั้งสองคนก็แทบจะลงมือในเวลาเดียวกัน สะเทือนคนของเผ่าเทียนเฟิ่นที่อยู่ซ้ายขวาออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

พวกนางลงมืออย่างไร้ความปรานี ลูกศิษย์ที่ถูกพวกนางสะเทือนออกไป หากไม่ตายอย่างน่าอนาถ ก็บาดเจ็บสาหัสและพิการ กลิ่นคาวเลือดอบอวลไปทั่วทั้งสนามประลองในพริบตา

เหลือเพียงจอมมารที่ยังนิ่งอึ้งอยู่ในที่เกิดเหตุ ราวกับว่าไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

ผ่านไปเป็นเวลานาน เขาเพิ่งจะดึงสติกลับมาได้ ตะโกนกล่าว “นี่ พวกเจ้าไร้จรรยาบรรณเกินไปแล้วนะ กลับปล่อยข้าให้รั้งท้ายอยู่คนเดียว”

พูดจบ ร่างกายสีแดงเพลิงก็แฉลบทันที ไล่ตามติดกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆไป

คนของเผ่าเทียนเฟิ่นพากันรุมสังหารเข้ามา

จอมมารเสกดอกลำโพงออกมา ดอกลำโพงผลิบานทีละดอกราวกับว่ามีดวงตาขึ้นมาเช่นนั้น เกาะพันลูกศิษย์ของเผ่าเทียนเฟิ่นไม่ปล่อย

“กึกกึกกึก……”

เสียงกัดแทะดังขึ้นทีละเสียง ลูกศิษย์ของเผ่าเทียนเฟิ่นที่ถูกดอกลำโพงเกาะพันไว้ ในเวลาเพียงชั่วครู่ ก็ถูกกัดจนเหลือเพียงกระดูก

จอมมารมีความรวดเร็วมาก วิทยายุทธของเขาสูงส่งแข็งแกร่ง ตลอดทางที่ผ่าน กองทัพแตกพ่ายไปทุกทาง ไม่มีคนเป็นคู่ต่อกรของเขาได้

ในไม่ช้าก็ไล่ตามได้เท่าทันเย่จิ่งหาน

“ข้าเกลียดการเป็นคนสุดท้ายที่สุดแล้ว จะบุกก็ต้องบุกเป็นคนแรก พี่สาว ท่านไม่ต้องกังวลใจ อาโม่จะเปิดทางให้ท่าน”

เปิดทางเสียงหนึ่ง ทุกหนทุกแห่งที่ผ่านไปล้วนเต็มไปด้วยดอกลำโพง

คนที่ถูกดอกลำโพงเข้าใกล้ไม่ตายก็บาดเจ็บ ไม่ช้าจอมมารพุ่งออกไปเส้นทางนองเลือด

กู้ชูหน่วนพุ่งสังหารไปพลาง รู้สึกหวาดผวาไปพลาง

โชคดีที่ชายคนนี้ไม่ได้เป็นศัตรูกับนาง

สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่และรองหัวหน้าเผ่าซือคงยิ่งมองดูก็ยิ่งโกรธ

ทั้งห้าคนนี้ นอกจากกู้ชูหน่วนแล้ว ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือฝืนกฎธรรมชาติ ตลอดทางที่ผ่าน เลือดนองเป็นแม่น้ำ ไม่มีคนสามารถขัดขวางฝีเท้าของพวกเขาได้โดยสิ้นเชิง

เหล่าประชาชนของเผ่าเทียนเฟิ่นอยู่ต่อหน้าของพวกเขา ก็เหมือนดั่งต้นข้าวเช่นนั้น ถูกพวกเขาจัดการอย่างไร้ความปรานี ไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้ตอบโต้ได้แม้สักน้อย

แล้วมองไปที่ป๋จิ่น ก็ไม่รู้ว่านางทำได้อย่างไร หอกน้ำแข็งแต่ละอันผุดออกมาตามอารมณ์ หอกน้ำแข็งทุกอันยิงไปตามอำเภอใจ ก็สามารถยิงถูกหัวใจของผู้คนในเผ่าได้อย่างแม่นยำ