ตอนที่ 462 ความลับ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 462

ความลับ

“ซ้ายอีกหน่อย”จิ้งจอกเหมันต์พูดพลางปล่อยให้จิ้งจอกน้อยที่ยามนี้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์เรียบร้อยแล้วนวดแผ่นหลังของตนให้อย่างสบายใจขณะที่ชายหนุ่มผู้รับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันและชายร่างอ้วนผู้รับบทโจรกำลังบังคับรถม้าอย่างตั้งอกตั้งใจไม่กล้าละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว

“เรื่องก็เป็นแบบนี้ล่ะขอรับนายหญิง พวกเราร่วมมือกันทำงานเพื่อหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใครนะขอรับ”จิ้งจอกน้อยว่าพลางทุบบ่าให้จิ้งจอกเหมันต์ด้วยท่าทีหงิมๆอย่างเห็นได้ชัด หลังจากพวกมันทราบระดับพลังที่แท้จริงของจิ้งจอกเหมันต์ เจ้าจิ้งจอกน้อยก็สารภาพเสียหมดสิ้นโดยไม่สนใจเลยว่าพวกพ้องของมันจะว่าอย่างไร

“จะว่าไปก็เป็นปัญหาจริงๆนั่นล่ะ พวกเจ้าเองก็มีฝีมือไม่น้อยแต่กลับหางานไม่ได้”จิ้งจอกเหมันต์พูดออกมาหลังจากได้รับฟังเรื่องราวของทั้งสามคนที่เข้ามาหมายจะหลอกเอาเงินจากตนเอง หากเป็นสมัยก่อนระดับพลังของพวกมันก็ไม่ได้น้อย ย่อมสามารถหาเงินให้ตัวเองได้ไม่ยาก แต่เพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณหาเงินได้ยากขึ้น ทั้งจำนวนผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่มากขึ้นเพราะสมุนไพรเพิ่มพลังสามารถหาได้ง่ายกว่าสมัยก่อน รวมทั้งงานปราบเหล่าอสูรก็แทบจะไม่มีแล้ว เพราะอสูรเริ่มเข้ามาเป็นสหายกับมนุษย์กันหมด โอกาสที่จะโดนอสูรเล่นงงานก็มีน้อยลงไปด้วย ทำให้งานของเหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณมีปัญหาถึงขั้นต้องมาเล่นละครกันเช่นนี้เลยทีเดียว

“แต่เรื่องนี้ข้าก็คงช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ พวกเจ้าก็คงต้องหาทางแก้ไขเอาเอง”จิ้งจอกเหมันต์ตอบพลางเอนหลังอย่างสบายใจ ถึงอย่างไรเมืองนี้ก็อยู่ห่างจากอาณาจักรไป๋มาก แม้จะเป็นเมืองที่ได้รับความช่วยเหลือจากอาณาจักรไป๋แล้วก็ตาม แต่จะเข้ามาแทรกแซงการทำงานของอาณาจักรอื่นก็ไม่ดีนัก แถมตอนนี้นางก็ไม่ได้เป็นน้าขององค์จักรพรรดิอีกแล้วด้วย บอกตามตรงว่าไม่อยากยุ่งให้ต้องปวดหัวก็ว่าได้

“เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกขอรับ แต่ว่า….”จิ้งจอกน้อยยิ้มเจื่อนๆออกมาเหมือนจะขอความเมตตาจากจิ้งจอกเหมันต์นั่นเอง พวกมันไม่ได้คิดจะเล่าเรื่องน่าสงสารให้จิ้งจอกเหมันต์มาช่วยเหลือพวกตนหรอก ตอนนี้เพียงอยากให้นางยกโทษให้พวกมันแล้วอย่าทำอะไรก็พอ

“เอาเถอะ พวกเจ้าตั้งใจขับรถไปดีๆก็พอ ถึงเมืองหน้าก็แยกย้ายกันไป แล้วอย่าให้ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทำเรื่องแบบนี้อีกล่ะ”จิ้งจอกเหมันต์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ ต่อให้พวกมันทำอีกแต่หากนางไม่รู้ก็แล้วไปเถอะ

“ขอบพระคุณขอรับนายหญิง”จิ้งจอกน้อยยิ้มกว้างพลางตั้งใจทุบไหล่จิ้งจอกเหมันต์ขึ้นมาทันที ตลอดเส้นทางจากเมืองที่มีสถานีรถไฟจนถึงเมืองถัดมา ทั้งสามดูแลจิ้งจอกเหมันต์และจูล่งเป็นอย่างดี ชนิดที่ว่าขับรถม้าหลบแม้แต่เศษหินไม่ให้รถม้าสะเทือนเลยทีเดียว

.

.

“ว่าแต่ล่งเอ๋อ เจ้ากลับมาที่หมู่บ้านทำไมหรือ”จิ้งจอกเหมันต์ถามขณะนั่งบนหลังตงฟางบินกลับมาที่บ้านเกิดของจูล่ง

“เปล่าขอรับ ข้า…ลืมของนิดหน่อยขอรับ”จูล่งตอบพลางหลบสายตาจิ้งจอกเหมันต์ไป ทำเอาจิ้งจอกเหมันต์ต้องเลิกคิ้วขึ้นมาทันที อะไรกัน เจ้าหนูน้อยคนนี้รู้จักโกหกด้วยงั้นหรือ

“ท่านน้า ท่านรออยู่ที่นี่ก่อนนะขอรับ ข้าขอตัวสักครู่”จูล่งว่าพลางวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง เพียงแต่จิ้งจอกเหมันต์จำได้ว่าก่อนย้ายออกมาพวกตนเก็บของทุกอย่างไปจนหมดแล้ว ที่นี่เหลือเพียงบ้านเปล่าๆเท่านั้น ไม่น่าจะมีอะไรเหลือให้จูล่งลืมนี่นา

วูบ….จูล่งวิ่งเลยบ้านของตัวเองทะลุเข้าไปในภูเขาด้านหลัง ท่าทางของที่ลืมเอาไว้จะไม่ได้อยู่ในบ้านเสียแล้ว หรือว่าจูล่งจะซ่อนของเอาไว้ที่ภูเขาหลังหมู่บ้านกัน? จะว่าไปสมัยจูล่งอยู่ในหมู่บ้านก็ชอบเข้าป่าไปทำอะไรต่อมิอะไรอยู่ตั้งนานสองนานนี่นะ ตอนนั้นพวกน้าๆคิดว่าจูล่งแค่ไปเที่ยวเล่นก็เลยไม่ได้ว่าอะไร เพราะถึงอย่างไรจูล่งก็กลับบ้านก่อนมืดทุกครั้ง ให้มันไปเที่ยวเล่นในป่าบ้างก็ไม่เสียหายอะไร แต่มาตอนนี้จูล่งถึงกับขอแวะระหว่างทางเพื่อมาที่นี่ ในภูเขาหลังหมู่บ้านนั้นมีอะไรกันแน่….

“ตงฟาง เจ้าเงียบๆไว้ล่ะ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางเดินตามจูล่งไป แม้ตงฟางจะมีท่าทีเหมือนจะห้ามนาง แต่ตงฟางจะทำอะไรได้หากนางอยากตามนางก็จะตาม เพียงแต่การติดตามจูล่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะมีระยะสัมผัสที่กว้างมากแล้วจูล่งยังมีดวงตาสีเงินที่ทำให้มองเห็นอนาคตอีกต่างหาก การจะตามเด็กคนนั้นต้องเว้นระยะห่างจากดวงตาสีน้ำเงินและม่วง รวมทั้งยังต้องรอเวลามองอนาคตของจูล่งอีกต่างหาก ในเวลาปกติที่จูล่งไม่ได้ใช้ดวงตาสีเงินมันจะมองเห็นอนาคตอยู่ที่ 3 วินาที จะตามจูล่งไปต้องอย่าลืมข้อนี้เด็ดขาด

ตุบ….ร่างของจิ้งจอกเหมันต์ติดตามจูล่งเข้าไปในป่าอย่างระมัดระวัง แม้จะไม่เท่าชิงชิวแต่นางก็มีจมูกที่ยอดเยี่ยมสมกับเป็นอสูรจิ้งจอก เพียงแค่ตามกลิ่นของจูล่งไปนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพียงแต่…..

“……”จิ้งจอกเหมันต์ตามกลิ่นของจูล่งเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่บนยอดเขา ถ้ำเช่นนี้นางไม่เคยเห็นมาก่อนเลยทั้งๆที่นางอยู่ที่นี่กับจูล่งมาตั้งแต่มันเกิด หรือว่าจูล่งจะเป็นคนสร้างถ้ำนี้ขึ้นมาเอง?

“อาจารย์ ท่านอยู่หรือเปล่า”อยู่ๆเสียงของจูล่งก็แว่วออกมาจากในถ้ำ อาจารย์? มันหมายถึงใครกัน… นอกจากพวกน้าๆแล้วยังมีคนอื่นเป็นอาจารย์ให้จูล่งอยู่อีกงั้นหรือ

“ใครกัน….”จิ้งจอกเหมันต์กลืนน้ำลายลงคอพลางเดินเข้าไปในถ้ำโดยไม่สนใจว่าจูล่งจะรู้ตัวอีกแล้ว นั่นเพราะภายในถ้ำแห่งนี้มีพลังของอสูรตนอื่นอยู่ด้วยนั่นเอง แถมพลังระดับนี้มันย่อมเป็นอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 แน่ๆ

“ไอ้หนู ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่ามาที่นี่”เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากภายในถ้ำทำให้จิ้งจอกเหมันต์ยิ่งรีบเดินเข้าไปมากขึ้น เสียงนั่นทำให้นางรู้สึกคุ้นๆ แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน

“อาจารย์ ข้าจะมาบอกท่านว่าข้ากำลังจะย้ายบ้านแล้วขอรับ”ได้ยินจูล่งพูดเช่นนั้นจิ้งจอกเหมันต์ก็พลันโผล่หน้าเข้าไปในถ้ำทันที พริบตาที่นางเห็นว่าใบหน้าของคู่สนทนาของจูล่ง นางก็จำได้ทันทีว่ามันคือใคร

“มังกรอัสนีทองคำ…”จิ้งจอกเหมันต์จ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้าจูล่งนิ่ง มันคือมังกรอัสนีทองคำที่เคยเป็นลูกน้องของชินอี้มาก่อน นางไม่เคยปะทะกับมันตรงๆ แต่ก็เคยเจอตอนที่ไป๋จูเหวินจับตัวมันเอาไว้หลังชินอี้ตาย แล้วเหตุใดมันถึงมาอยู่ที่นี่กัน

“ท่านน้า…..”จูล่งกะพริบตาปริบๆพลางมองมาทางจิ้งจอกเหมันต์ด้วยความตกใจ

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”จิ้งจอกเหมันต์ถามพลางมองมาทางมังกรอัสนีทองคำด้วยท่าทีไม่ไว้วางใจ มันเคยเป็นศัตรูกับไป๋จูเหวินมาก่อน แถมยังทำเอาไป๋จูเหวินเกือบแย่มาแล้วอีกต่างหาก นอกจากนั้นเหล่าอสูรที่โดนพลังของชินอี้ควบคุมมาแล้วแทบจะไม่รู้สึกต่อพลังดึงดูดเหล่าอสูรของไป๋จูเหวินหรือไป๋หลินอีกต่างหาก หรือก็คือพวกมันไม่โดนพลังดึงดูดเหล่าอสูรชักจูงเช่นเดียวกับพวกน้าๆที่ชินกับพลังดึงดูดเหล่าอสูรของไป๋จูเหวินมานานแล้วนั่นเอง

“ข้าต่างหากที่ต้องถามเจ้า ข้าอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปีแล้ว”มังกรอัสนีทองคำว่าพลางถอนหายใจออกมา แม้จะไม่ได้โดนพลังดึงดูดเหล่าอสูรของไป๋จูเหวินชักจูง แต่มังกรอัสนีทองคำก็พ่ายแพ้ให้กับไป๋จูเหวิน ทำให้มันเลือกที่จะติดตามไป๋จูเหวินเหมือนที่ติดตามชินอี้ แต่เพราะไป๋จูเหวินช่วงนั้นไม่อยากใช้งานมันทำอะไรทั้งสิ้น มังกรอัสนีทองคำก็เลยได้แต่อยู่ห่างๆไม่ได้ทำอะไรเท่านั้น พอไป๋จูเหวินย้ายออกมามันเองก็ติดตามมาด้วยเช่นเดียวกับอสูรปักเป้า และอาศัยอยู่ในถ้ำหลังหมู่บ้านตั้งแต่วันแรกที่พวกไป๋จูเหวินย้ายมาเลยก็ว่าได้

“แล้วทำไมเจ้าถึงเรียกมันว่าอาจารย์ล่ะ”จิ้งจอกเหมันต์ถามพลางมองมาทางจูล่งด้วยท่าทีสงสัย

“ก็…ข้าบังเอิญมาพบอาจารย์เข้าเมื่อหลายปีก่อน แล้วข้าก็ขอให้ท่านสอนวิชาทวนให้”จูล่งตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา จูล่งได้ฝึกฝนวิชาต่างๆจากพวกท่านน้าและท่านพ่อท่านแม่ แต่น่าเสียดายจูล่งแม้จะฝึกฝนสำเร็จจนหมดทุกวิชา แต่ก็ไม่ชื่นชอบวิชาฝ่ามือหรือวิชากระบี่เสียเท่าไหร่ ราวกับว่าตนเองไม่ได้เกิดมาเพื่อใช้วิชาเหล่านั้น ตรงกันข้ามจูล่งชื่นชอบอาวุธที่มีระยะยาวมากกว่า แต่พวกท่านน้าไม่ใช้อาวุธ ท่านพ่อก็ใช้ฝ่ามือท่านแม่ก็ใช้กระบี่ ไม่มีใครสอนวิชาอาวุธระยะยาวให้ตนได้เลย จนกระทั่งวันหนึ่งจูล่งหลงมาเจอถ้ำของมังกรอัสนีทองคำเข้า และกลายเป็นว่ามันช่วยสอนจูล่งเรื่องวิชาทวนได้เสียอย่างนั้น จูล่งก็เลยเรียกหามันเป็นอาจารย์นับตั้งแต่นั้นแล้วแอบแวะเวียนมาหาอยู่เรื่อยๆนั่นเอง

“หลายปีก่อน…เจ้าไม่ได้ทำอะไรหลานข้าใช่หรือไม่”จิ้งจอกเหมันต์จ้องมาทางมังกรอัสนีทองคำด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ นางเดินเข้ามากอดจูล่งเอาไว้พลางปล่อยพลังอสูรออกมาเต็มที่ แม้ระดับของนางจะน้อยกว่าอีกฝ่ายก็ตาม

“เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรเจ้าหนูนี่ได้หรือไง”มังกรอัสนีทองคำส่ายหน้า สมัยก่อนตอนจูล่งมาเจอมันเข้ามันก็พยายามบอกจูล่งแล้วว่าห้ามเข้ามาในถ้ำแห่งนี้ แต่จูล่งก็ดื้อไม่ใช่น้อยพยายามเข้ามาหามันอยู่ตลอดเพราะมันช่วยสอนวิชาจูล่งได้ แม้ตอนแรกจะพอไล่จูล่งไปได้ก็เถอะ แต่พอระดับพลังของจูล่งเพิ่มมากขึ้นมันก็ทำอะไรจูล่งไม่ได้เสียแล้ว

“ตอนนั้นข้าใช้คลื่นอัสนียิงใส่มันยังยืนรับหน้าตาเฉยเลย เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของหลานเจ้าหรอก”มังกรอัสนีทองคำพูดพลางส่ายหน้าช้าๆ มันหมดปัญญาจะขวางจูล่งเอาไว้ก็เลยต้องสอนมันอย่างช่วยไม่ได้เลยทีเดียว

“เจ้า….เจ้าว่าอะไรนะ”จิ้งจอกเหมันต์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อครู่มันบอกว่ามันยิงคลื่นอัสนีใส่หลานชายของนางงั้นหรือ

“ข้าบอกว่าเจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย….”

“ไม่ใช่ เจ้าบอกว่าเจ้ายิ่งคลื่นอัสนีใส่หลายข้างั้นหรือ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางปล่อยพลังอสูรออกมา นางไม่สนหรอกว่าจูล่งจะเป็นอะไรหรือไม่ แต่อีกฝ่ายโจมตีจูล่งแบบนี้นางยอมไม่ได้หรอก

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ เจ้านั่นไม่บุบสลายเสียหน่อย”มังกรอัสนีทองคำพูดราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทำเอาจิ้งจอกเหมันต์ลมแทบออกหู เจ้าจะบอกว่าสามารถโจมตีหลายชายคนอื่นได้เพราะมันไม่ตายงั้นหรือ

“เจ้า”จิ้งจอกเหมันต์กัดฟันกรอดพลางพุ่งเข้ามาโจมตีมังกรอัสนีทองคำอย่างรวดเร็ว เพียงแต่นางอาจจะลืมไปว่าระดับพลังของตนห่างจากอีกฝ่ายร่วม 5 ขั้น ทำให้มังกรอัสนีทองคำจับนางเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย ส่วนไอเย็นของนางนั้นไม่สามารถแช่แข็งอีกฝ่ายได้ด้วยซ้ำ

“เจ้านี่ทำเป็นใจร้อนไปได้ อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆคุยกันก่อนไม่ได้หรือยังไง”มังกรอัสนีทองคำพูดพลางตรึงร่างของจิ้งจอกเหมันต์เอาไว้ เพียงแต่ดูเหมือนคำพูดของมันจะไม่ค่อยช่วยอะไรเลย

“เจ้าว่าอะไรนะ….”จิ้งจอกเหมันต์พลันปล่อยไอเย็นออกมามากกว่าเดิมทันที นอกจากจะทำร้ายหลานชายของนาง มันยังหาว่านางแก่อีกงั้นหรือ….