ในที่สุด ร่างของพวกเขาก็หยุดที่บริเวณใต้เนินเขาซึ่งมีหญ้าหนาทึบ
ที่นี่มีความชุ่มชื่นเพียงพอ ต้นหญ้าเติบโตสูงเท่าตัวคน ปกคลุมร่างของทั้งสองได้พอดี เหล่าหิ่งห้อยและแมลงยังคงโบยบินทอแสงระยิบระยับอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังส่งเสียงร้องอยู่เหนือท้องฟ้า
“ซูจิ่นซี เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการโต้เถียงกับข้าว่าผู้ใดควรอยู่ด้านบน ผู้ใดควรอยู่ด้านล่าง? ”
ซูจิ่นซีที่ดิ้นรนด้วยความเขินอาย รีบใช้สองมือปิดแก้มตนเองและหันหน้าไปทางอื่นโดยไม่เหลียวมองเยี่ยโยวเหยา
นางไม่กล้ามองเยี่ยโยวเหยา ทว่านางยังมีความอาลัยอาวรณ์ จึงใช้หางตาเหลือบมองเขา
ไม่รู้ว่าเสื้อผ้าบางส่วนบนร่างของเยี่ยโยวเหยาหายไปตั้งแต่เมื่อใด ผิวหนังสีน้ำตาลเข้มที่มีผิวสัมผัสอันไร้ที่ติพลันปรากฏอยู่ตรงหน้า เปล่งประกายท่ามกลางแสงจันทร์
แม้จะเป็นเพียงการชำเลืองมองเล็กน้อย ทว่ารูปร่างนั้นกลับดึงดูดสายตาของซูจิ่นซีเป็นอย่างมาก ราวกับมีเวทมนตร์ดึงดูดนาง ทำให้ไม่อาจขยับตัวไปที่ใดได้อีก
ศีรษะของนางค่อยๆ หันกลับมาอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาที่ ‘กล้าหาญ’ มองกล้ามเนื้อหน้าท้องของเยี่ยโยวเหยา ก่อนจะเคลื่อนไปยังใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาของเขา
ขณะที่ซูจิ่นซีสบสายตากับเยี่ยโยวเหยา ดูเหมือนว่านางจะหลงเสน่ห์อันเย้ายวน จนลืมความเขินอาย ลืมการหลบหลีก และลืมไปว่ายามนี้พวกเขาอยู่ในที่รกร้างท่ามกลางแสงจันทร์
เนื่องจากดวงตาดำขลับลึกซึ้งนั้น นอกจากจะเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่และความโปรดปรานแล้ว นางยังเห็นภาพเงาอันงดงามของตนเองอีกด้วย
สายลมพัดผ่านแผ่วเบา พัดให้เส้นผมของเยี่ยโยวเหยาพลิ้วไสวไปในอากาศ ทั้งยังปลุกซูจิ่นซีให้ตื่นขึ้นจากความคิดฟุ้งซ่าน
ในที่สุดนางก็ได้สติรับรู้ว่าตนเองกำลังทำสิ่งใด และจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อไป ทว่าบุรุษผู้นั้นคือเยี่ยโยวเหยา แม้ในอนาคตต้องเผชิญหน้ากับเปลวเพลิงที่ลุกโชนจากขุมนรก นางก็ไม่เสียใจ
เยี่ยโยวเหยาสังเกตเห็นความแน่วแน่ในดวงตาของซูจิ่นซี ดวงตาของเขาพลันปรากฏความรักอันลึกซึ้งและความสุข เขา จ้องมองซูจิ่นซีราวกับกลัวว่าจะพลาดข้อมูลเพียงเล็กน้อย
“จิ่นซี เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่เสียใจที่ต้องมอบชีวิตที่เหลือให้ข้า? ”
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากแผ่วเบา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมั่นคง “ไม่เสียใจเพคะ! ”
ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาลุ่มลึกด้วยความเสน่หาและความปรารถนา เขายกยิ้มมุมปาก “ต่อให้เสียใจ ก็ไม่ทันแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ให้โอกาสเจ้า! ”
ความรักเป็นดั่งท้องทะเลและท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ พวกเขาโอบกอดและมอบความรักให้กันอย่างดูดดื่ม
ท่ามกลางความเร่าร้อนครั้งแล้วครั้งเล่าของเยี่ยโยวเหยา ร่างของซูจิ่นซีราวกับเมฆที่ลอยล่องบนท้องฟ้า ไร้สติราวกับภาพลวงตาอันไร้ตัวตน
เมื่อกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ซูจิ่นซียังคงอยู่ในอ้อมกอดของเยี่ยโยวเหยา
นางยังสวมเสื้อผืนบางสีขาวราวหิมะ เยี่ยโยวเหยาโอบกอดนางและพาเดินไปตามทางรกร้างว่างเปล่าอันไร้จุดสิ้นสุด
แสงจันทร์ยังคงงดงาม เหล่าหิ่งห้อยและแมลงต่างทอแสงโบยบินล้อมรอบอยู่ด้านบนและด้านหลังของพวกเขา พวกมันเป็นดั่งเกลียวคลื่นในท้องทะเลที่ม้วนตัวตามสายลมอย่างต่อเนื่อง ดอกไม้หลากสีสันและต้นหญ้าสีเขียวขจีส่งกลิ่นหอมรัญจวน แม้จะมองไปไกลสุดสายตา สิ่งที่เห็นก็ยังเป็นดอกไม้หลากสีสัน ต้นหญ้าสีเขียวขจี หิ่งห้อย และดินแดนสุดขอบฟ้า ภาพที่งดงามเช่นนี้ราวกับแดนสวรรค์บนดิน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทิวทัศน์เบื้องหน้าจะงดงามเพียงใด ก็ไม่งดงามเท่าใบหน้าคนรักของนาง
ซูจิ่นซีค่อยๆ เงยหน้ามองแก้มและดวงตาที่สว่างสดใสราวกับแสงสุริยันจันทราของเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยารับรู้ได้ถึงสายตาของซูจิ่นซี จึงหรี่ตาลง “ตื่นแล้วหรือ? ”
แก้มของซูจิ่นซียังคงแดงระเรื่อไม่จางหาย นางหลับตาลง พลางถูศีรษะกับหน้าอกของเยี่ยโยวเหยาดั่งแมวน้อยที่เอาแต่ใจ
“เยี่ยโยวเหยา พวกเรากำลังจะไปที่ใด? ”
เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยด้วยความหลงใหล ทว่าไม่ได้ตอบคำถามซูจิ่นซี
“หากยังเหนื่อยอยู่ ก็พักสักหน่อย”
“เพคะ! ”
ซูจิ่นซีขยับศีรษะหามุมที่ตนเองรู้สึกสบาย ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
เยี่ยโยวเหยาเกรงว่าจะรบกวนการนอนหลับฝันหวานของซูจิ่นซี จึงก้าวเดินให้ช้าลงและนุ่มนวล
ยามนี้ผู้ใดจะคิดว่า เยี่ยโยวเหยา ผู้ที่ทุกคนเล่าลือกันว่าน่าเกรงขาม ไม่ชอบใกล้ชิดสตรี ไม่เข้าใจวิธีดูแลเอาใจใส่สตรี ทั้งยังเย็นชา โหดร้าย และอำมหิตราวกับปีศาจ วันหนึ่งจะแสดงท่าทีอ่อนโยนและทรงเสน่ห์เช่นนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าสตรีกลับเอาใจใส่ รอบคอบ และระมัดระวังไม่ให้ตนเองก้าวเดินเร็วเกินไป
หากเรื่องนี้แพร่กระจายไปถึงหูสตรีที่หวาดกลัวข่าวลือของโยวอ๋อง ทว่าพวกนางยังคงโศกเศร้ากับข่าวความสัมพันธ์ส่วนตัวของคนทั้งสอง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะดึงดูดแววตาอิจฉามากมายเพียงใด?
การนอนหลับครั้งนี้ ซูจิ่นซีหลับลึกอย่างสบายอารมณ์
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ซูจิ่นซีก็อยู่ท่ามกลางน้ำพุร้อนกลางหุบเขา ซึ่งรายล้อมไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ ไอน้ำที่ลอยละล่อง และสตรีในชุดคลุมสีดอกท้อซึ่งกำลังโปรยกลีบดอกไม้ลงไปในน้ำพุร้อนอย่างต่อเนื่อง ราวกับนางกำลังอยู่ในแดนสวรรค์
เยี่ยโยวเหยาสวมชุดสีดำบางเบา ปล่อยผมยาวระแผ่นหลัง เท้าเปลือยเปล่าเหยียบย่ำแผ่นหินที่มีตะไคร่น้ำ และเดินมาหานางอย่างเชื่องช้า
เมื่อเดินเข้ามาใกล้ เยี่ยโยวเหยาก็เอนตัวนั่งลงข้างซูจิ่นซี และมองแววตาที่สับสนของนาง
“ตื่นแล้วหรือ? ”
ทว่าซูจิ่นซีกลับมองผ่านละอองน้ำบางเบา สายตาของนางเคลื่อนจากคิ้วของเยี่ยโยวเหยาไปที่หน้าอก ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่