บทที่ 450 สิ่งอันเป็นมงคลมาทางทิศตะวันออก

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“ต้าจื้อ ทางด้านคุณเรียบร้อยดีใช่ไหม?”

เมื่อเห็นว่าหยุ่นหมัวสลบไม่ได้สติ เย่เทียนก็หันไปมองสองพี่น้องหยวนซือที่หมดสติไปก่อนหน้านี้ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าอย่างช่วยไม่ได้ แล้วกดโทรหาตี๋ต้าจื้อ

“นอกจากคุณเฉินขอผมไปหาคุณทุกๆ5นาที ก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

ตี๋ต้าจื้อที่ดูแลเฉินหวั่นชิงและคนอื่นๆบนยอดเขาส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

เย่เทียนได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจขึ้นมาหน่อย ที่แท้เฉินหวั่นชิงแคร์เขามากเหมือนกัน!

แม้พูดเช่นนั้น แต่น้ำเสียงเย่เทียนก็ไม่เปลี่ยน สั่งกำชับอย่างปกติ

“เดี๋ยวผมส่งที่อยู่ไปให้ คุณหาข้ออ้างแล้วออกมา พา3คนนี้กลับไปก็พอ ผมมีเรื่องต้องถามพวกเขา”

“อืม”

ตี๋ต้าจื้อพยักหน้าเบาๆ ไม่ถามอะไรมากอย่างรู้งาน

“จริงสิ ในคนนี้มีคนหนึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดินชั้นกลาง แม้ถูกผมซ้อมจนบาดเจ็บสาหัส แต่คุณก็ต้องระวัง!”

เย่เทียนรีบพูดกำชับออกไป เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

ฟู่!

ทันทีที่พูดออกมาตี๋ต้าจื้อถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ แต่ไม่ทันทีเขาจะได้ถามอะไร เย่เทียนก็วางสายไปเสียแล้ว

แม้เป็นเช่นนั้น แต่ตี๋ต้าจื้อยังรู้สึกตกใจไม่หาย

ก่อนหน้าที่พ่ายแพ้ให้กับเย่เทียน ตี๋ต้าจื้อเคยเดาว่าเย่เทียนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดิน หรือไม่ก็ระดับดินชั้นสูง คิดไม่ถึงว่าตอนนี้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับดินชั้นกลางยังพ่ายแพ้

ถ้าเดาจากส่วนนี้ งั้นเย่เทียนเป็นแดนระดับดินชั้นกลาง?

และอาจเป็นไปได้สูงว่าเป็นระดับดินชั้นต่ำ!

บวกกับที่เย่เทียนเป็นปรมาจารย์ปรุงยา……

ตี๋ต้าจื้อแอบรู้สึกดีใจ จากท่าทีที่เย่เทียนแสดงออกในตอนนี้ ถ้าพัฒนาได้อย่างราบรื่น วันข้างหน้าคงประสบความสำเร็จไปถึงผู้แข็งแกร่งระดับฟ้า?

มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับดินเท่านั้น ที่สามารถสร้างกองกำลังแข็งแกร่งบนโลกได้ ถ้ามีผู้แข็งแกร่งระดับฟ้าเป็นผู้นำ กองกำลังที่สร้างขึ้นอาจเป็นอันดับหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้!

แต่เย่เทียนไม่รู้ว่าตี๋ต้าจื้อคิดอะไรอยู่ หลังจากวางสาย ตรวจดูหยุ่นหมัวและคนอื่นๆทั้ง3

เมื่อมั่นใจว่าหยุ่นหมัวทั้ง3ยังไม่ฟื้นขึ้นมาชั่วขณะ เย่เทียนก็ไม่สนใจพวกเขาอีก รีบกลับไปบนยอดเขา

ณ บนยอดเขาภูเขาเฟิ่งหวง เนื่องจากเรื่องงูพิษก่อนหน้านี้ ทุกคนก็ยังยืนอยู่ที่เดิม รอเย่เทียนกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ

ผ่านไปประมาณ1ชั่วโมง ใยที่สุดเย่เทียนก็โผล่มาต่อสายตาของทุกคนเสียที

“เย่เทียน คุณเป็นอะไรไหม?”

เมื่อเห็นเย่เทียนปรากฏตัว เฉินหวั่นชิงก็รีบเข้าไปหาทันที

“ที่รัก ถ้าผมเป็นอะไร คุณคิดว่าผมยังยืนอยู่ตรงนี้ได้เหรอ?”

เมื่อเห็นหญิงสาวสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เย่เทียนก็ยิ้มๆออกมา รู้สึกการทุ่มเททั้งหมดก่อนหน้านี้นั้นคุ้มค่าแล้ว

“ทำไมคุณไปนานขนาดนั้น? ไม่รู้เหรอว่าพวกเราเป็นห่วง? ”

หลังจากมองสำรวจเย่เทียน แล้วมั่นใจว่าเย่เทียนไม่เป็นอะไร เฉินหวั่นชิงก็โล่งใจ แต่จงใจทำสีหน้าบูดบึ้ง

“ใช่ๆ! จู่ๆก็วิ่งออกไป แผ่นดินไหวเมื่อครู่ก็ยังไม่กลับมา หวั่นชิงสีหน้า……”

แซ่เจียยืนขึ้น สาดคำพูดใส่เย่เทียนทันที

“แค่กๆ!”

แต่แซ่เจียยังพูดไม่ทันจบ เฉินหวั่นชิงก็รีบกระแอมออกมา ใบหน้าสวยแดงก่ำขึ้นโดยไม่รู้ตัว

แซ่เจียเข้าใจ รีบปิดปากทันที แต่ยังคงมองเย่เทียนด้วยสายตาไม่พอใจดังเดิม

พอตั้งใจมองดีๆ แซ่เจียกลับสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ!

แม้กลางคืนจะมืด แต่แซ่เจียตาแหลมคม พบว่ามีร่องรอยเลือดอยู่บริเวณปลายเสื้อเย่เทียน!

ตอนเย่เทียนฆ่างูก่อนหน้านี้ ใช้แค่ส้อมบาร์บีคิว เป็นไปไม่ได้ที่เลือดงูจะกระเด็นโดนไปถึงเอว

และจากการวิเคราะห์ท่าทีของเย่เทียน ครอบเลือดนี้ไม่มีทางเป็นของเย่เทียนแน่นอน

ในเมื่อไม่ใช่ทั้งสองฝ่าย งั้นมีคนอื่นมาหาเรื่องงั้นเหรอ!

“มิน่าหมอนี่ถึงออกไปตั้งนาน……”

ทันใดนั้นแซ่เจียก็กลับไปนึกถึงสิ่งที่เย่เทียนเคยทำตอนอยู่บนเครื่องบิน แสงสว่างวาบเข้ามาในสมอง นึกถึงความเป็นไปได้มากที่สุด!

“แผ่นดินไหวเมื่อครู่ คงไม่ใช่เพราะคุณสู้กับคนอื่นหรอกใช่ไหม?”

ทันใดนั้น สายตาที่แซ่เจียมองเย่เทียนยิ่งแปลกเข้าไปอีก ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เย่เทียนคงแข็งแกร่งมาก!

คิดเช่นนั้น ดวงตาสวยของแซ่เจียก็มองเย่เทียนด้วยความสงสัย แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะถาม จึงไม่พูดอะไรออกมาอย่างรู้งาน

เย่เทียนไม่รู้ว่าแซ่เจียกำลังคิดอะไรอยู่ แม้เฉินหวั่นชิงขวางเธอไม่ให้พูดจนจบ แต่เย่เทียนจะไม่รู้ได้ยังไงว่ามันคือเรื่องอะไร

เฉินหวั่นชิงน่าจะตกใจกับแผ่นดินไหวเมื่อครู่?

“ดึกมากแล้ว ทุกคนรีบพักผ่อนเถอะ!”

แม้รู้อยู่แก่ใจดี เย่เทียนกลับไม่มีพิรุธแม้แต่น้อย พูดโน้มน้าวให้ทุกคนเข้าไปพักผ่อนในเต็นท์ด้วยรอยยิ้ม

แม้ทุกคนอยากรู้ว่าเมื่อครูเย่เทียนไปเจออะไรมา แต่เย่เทียนก็แสดงออกว่าไม่อยากพูดถึง ทุกคนจึงเก็บความงงงวยไว้ในใจ ทยอยกันกลับไปยังเต็นท์ของตัวเอง

เมื่อเห็นว่าอีก2-3ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว เย่เทียนที่กลับเต็นท์มาคนเดียวยังไม่นอน ตั้งท่าจะเข้าสู่การฝึกตน ฟื้นฟูชี่ทิพย์ที่เพิ่งใช้ไปเมื่อครู่

เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เย่เทียนรู้แค่ว่ารัศมีของชี่ทิพย์ฟ้าดินเพิ่มมากขึ้น และมีพลังสีม่วงเพิ่มขึ้นขณะชี่ทิพย์กำลังไปในร่างกาย!

ที่เย่เทียนแปลกใจที่สุดคือ หน้าปกทองที่เงียบหายไปนานในสมองของเขา ในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง!

เหมือนกับตอนที่ดูดซับชิ้นส่วนชี่ทิพย์เป็นครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น หน้าปกทองทำให้เย่เทียนท่วมท้นไปด้วยความปรารถนา ที่อยากจะกลืนกิน ดูดซับเก็บพลังสีม่วงนั่นอย่างกระหาย!

แม้เย่เทียนไม่ค่อยเข้าใจมากนัก แต่ก็เก็บความกระหายนั่นไว้ไม่ได้ รีบปล่อยคัมภีร์หวงออกมาอย่างบ้าคลั่ง กลืนกินชี่ทิพย์ฟ้าดินรอบๆ

น่าเสียดายที่ปรากฏการณ์ประหลาดนี้อยู่ได้ไม่นาน อยู่แค่ประมาณ10นาที จากนั้นเย่เทียนก็สังเกตได้ว่า ชี่ทิพย์ฟ้าดินที่ดูดซับเข้ามานั้นไม่มีพลังสีม่วงแม้แต่น้อย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เย่เทียนจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่เข้าใจเลยว่าจริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่

“เย่เทียน! เย่เทียน! รีบออกมาดูพระอาทิตย์ขึ้นเร็ว!”

เย่เทียนยังคิดไม่ตก ก็มีเสียงตื่นเต้นของเฉินหวั่นชิงดังมาจากนอกเต็นท์

เย่เทียนสมองสว่างวาบ รีบเปิดเต็นท์แล้วออกไปทันที

เห็นดวงอาทิตย์สีแดงปรากฏขึ้นกลางอากาศที่ไกลออกไป กำลังเปล่งแสงจางๆออกมาไปยังท้องฟ้าและโลกอันกว้างใหญ่!

“คนโบราณไม่เคยหลอกผม มีสิ่งอันเป็นมงคลมาทางทิศตะวันออกดั่งที่ว่าไว้จริงๆ!”

เมื่อมองดูพระอาทิตย์ที่เพิ่งปรากฏขึ้นอยู่ไกลๆ เย่เทียนภายนอกดูสงบ แต่กลับมีหลากหลายความรู้สึก เหม่อลอยไปพักใหญ่…