บทที่ 53 การทดลอง
รถม้าที่เพิ่งซ่อมปรับปรุงมาใหม่นั้นมั่นคงกว่าเดิมมาก กระทั่งถ้วยที่รินน้ำจนปริ่มยังไม่มีน้ำกระฉอกออกสักหยด
ซาเค่อนอนราบอยู่บนแท่นทดลอง เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าร่างตนเองถูกผ้าขาวหลายชั้นคลุมเอาไว้
ข้างตัวมีใครคนหนึ่งยืนอยู่ ซูเฉินนั่นเอง เขากำลังถือมีดผ่าตัดไว้ในมือ มุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ช่วงท้องของซาเค่อและเหมือนลงมือทำบางอย่างอยู่
ซาเค่ออยากยกศีรษะตนขึ้นเพื่อดูว่าซูเฉินทำอะไรกับเขา แต่พบว่าตนขยับร่างไม่ได้เลย
ในร่ายไร้พลัง กระทั่งนิ้วยังขยับได้ยากเย็น จะรวมพลังต้นกำเนิดนั้นลืมไปได้เลย
“ฟื้นแล้วหรือ ?” ซูเฉินหันมาจ้อง มือซ้ายถือเนื้อริ้วหนึ่งเอาไว้สบาย ๆ ก่อนได้ยินเสียงแหมะเมื่อเขาโยนมันลงถาดเงินที่อยู่ไม่ไกลนัก
“เจ้า…… ทำ…… อะไร…… กับ…… ข้า……?”
“ข้าทำอะไรหรือ ?” ซูเฉินหัวร่อ “แค่วิเคราะห์กายวิภาคของร่างกายเจ้าอย่างไรเล่า อ้อใช่ ตอนนี้เจ้าอาจจะมองไม่เห็น ให้ข้าช่วยก็แล้วกัน”
เขาวางมีดในมือลงแล้วยกศีรษะซาเค่อขึ้น
ซาเค่อเห็นช่วงท้องตนถูกแหวกออก เห็นเครื่องในสีแดงสดหลากชนิด หนึ่งในนั้นยังเต้นตุบอย่างบ้าคลั่งอีกด้วย
ซาเค่อชะงักงันไป “เจ้า……”
จู่ ๆ เขาก็หายใจลำบากขึ้นมา
“เห็นชัดหรือไม่ ?” ซูเฉินวางศีรษะเขาลง “เจ้าอย่ากังวลเลย ไม่ได้รู้สึกเจ็บใช่ไหมเล่า ? นี่คือยาชาที่ข้าคิดค้นขึ้น ยอดเยี่ยมมากเลยใช่หรือไม่ ? ปีนั้นที่ข้าได้เดินทางไปซากโบราณลุ่มน้ำทอง ข้าต้องทำการผ่าตัดฉุกเฉินให้สหาย โอ้ เจ้าจินตนาการถึงความเจ็บปวดของเขาเมื่อตอนนั้นไม่ได้หรอก ! เขาบอกยอมตายดีกว่ายอมให้ข้าผ่าเขา เมื่อตอนนั้นข้าก็คิดจะสร้างยาที่ช่วยทำให้เกิดอาการชาสลายความเจ็บปวดไว้แล้ว หลายปีต่อมาก็ทำสำเร็จ แต่มันใช้ได้กับคนที่มีกำลังต่ำเท่านั้น ย่อมใช้ไม่ได้กับคนด่านสู่พิสดาร ข้าพยายามปรับปรุงมันมาโดยตลอด ในคลังสมบัติลับของขาปี่เอ๋อซือ ข้าพบสูตรสร้างสสารตัวหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารมึนงงสับสนได้ ข้านำมันมาปรับเล็กน้อยและลองใช้กับเจ้าดู ท่าจะใช้งานได้ดี”
ซูเฉินยิ้มพึงพอใจ
“เจ้า…… สังหารข้าไปเลยเถอะ !” ซาเค่อร้องเสียงแหบ
“ไม่ ๆ เจ้าจะไม่ตายง่าย ๆ เช่นนั้น ข้าไม่อยากทำเช่นนั้น เผ่าเกล็ดทรายเป็นเผ่าที่คล้ายคลึงมนุษย์ที่สุดแล้ว ทั้งยังใช้วิธีทะลวงพลังแบบเดียวกันอีก นั่นทำให้เจ้าเป็นตัวทดลองที่มีคุณสมบัติเหมาะนัก หากข้าต้องการพัฒนาวิธีทะลวงสู่พิสดารโดยไร้สายเลือดก็ต้องให้เจ้าช่วย”
“เจ้า…… ฝันเฟื่องกระมัง !” ซาเค่อร้องโหยหวนเสียงแหบแห้ง.
ซูเฉินถอนใจ “ใช่ มันเป็นแค่ฝันเท่านั้น แต่เจ้ารู้อะไรหรือไม่ ? ยิ่งเจ้าลงมือทำบางอย่าง เจ้าก็ยิ่งทำมันเก่ง เรื่องฝันก็เช่นกัน อาจารย์ข้าก็ทำจุดมุ่งหมายขนาดย่อมสำเร็จไปแล้วสองอย่าง สำหรับข้า การทะลวงสู่ขั้นพลังสูงขึ้นโดยไร้สายเลือดนั้นไม่ใช่ฝันกลางวันที่ไร้หนทางสำเร็จ มันสามารถทำได้จริง…. และนั่นคือส่วนที่สำคัญที่สุด”
เขาหยุดไปเล็กน้อยก่อนว่าต่อ “การไล่ตามความฝันนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างน่าเหลือเชื่อ เจ้าไม่รู้ว่าระหว่างทางจะพบอะไรบ้าง ดังนั้นอย่างน้อยข้าก็ต้องเชื่อมั่นว่ามันเป็นฝันที่จะเป็นจริงได้ มีแต่เชื่อมั่นเช่นนี้จึงจะทำให้มีแรงใจเดินหน้าต่อ”
“ไอ้บัดซบ…… ข้า…… ไม่เกี่ยว” ซาเค่อเค้นเสียงออกมา
ซูเฉินยักไหล่ “เจ้าเป็นตัวทดลองของข้า ก็หมายความว่ามันเกี่ยวกับเจ้าด้วยไม่ใช่หรือ ? อีกทั้งยังมีเรื่องบางอย่างที่ข้าพูดกับคนอื่นไม่ได้ ดังนั้นจึงได้แต่เอามาพูดกับเจ้า”
“บัดซบ…… ข้าจะฆ่าเจ้า…… !”
ซูเฉินไม่โกรธ ยังคงจดบันทึกต่อ “ยาใจหินมีความสามารถช่วยยับยั้งความเจ็บปวดได้ดีมาก ตัวทดลองยังมีสติอยู่ดี อวัยวะก็อยู่ในสภาพดี ผลข้างเคียงอื่น ๆ ยังไม่ปรากฏ ดังนั้นยาตัวนี้สามารถนำมาใช้ได้”
หลังจากจดบันทึกแล้ว ซูเฉินก็เอ่ยเสียงขอโทษขอโพย “ขออภัยด้วย ข้าดันพาออกนอกเรื่อง จุดหมายที่สำคัญที่สุดคือการค้นคว้าการทะลวงสู่ด่านสู่พิสดารโดยไร้สายเลือด ทว่าระหว่างทางข้าก็ยังทดลองเรื่องอื่นได้เสมอ ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานเราจะกลับเข้าหนทางที่ถูกต้องแล้ว”
“หนทาง…… ที่ถูก…… มารดา…… เจ้า…… สิ……”
ซูเฉินเริ่มใช้มีดกรีดเปิดร่างซาเค่ออีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ลากตั้งแต่ช่วงท้องไปจนถึงอก “หากคนด่านสู่พิสดารถูกเฉือนเนื้อเปิด เครื่องในยังอยู่ดี อย่างน้อยก็จะมีชีวิตรอดอีก 3 วัน แต่เพราะข้าใช้ยาตรวนพลัง ร่างกายเจ้าจึงไม่อาจใช้พลังต้นกำเนิดได้ จึงต้องใช้แรงกายในการปกป้องร่างล้วน ๆ ดังนั้นคงจะมีชีวิตอยู่ในอีกชั่วยามครึ่งเท่านั้น เจ้ารีบกระตุ้นแท่นบงกชให้ออกมาเถอะ มีแต่ทางนั้นถึงจะรักษาชีวิตไว้ได้”
“ปล่อยข้าตายเถอะ……”
ซูเฉินถอนหายใจ “หากไม่ใช่เอง ข้าก็ได้แต่บังคับช่วยให้ทำแล้ว อาจจะเจ็บหน่อยก็เถอะนะ”
ว่าแล้วเขาก็ใช้นิ้วทิ่มลงไปอย่างแรง
“อ๊ากกก !” ซาเค่อร้องลั่น ทั่วร่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เขาไม่เข้าใจ ซูเฉินใช้ยาใจหินกับเขาไม่ใช่หรือ ? แล้วทำไมถึงยังเจ็บปวดมากเช่นนี้ ?
“นี่คือเข็มเจาะวิญญาณ เป็นการโจมตีที่มุ่งทำร้ายวิญญาณศัตรู ผลของยาใจหินนั้นใช้ไม่ได้กับเข็มเจาะวิญญาณ เจ้านี่ข้าก็ได้มาจากคลังสมบัติลับของขาปี่เอ๋อซือ มีประโยชน์นัก ! หากแต่ข้ายังใช้ไม่คล่องเท่าไหร่ ดังนั้นจึงใช้เจ้าฝึกมือ…. หากเจ้าต้องการ ข้าก็ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” ซูเฉินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
ซาเค่อรุ้สึกราวกับถูกปีศาจหัวเราะใส่
จากนั้นวิญญาณของซาเค่อก็รู้สึกราวกับถูกลากลงนรก เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดหลายระลอก
ทุกครั้งที่วิญญาณถูกทิ่มแทงก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงใจสะท้านไปทั่วทั้งจิต ในเวลาเดียวกันร่างกายก็พยายามต่อต้านตามสัญชาตญาณ ทำให้ร่างเริ่มเรืองแสงสีขาวขึ้นมา
มันคือแสงที่แผ่ออกมายามแท่นบงกชปกป้องร่างนั่นเอง
น่าเสียดายที่ซาเค่อพยายามฝืนต้านมัน แท่นบงกชจึงปรากฏขึ้นไม่สมบูรณ์ แม้มันจะพยายามสุดกำลัง แต่ก็ปล่อยพลังออกมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ซูเฉินเองก็รอสังเกตแสงนี่เท่านั้น เขาจะได้สังเกตการณ์มันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อให้เข้าใจพื้นฐานของมัน และสุดท้ายก็หาทางสร้างมันขึ้นมาได้ในที่สุด
เมื่อครั้งนั้นซูเฉินก็ทำการทดลองกับเว่ยเพ่ย ทว่าตอนนั้นตระกูลเว่ยยอมแพ้แล้ว จะใช้วิธีโหดร้ายทารุณทั้งหลายกับเว่ยเพ่ยคงไม่เหมาะ ดังนั้นความเข้าใจของซูเฉินในเรื่องด่านสู่พิสดารจึงยังตื้นเขินนัก แต่แน่นอนว่าที่ตื้นเขินเช่นนี้ก็เป็นเขาที่ตัดสินเองทั้งนั้น
ตอนนี้ได้ซาเค่อมาช่วยก็ทำให้เรื่องง่ายขึ้นเยอะ ซูเฉินไร้ความสุภาพกับศัตรู ใช้วิธีการทุกอย่างกับซาเค่อ
สิ่งที่ยอดที่สุดคือคนด่านสู่พิสดารนั้นทรงพลังและไม่ตายง่าย ๆ หากดูแลตัวทดลองดี ๆ ก็สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกหลายครั้งและใช้ได้นาน
ภายใต้การกระตุ้นและสังเกตไม่หยุดหย่อนจากซูเฉิน ความลับแท่นบงกชของซาเค่อก็ถูกเผยออกมาจนหมด อาจกล่าวว่าซูเฉินรู้ความลับมากกว่าที่ซาเค่อรู้เองด้วยซ้ำไป
หากทั้งสองประมือกันอีกครา หากเอาชนะไม่ได้ อย่างน้อยซูเฉินก็คงรับมือเขาคนเดียวได้ราวหนึ่งวัน
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ซาเค่อก็ยังไม่สิ้นใจ ทว่าซูเฉินได้ข้อมูลที่ต้องการมาหมดแล้ว
“เยี่ยมมาก ตัวทดลองนี่มันสำคัญจริง ๆ หากอยากรุดหน้าอย่างรวดเร็ว น่าเสียดายที่นำมาใช้แล้วก็ใช้ต่อไปอีกได้แค่ 10 วันเท่านั้น”
ซูเฉินเอ่ยน้ำเสียงพึงพอใจ ไร้แววเสียใจสักนิด
เขาปิดแผลให้ซาเค่อแล้วป้อนยาเข้าไปอีก จากนั้นค่อย ๆ วางร่างเขาลงไปในตู้น้ำแข็ง “ดูสิว่าเจ้าทำได้ง่ายดายเช่นไร ! เจ้าได้พักแล้ว แต่ข้ายังต้องทำงานต่อเลย”
บนรถเคลื่อนนี้เขามีตู้น้ำแข็งทั้งหมดสองตู้ ร่างที่นอนอยู่ในอีกตู้คือด่านสู่พิสดารเผ่าเกล็ดทรายอีกคนที่เขาจับมาได้
“เช่นนั้นเจ้าก็รายต่อไป……”