หลังจากที่ฉางกวนหลงและมู๋หรงยู่เฉิงได้ข้อสรุปแล้วว่าชูฮันไม่ใช่คนร้ายพวกเขาก็นึกตัวผู้ต้องสงสัยคนอื่นไม่ออกเลย ทุกคนมารวมตัวกันในห้องหนึ่ง เว้นเพียงแต่ชูฮันคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ที่นี้เพราะหลุดจากรายชื่อผู้ต้องสงสัยไปแล้ว ซึ่งการอภิปรายตอนนี้กำลังดุเดือดรุนแรงอย่างมาก
  ”มีความน่าจะเป็นสูงมากที่เป็นฝีมือของชูฮัน”
  ”ถูกต้องจงไคหยาบคายต่อทั้งชูฮันและฉางกวนหลง เป็นไปได้มั้ยว่าทั้งคนร่วมมือกันกระทำการนี้ขึ้น?”
  ”ใช้สมองหน่อย?ตอนนี้เราควรจะคิดหาวิธีตัดเราออกจากรายชื่อผู้ต้องสงสัย”
  ”ฉันไม่ได้ทำทำไมฉันต้องหาทางพิสูจน์?”
  ”แต่ตอนนี้ฉางกวนหลงเคลื่อนไหวรุนแรงมากเขาได้ทำการดูหมิ่นหลายๆค่าย แล้วถ้าในอนาคตถ้าปรากฏว่าคนร้ายตัวจริงไม่ใช่หนึ่งในพวกเรา เขาจะชดใช้ให้พวกเรายังไง?”
  ”แต่งงานกับลูกสาวเขา?ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นความคิดที่ไม่เลว!”
  ”มาดูกันว่าใครจะโชคดี?”
  ”เลิกฝันได้แล้ว”เฉินยุนโหลวไม่ที่เคยเปิดปากพูดตั้งแต่ถูกจับมารวมตัว จู่ๆก็ตัดสินใจพูดขึ้นมา “พวกคุณรู้มั้ยว่าสองคนไหนในพวกเราคนไหนที่ถูกแฉไปทั่ว? ตอนนี้ชาวบ้านทั่วทั้งค่ายหนานตู้ต่างไม่ยอมให้เทพธิดาของพวกเขาต้องแต่งงานกับพวกเรา”
  ทันใดนั้นสายตาหลายคู่ก็หันไปจับจ้องที่ชายสองคนที่อยู่มุมห้องท่าทางดูคลุมเครือน่าสงสัยคนหนึ่งโบกมือปฏิเสธและเอ่ยขึ้น “นั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน ยังไงแค่ได้มีโอกาสแต่งงานกับฉางกวนยวีซินมันก็สุดยอดแล้ว”
  ”ไม่มีทาง”เฉินยุนโหลวยิ้มกว้าง “มันไม่มีความลับจริงๆตั้งแต่เกิดการปะทุแล้ว พวกคุณคนไหนที่มีเรื่องดำมืดปกปิดของตัวเอง? แม้ว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองคนในข่าว แต่พวกคุณมั่นใจได้ยังไงว่าท่านฉางกวนหลงไม่รู้จริงๆ?”
  หลังจากเฉินยุนโหลวพูดแบบนั้นออกมาทุกคนก็เงียบสนิท มองหน้ากันไปมาด้วยความสับสน ก็อย่างที่เฉินยุนโหลวพูดหลังจากเกิดการปะทุของโลกาวินาศ ศีลธรรมและมนุษยธรรมที่ทุกคนเคยยึดถือก็สลายหายไปหมด ทุกคนต่างทำเรื่องเลวร้ายลงไป
  ”อย่ามาทำเป็นพูดดีแกมันก็ไม่ต่างกับพวกฉันหรอก!” บางคนเริ่มหาเรื่องใส่เฉินยุนโหลว
  เฉินยุนโหลวยิ้มหยัน”โทษทีนะ แต่ฉันไม่มีเรื่องแบบนั้น”
  ขณะที่ทุกคนมารวมตัวกันที่นี้เพื่อปรึกษาหารือเร่งด่วนจงไคที่อยู่ห้องฉุกเฉินก็สลบไปเป็นเวลานานและเมื่อตื่นขึ้นและได้รับรู้ความจริงว่าเขาไม่สามารถสืบสกุลทายาทได้อีก…
  ”$%^&*[email protected]$%^&!!!”จงไคก็แหกปากด่ากราดแทบไม่เป็นศัพท์เพื่อระบายความแค้นในใจ
  นางพยาบาลที่คอยดูแลก็ตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว”ท่านต้องการอะไรมั้ยคะ?”
  จงไคเงยหน้าจ้องเพดานด้านบนนัยน์ตาแดงก่ำ เส้นเลือดฝอยแทบแตก “ฉันต้องการให้ชูฮันตาย!”
  นางพยาบาลกระอักกระอ่วนใจยิ่งนักเธอพยายามจะหว่านล้อมจงไค “เรากำลังสอบสวนคนทำผิดอยู่ค่ะ จากสถานการณ์แล้วดูเหมือนว่าพลเอกชูฮันจะไม่ใช่คนร้ายนะคะ ท่านพลโทอาจจะสงสัยผิดคน”
  ”หุบปากซะนังโง่!” จงไคแหกปากใส่นางพยาบาล “แกเป็นคนที่ติดตามฉันมาจากค่ายจินหยาง ทำไมถึงกล้าแอบติดต่อกับคนนอกเรื่องของฉัน?​! อยากจะถูกจับโยนไปอยู่ในพื้นที่ผู้ลี้ภัยและทรมานกับโทษอาชญากรรมใช่มั้ย?”
  นางพยาบาลทั้งยังสาวและสาวหวาดกลัวจนแทบเป็นลมเธอทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าจงไค ร้องไห้อ้อนวอนขอความเมตตา “ดิฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ ฉันแค่ได้ยินบทสนทนาระหว่างฉางกวนหลงและมู๋หรงยู่เฉิง ฉันไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ” novel-lucky
  จงไคจ้องหน้านางพยาบาลสาวและมองลงไปช่วงล่างตัวเองที่ตอนนี้ว่างเปล่า ไม่มีขาทั้งสองข้างแล้ว มันเป็นการบาดเจ็บที่น่าอับอายที่สุด หัวใจของเขาถูกย่ำยี แต่แล้วจู่ๆจงไคก็ระเบิดหัวเราะออกมา เสียงลั่นไปทั่วห้องอย่างแสบแก้วหู “แก เอาขาฉันมา เอามาให้ฉันดู”
  ทุกคนตะลึงค้างมองหน้าจงไคอย่างไม่อยากจะเชื่อหู จากนั้นก็เหลือบสายตามองช่วงล่างลำตัวของจงไคและเอ่ยเสียงเบา “ตอนนี้ท่านควรจะพักผ่อนก่อนดีกว่านะคะ”
  นางพยาบาลที่พยายามเลี่ยงสถานการณ์แต่กลับกลายเป็นทำให้จงไคโมโหเข้าไปกว่าเดิมเขากระชากปืนออกมาจากใต้หมอนตัวเองและยิงใส่อีกฝ่ายทันที!
  ”ปัง!”
  เสียงปืนดังลั่นขึ้นทันทีโดยไม่มีการเตือนใดๆทำให้ทหารที่ยืนเฝ้าระวังอยู่ด้านนอกห้องตกใจกลัว
  ในตอนนั้นเองร่างของฉางกวนหลงและชายคนหนึ่งที่มีรัศมีน่าเกรงขามก็ปรากฏตัวขึ้นที่โถงทางเดิน ทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าคล้ายคลึงกัน อายุก็ดูใกล้เคียง แม้แต่ตราตำแหน่งที่หน้าอกก็เหมือนกันทุกอย่าง
  คนคนนั้นก็คือพลเอกจงคุยที่มุ่งหน้ามาจากค่ายจินหยางด้วยความรวดเร็วค่ายจินหยางนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นค่ายหลักทางด้านเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของจีนแล้ว แต่พวกเขายังมีเฮลิคอปเตอร์ที่บินเร็วที่สุดในจีนอยู่ในมือด้วย ตอนนี้จงคุยได้เดินทางมาถึงค่ายหนานตู้แล้วขณะที่ค่ายอื่นๆที่ออกจากค่ายหนานตู้ไปก่อนหน้านานแล้วอาจจะพึ่งถึงค่ายของตัวเองด้วยซ้ำ
  ”เกิดอะไรขึ้น?!”หลังจากได้ยินเสียงปืน จงคุยก็อารมณ์เสียขึ้นมา เขาหันไปตะคอกใส่ฉางกวนหลงอย่างต้องการคำตอบ “ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรขึ้นมา คุณต้องชดใช้!”
  ฉางกวนหลงที่วิ่งวุ่นจนหัวหมุนมาตั้งแต่เมื่อคืนเมื่อเจอการข่มขู่จากจงคุยเข้าไป ฉางกวนหลงก็อารมณ์ขึ้นเหมือนกัน ทั้งๆที่อำนาจและตำแหน่งของจงคุยก็เสมอกันกับเขา กล้าดียังไงมาเบ่งอำนาจใส่เขาในค่ายของเขาแบบนี้
  ”พลเอกจงคุยฉันไม่ใช่ลูกน้องของคุณ คุณควรระวังการพูดจาของคุณในค่ายของฉัน มีคนมากมายในค่ายของฉัน” ฉางกวนหลงไม่กลัวจงคุยเลยสักนิด เขาชี้นิ้วบอกทางให้จงคุยไปเอง “ฉันจะไม่เสียเวลาพาคุณไป ไปเอาเองละกัน และบอกได้เลยว่าไม่มีใครต้องการทำร้ายลูกชายของคุณ คุณควรจะคิดให้ดีซะก่อน ฉันสงสัยว่าลูกชายคุณเป็นฝ่ายลงมือก่อนหรือถูกลอบฆ่ากันแน่”
  หลังจากพูดจบฉางกวนหลงก็หมุนตัวเดินจากไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมา ปล่อยให้จงคุยยืนอึ้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในใจของจงคุยแทบจะแหกปากระเบิดออกด้วยความคลั่ง
  ”ท่านพลเอก?”มู๋หรงยู่เฉิงเดินตามฉางกวนหลงมาตลอดทาง เหงื่อแตกพลั่กด้วยความวิตก “ทำไมท่านพูดกับพลเอกจงคุยอย่างนั้นล่ะครับ?”
  ”แล้วทำไม?”ฉางกวนหลงสีหน้าโกรธออกมา “ค่ายของฉันเป็นถึงหนึ่งในสามอันดับสูงสุดของจีน แล้วค่ายจินหยางมันอยู่อันดับที่เท่าไหร่ล่ะ? ช่างเขาสิถ้าจะไม่พอใจฉัน! หึ!”
  มู๋หรงยู่เฉิงกลัวจนขึ้นสมองเขาใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ มันเป็นเรื่องจริงที่พลเอกแต่ละคนไม่ใช่คนประเภทที่รับมือได้ง่ายๆ และแน่นอนว่าคำพูดของพลเอกฉางกวนหลงเมื่อกี้ยิ่งไปกระตุ้นอารมณ์ของพลเอกจงคุยให้หนักเข้าไปอีก
  ในเวลาเดียวกันพลเอกฉางกวนหลงก็ไม่ได้รู้เลยว่าชูฮันกำลังโบกมือส่งลาทีมกุ้งเสือดำที่ประตูเมืองอยู่เขายืนมองจนกระทั่งทีมกุ้งเสือดำทั้ง 50 หายไปจากระยะสายตาตัวเองจึงหมุนตัวเดินออกมา
  แต่หลังจากชูฮันและหลูปิงเซ่อเดินจากมาได้ไกลพอสมควรจู่ๆ——
  ปัง!
  เสียงระเบิดอัดในอากศก็ดังเข้ามาในหูชูฮันตามมาจิตสังหารรุนแรงที่ควบแน่นอยู่ในอากาศ!
  พรึบ!
  ไม่ทันคิดชูฮันหันไปส่งหลูปิงเซ่อข้างกายให้กระเด็นลอยไป ชูฮันรีบเคลื่อนไหวจากจุดที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็วด้วยความเร็วสูงสุด
  วินาทีต่อมา—-
  ”ปัง!”
  เสียงระเบิดดังจนเกิดฝุ่นตลบอบอวลขึ้นฟ้าจุดที่ชูฮันเคยยืนอยู่กลายเป็นหลุมกว้างถึงสองเมตรทันที!
  ชูฮันสูดลมหายใจเข้าหรี่ตามองภาพตรงหน้า หูของเขาได้ยินเสียงฝีเท้ามากกว่าสิบคนในระยะได้ยินของเขา
  ตาย!
  ชูฮันยกมือขึ้นจับแก้มขวาตัวเองมันมีรอยบาดเล็กๆและมีจุดเลือดซิบที่ผิวของเขา หากชูฮันกลับสัมผัสได้ถึงความเจ็บชัดเจน