ตอนที่ 700 ไป๋อู่ที่ไม่เหมือนเดิม
หลิงอวี้จื้อนอนหลับถึงตอนเย็น ตอนที่ตื่นขึ้นมาข้างนอกก็มืดไปนานแล้ว มั่วชิงฟุบลงบนโต๊ะและงีบหลับ
หลิงอวี้จื้อปีนลงจากเตียง เพิ่งจะลุกขึ้นคิดว่าจะเอาผ้าคลุมไหล่ให้มั่วชิง มั่วชิงก็ลืมตาเสียแล้ว
“พระชายา ตื่นแล้วหรือเพคะ”
“ข้านึกว่าเจ้าหลับแล้ว ง่วงหรือไม่ มิเช่นนั้นไปนอนสักครู่ เดี๋ยวข้าเฝ้าเอง”
“ข้าน้อยไม่ง่วง”
“เช่นนั้นพวกเราลงไปหาอะไรกินกันเถอะ!”
หลิงอวี้จื้อกลั้วคอเสร็จ ก็พามั่วชิงลงไปข้างล่าง ตอนนี้ภายในโรงเตี๊ยมไม่มีแขกแล้ว สงบสบายมาก ไป่อู๋ยังยืนอยู่ที่โต๊ะต้อนรับแขก นอกจากนั้น ข้างกายนางยังมีชายวัยกลางคนยืนอยู่อีกคน
ชายวัยกลางคนผู้นี้หน้าตาไม่ดี พุงโต สวมหมวก รูปร่างเจ้าเนื้อ
หากเดาไม่ผิดนี่คงจะเป็นเถ้าแก่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายสามีของไป่อู๋จะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นเธอมองออกว่าไป่อู๋ชอบพอเฉินเสี้ยวหรู
ดูเหมือนไป่อู๋จะรักใคร่กันดีกับชายวัยกลางคนผู้นี้ สองคนพูดคุยยิ้มกันตลอดเวลา แววตาชายวัยกลางคนอ่อนโยนมาก เห็นได้ชัดว่าดีกับไป่อู๋มาก ท่าทางหลงรักเช่นนั้น ราวกับเขามองไป่อู๋เป็นลูกสาว
หลิงอวี้จื้อสั่งอาหารไปส่ง ๆ ไป่อู๋ยกอาหารมาเอง เธอรู้สึกว่าไป่อู๋ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่เหลือร่องรอยความเป็นปฏิปักษ์และความเย็นชา ราวกับบอกลาชีวิตสมัยก่อนไปแล้วจริง ๆ
นี่เป็นเรื่องดี หากไป่อู๋เดินทางที่ถูกที่ควรแล้ว เธอก็จะไม่รบกวนชีวิตของไป่อู๋ ใครไม่เคยเดินทางผิดบ้าง ที่สำคัญคือจะเดินต่อไปอย่างไรเมื่อต้องจ่ายไปแล้ว บางคนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก บางคนเริ่มต้นชีวิตใหม่
หลิงอวี้จื้อคีบเต้าหู้มาชิ้นหนึ่ง กำลังจะเอาเข้าปาก จู่ ๆ มั่วชิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอก็ลุกขึ้น ชักดาบออกมา จากนั้น ก็เห็นจื่ออีเดินเข้ามา ข้างหลังมีทหารตามมากองใหญ่ นอกจากทหารไม่กี่คนที่ตามจื่ออีเข้ามาแล้ว คนข้างหลังทั้งหมดก็อยู่เฝ้าข้างนอกโรงเตี๊ยม
เห็นสถานการณ์เช่นนี้ สีหน้าไป่อู๋ก็เปลี่ยน แล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างเร็ว
หลิงอวี้จื้อเหลือบตามองครู่หนึ่ง ก็เอาเต้าหู้ที่อยู่บนตะเกียบเข้าปากต่อ
“ป้าจื่ออีมาได้ตรงเวลาจริง ๆ ข้าสั่งอาหารมาไม่น้อย หากป้าจื่ออีหิว มากินด้วยกันสักหน่อยก็ได้”
“พระชายาเกรงใจเกินไปแล้ว บ่าวจะกล้าทานร่วมโต๊ะกับท่านได้อย่างไร นายข้าเตรียมสุราอาหารไว้แล้ว เชิญพระชายาไปด้วยกันหน่อยเพคะ”
หลิงอวี้จื้อกลืนเต้าหู้อย่างอ้อยอิ่ง ภายนอกดูสงบนิ่ง แต่ภายในใจไม่สงบเลย มู่หรงกวานเย่ว์เตรียมคนไว้เท่าไหร่กันแน่
นางเพิ่งมาโรงเตี๊ยมไม่นานเท่าไหร่ มู่หรงกวานเย่ว์ก็รู้ข่าวแล้ว มิหนำซ้ำคนที่จื่ออีพามาด้วยเห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร หรือว่าเจ้าหน้าที่ทหารในฮุ่ยโจวจะเป็นพวกเดียวกับมู่หรงกวานเย่ว์ หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ลำบากแล้ว คิดจะออกไปจากฮุ่ยโจวโดยสวัสดิภาพ ไม่ง่ายแน่
“เช่นนั้นรบกวนป้าจื่ออีนำทางด้วย”
หลิงอวี้จื้อต้องการพบมู่หรงกวานเย่ว์อยู่แล้ว เธอก็รู้ว่าพวกนางจะต้องเป็นฝ่ายมาหาเธอก่อน เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ซ้ำยังขนคนมาเป็นขบวนด้วย
สองคนตามจื่ออีออกไปจากโรงเตี๊ยม ตอนที่เดินไปถึงธรณีประตูหลิงอวี้จื้อก็พูดว่า
“พวกเรายังไม่ได้จ่ายค่าห้อง รบกวนป้าจื่ออีจ่ายสักหน่อย”
จื่ออีล้วงเงินออกมาก้อนหนึ่งวางบนโต๊ะต้อนรับแขก มองไป่อู๋แวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร พาคนออกไปจากโรงเตี๊ยม
การมองแวบนั้นทำให้ไป่อู๋รู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกว่าชีวิตอันสงบสุขกำลังจะสิ้นสุดแล้ว นางเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามมาถึงฮุ่ยโจว คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วสวรรค์ก็ปล่อยให้นางสมปรารถนา
หลิงอวี้จื้อตามพวกนางมาถึงคฤหาสถ์ที่มู่หรงกวานเย่ว์พักอยู่ ในห้องทานข้าวมีสุราอาหารเต็มโต๊ะ เห็นได้ชัดว่ามู่หรงกวานเย่ว์ไม่ได้เพิ่งรู้ว่าพวกนางมาฮุ่ยโจว ของพวกนี้เตรียมไว้ก่อนแล้ว
ตอนที่ 701 ฝ่าบาทคงไม่ซาบซึ้งกับการกระทำของท่าน
มู่หรงกวานเย่ว์นั่งอยู่หัวโต๊ะ สวมชุดสุภาพสีม่วง ถึงแม้ว่าไม่ได้ดูหรูหราสูงส่งเท่ากับในวัง แต่ก็ยังดูสูงศักดิ์น่าเคารพกว่าใครเช่นเดิม เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้อมา นางก็ยกปากยิ้ม
“เราไม่รู้ว่าควรจะเรียกเจ้าอย่างไรแล้ว ควรจะเรียกว่าพระชายาหยวนเฟยหรือพระชายาเซียวอ๋อง”
“ท่านเรียกข้าว่าอวี้จื้อก็พอ ทั้งสองคำเรียกนั้นอันที่จริงท่านไม่ได้อยากจะเรียกเลยสักชื่อ มิจำเป็นต้องฝืนตนเอง เซียงหนานล่ะ”
“ไม่ต้องรีบร้อน นั่งลงทานอะไรก่อนเถิด”
มู่หรงกวานเย่ว์ยกซุปขึ้นมาชามหนึ่ง คนช้อนอย่างผู้ดี พูดชวนกิน
“ก่อนมาข้าทานเรียบร้อยแล้ว ท้องยังอิ่มอยู่ ทานไม่ลงแล้ว ที่จริงข้านับถือไทเฮามาก ท่านโหดเหี้ยมอำมหิตจริง ๆ เพื่อจะบังคับให้ข้ามาปรากฏตัวต่อหน้า ถึงกับใช้เซียงหนานเป็นเป้าล่อ หลานชายของท่านแท้ ๆ ไม่กลัวว่าบิดาของท่านจะไม่ยกโทษให้ตลอดชาตินี้หรือ”
มู่หรงกวานเย่ว์ดื่มซุปไปหนึ่งคำ ถึงพูดต่อ
“เขาไม่ยกโทษให้แล้วเกี่ยวอะไรกัน ตั้งแต่เราเข้าวังไปแล้ว เราก็มิใช่ลูกสาวของเขาแล้ว”
“ข้ากลัวก็แต่ว่าฝ่าบาทคงไม่ซาบซึ้งกับการกระทำของท่าน”
“แม่ลูกหัวใจเชื่อมถึงกัน ต้องมีสักวัน เขาจะเข้าใจในสิ่งที่เราทำเพื่อเขา”
หลิงอวี้จื้อพูดประชด
“ท่านกับไต้เท้ามู่หรงก็มีความสัมพันธ์พ่อลูกหัวใจเชื่อมถึงกัน ท่านก็ไม่เห็นจะเข้าใจบิดาของตนเอง มิเช่นนั้นคงไม่ลงมือกับหลานชายของเขาทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าหลานชายคนนี้เป็นชีวิตจิตใจของเขา ทำเช่นนี้มิใช่จะเอาชีวิตของบิดาท่านไปหรอกหรือ ท่านทำเรื่องเหล่านี้ลับหลังฝ่าบาท ท่านไม่เห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตาแม้แต่นิดเดียว”
“เจ้าเป็นใคร มิใช่กงการอะไรของเจ้าต้องมาสั่งสอนข้า”
มู่หรงกวานเย่ว์แววตาเย็นชาทันที คนอื่นเห็นแววตาเช่นนี้ต่างกลัวหัวหด แต่หลิงอวี้จื้อกลับไม่กลัว มองปะทะสายตากับมู่หรงกวานเย่ว์ตรง ๆ
นางกับมู่หรงกวานเย่ว์นับว่าเป็นคนเคยคุ้น ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ซับซ้อนจนไม่สามารถใช้ประโยคเพียงประโยคเดียวมาสาธยายได้ มู่หรงกวานเย่ว์ก็มิใช่คนที่สูญเสียความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เลวร้ายสุดขีดเช่นนั้น
ผู้หญิงคนนี้มีความซับซ้อนมาก ซับซ้อนกว่าเจียงสือ บางเรื่องที่นางทำก็น่าโมโห เช่นเรื่องที่นางทำกับมู่หรงเซียงหนาน อย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็ใจโหดจริง
“เราไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระกันแล้ว ข้าก็มาแล้ว ท่านรีบส่งเซียงหนานกลับไปเถิด”
“เจ้าเป็นห่วงเซียงหนานจริงหรือ”
“เขาเป็นลูกคนเดียวของนี่อวิ๋น ในฐานะพี่สาวแท้ ๆ ของนี่อวิ๋น ท่านลงมือทำเช่นนี้กับลูกของเขา ท่านสู้หน้านี่อวิ๋นได้หรือ”
“เราต้องสู้หน้าราชวงศ์เว่ยตะวันตกให้ได้มากกว่า”
หลิงอวี้จื้อยังมองมู่หรงกวานเย่ว์อยู่เช่นเดิม
“ท่านทำเช่นนี้เพื่อราชวงศ์เว่ยตะวันตก ท่านทำเช่นนี้เพื่อฝ่าบาท ท่านอยากช่วยฝ่าบาทปกป้องชาติบ้านเมือง เพียงแต่น่าเสียดายที่บางครั้งผลที่ได้กลับตรงกันข้าม ท่านคิดจะทำเช่นนี้ แต่สวรรค์ก็ไม่เป็นใจให้ท่านเสียอย่าง จิตใจคนควบคุมไม่ได้ สิ่งที่ฝ่าบาทต้องการกับสิ่งที่ไทเฮาต้องการไม่เหมือนกันเลย”
“เขาเพียงแต่ถูกเจ้าปั่นหัวเท่านั้น”
หลิงอวี้จื้อขี้เกียจจะคุยเรื่องเหล่านี้กับมู่หรงกวานเย่ว์ ตอนนี้เธอคิดถึงแต่เซียงหนาน จากนั้นพูดว่า
“ข้าอยากเจอเซียงหนาน”
มู่หรงกวานเย่ว์พยักหน้าให้จื่ออี เป็นสัญญาณให้จื่ออีพาหลิงอวี้จื้อไปพบมู่หรงเซียงหนาน จื่ออีทำท่าเชิญหลิงอวี้จื้อ แล้วเดินนำทางข้างหน้า
หลิงอวี้จื้อไม่รู้ว่าตอนนี้เซียงหนานเป็นอย่างไรบ้าง เดินตามจื่ออีไป เมื่อจื่ออีผลักประตูเปิดออกแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ไม่ได้พบเซียงหนานทันที สุดท้ายก็พบเซียงหนานอยู่ที่มุมห้อง เด็กน้อยที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใส ตอนนี้ขดตัวอยู่มุมผนัง มุดหัวอยู่ในเข่า หากไม่สังเกต ก็มองไม่เห็นเขาเลย
เห็นเซียงหนานกลายเป็นเช่นนี้ หลิงอวี้จื้อก็ปวดใจ เธอรีบเดินเข้าไปหามู่หรงเซียงหนาน นั่งยองลง เรียกเบา ๆ ว่า
“เซียงหนาน”