ตอนที่ 706 ให้หนึ่งทางรอด / ตอนที่ 707 ขู่บังคับ

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 706 ให้หนึ่งทางรอด

 

 

“เจ้ามาหาข้าเพื่ออะไร”

 

 

“มู่หรงฮูหยินมาฮุ่ยโจวเพื่อเหตุใด มาหาไทเฮาหรือไม่”

 

 

“เจ้ารู้หรือว่าไทเฮาอยู่ที่ใด”

 

 

จูจิ่นรีบซักทันที

 

 

“ข้ารู้ว่านางอยู่ที่ใด มู่หรงฮูหยิน ข้าขอเพียงอย่างเดียว ข้าขอเพียงให้ข้ากับสามีได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขต่อไป”

 

 

จูจิ่นคิดไม่ถึงว่าไป่อู๋จะขอสิ่งนี้ นางสังเกตได้อย่างไวว่านางมาถึงจุดนี้ไม่ง่ายเลย จึงซักถามต่อ

 

 

“เจ้าพบไทเฮาแล้วหรือ”

 

 

ไป่อู๋ส่ายหน้า

 

 

“ข้ายังไม่ได้พบไทเฮา แต่ข้าพบสาวใช้ประจำตัวของไทเฮา ข้าพบพวกนางโดยบังเอิญ พวกนางคงจะมาฮุ่ยโจวได้ไม่นาน

 

 

บ่ายวานนี้สาวใช้ประจำตัวไทเฮามาหาข้า ให้ข้าคอยจับตาดูแขกที่ผ่านไปผ่านมา ทันทีที่คนจากจวนมู่หรงหรือคนจากจวนเซียวอ๋องมา ให้พยายามกักตัวไว้ในโรงเตี๊ยม และบอกเบาะแสของพวกเจ้าให้นางรู้”

 

 

“สำหรับเจ้านี่ไม่ใช่เรื่องยาก”

 

 

“สำหรับข้านี่ไม่ใช่เรื่องยากจริง ๆ แต่ข้าเชื่อใจไทเฮาไม่ได้ เมื่อภารกิจสำเร็จแล้ว เกรงว่าไทเฮาจะฆ่าข้ากับสามี

 

 

ข้าปลีกตัวมานานแล้ว แต่ถูกบังคับให้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์เหล่านี้อีก ข้าเพียงอยากจะอยู่กับสามีอย่างสงบสุขต่อไป ดังนั้นพวกเราจึงมาเปิดโรงเตี๊ยมแห่งนี้ที่ฮุ่ยโจว นึกไม่ถึงว่าหนีโชคชะตาที่สวรรค์ลิขิตไปไม่พ้น

 

 

คิดไม่ถึงว่าพวกท่านจะมาฮุ่ยโจว ครั้งนี้ข้าพนันไว้ว่าเป็นเซียวอ๋อง ถึงเวลาข้าขอร้องมู่หรงฮูหยินช่วยพูดแทนข้าที อู๋อ๋องก็ไม่อยู่แล้ว เรื่องในอดีตทั้งหมดไม่เกี่ยวกับข้าอีก หลายปีมานี้ข้าชดใช้โทษเพียงพอแล้ว

 

 

ข้าเป็นหญิงตกอับนานแล้ว ถึงขนาดสูญเสียคุณสมบัติจะเป็นแม่คน สามีไม่รังเกียจข้า รักและปกป้องข้าเสมอ นี่คงเป็นบุญของข้าแต่ชาติปางก่อน ข้าไม่อยากดึงเขามาเกี่ยว มู่หรงฮูหยิน ท่านยินดีช่วยข้าหรือไม่”

 

 

ไป่อู๋พูดจบก็คุกเข่าลงกับพื้น นางรู้ว่าการแข่งขันระหว่างมู่หรงกวานเย่ว์กับเซียวเหยี่ยนมาถึงเวลาตัดสินผลแล้ว ตอนนี้มู่หรงกวานเย่ว์จู่ ๆ ก็มาฮุ่ยโจว จะต้องมีแผนแน่นอน มิหนำซ้ำต้องเป็นเรื่องที่สำคัญด้วย มิเช่นนั้นนางคงไม่มาเมืองเล็ก ๆ ที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามเช่นนี้

 

 

เห็นได้ชัดว่าจูจิ่นกับมู่หรงกวานเย่ว์ไม่ใช่พวกเดียวกัน มิเช่นนั้นคงไม่มาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยม นางไม่รู้ว่าตอนนี้จูจิ่นกับเซียวเหยี่ยนยังติดต่อกันหรือไม่ คราวนี้นางไม่กล้าเป็นพวกเดียวกันกับไทเฮา

 

 

เห็นจูจิ่นมา นางจึงตัดสินใจลองดู ถึงแม้นางกับเซียวเหยี่ยนเคยบาดหมางกัน นางก็ยังตัดสินใจยืนอยู่ข้างเซียวเหยี่ยน นางรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วเซียวเหยี่ยนจะเป็นผู้ชนะ

 

 

สุดท้ายใครจะได้ครอบครองใต้หล้าไม่สำคัญสำหรับไป่อู๋ นางเป็นห่วงก็แต่คนที่ได้ปกครองบ้านเมืองจะให้ทางรอดแก่นางหรือไม่ ตรงจุดนี้เห็นได้ชัดว่าเซียวเหยี่ยนมีคุณธรรมมากกว่า

 

 

“ในเมื่อเจ้าออกจากเรื่องราวเหล่านี้ไปแล้ว และไม่มีเหตุจำเป็นจะต้องถูกลากเข้ามาอีก แค่เพียงเจ้าบอกมาว่าไทเฮาอยู่ทีใด ข้าก็จะช่วยเจ้า”

 

 

ไป่อู๋ถอนหายใจโล่งอก จูจิ่นไม่ใช่คนชั่วช้าหน้าไม่อาย ขอเพียงนางรับปากก็พึ่งพาได้ ตอนนี้นางไม่มีวิธีอื่นแล้ว ทำได้เพียงช่วยจูจิ่น นางไม่อยากจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้แล้วจริง ๆ

 

 

ไป่อู๋บอกข้อมูลทุกอย่างที่รู้ให้จูจิ่นฟัง เมื่อได้ที่อยู่ของมู่หรงกวานเย่ว์แล้ว จูจิ่นก็พามู่หรงหงออกไปจากโรงเตี๊ยม นางไม่ได้บอกมู่หรงหงว่าทุกอย่างนี้ไป่อู๋เป็นคนบอกนาง ไม่บอกแม้กระทั่งการมีตัวตนอยู่ของไป่อู๋

 

 

ขณะมองตามแผ่นหลังจูจิ่น ไป่อู๋ก็แอบกำมือแน่นหวังว่าจูจิ่นจะจำน้ำใจคราวนี้เอาไว้ วันต่อไป นางได้แต่พึ่งพาทางรอดทางเดียวทางนี้เท่านั้น ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ต้องลองดู

 

 

ที่จริงจูจิ่นก็ไม่รู้ว่ามู่หรงกวานเย่ว์พักที่ใด แต่รู้ว่าพวกนางติดต่อกับเจ้าหน้าที่ มีความเป็นไปได้ว่านางพักอยู่ในสถานที่ราชการที่มีทหารรักษาการณ์อยู่ มู่หรงหงพาจูจิ่นมุ่งสู่บ้านพักข้าราชการ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 707 ขู่บังคับ

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์อยู่ในเรือน มู่หรงเซียงหนานกลับถูกมัดอยู่กับกิ่งไม้ในลานบ้าน แม่นมอายุสี่สิบกว่าปียืนถือกริชยืนอยู่ตรงหน้ามู่หรงเซียงหนาน

 

 

หลิงอวี้จื้อกับมั่วชิงก็อยู่ในเรือน เห็นกริชในมือแม่นม หลิงอวี้จื้อก็ร้อนรนแล้ว

 

 

“เจ้าคิดจะทำอะไร”

 

 

“หลิงอวี้จื้อ เราให้เวลาเจ้าไปตั้งมากมาย เจ้าคิดได้แล้วหรือยัง วันนี้หากเจ้ายังไม่เขียนจดหมายอีก เราก็คงต้องตัดนิ้วเซียงหนาน”

 

 

“นังบ้าโรคจิต แน่จริงก็ฆ่าข้าสิ”

 

 

หลิงอวี้จื้อโมโหขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พิษของมู่หรงเซียงหนานยังไม่ถูกถอน เธอช่วยชีวิตมู่หรงเซียงหนานไม่ได้เลย มิหนำซ้ำรอบตัวมีองครักษ์ฝีมือเยี่ยมยุทธ์จำนวนไม่น้อย หากให้มั่วชิงลงมือจริง ๆ ก็คงได้ผลลัพธ์เดียวเท่านั้น นั่นคือมั่วชิงถูกจับ

 

 

“เราจะฆ่าเจ้าเพื่ออะไร เราเพียงต้องการให้เจ้าเขียนจดหมายเท่านั้น หรือว่าเจ้าไม่อยากรู้เลยหรือว่าเซียวเหยี่ยนจะทำเพื่อเจ้าถึงขนาดไหน ดูสิว่าเขาจะทิ้งกองทัพเพื่อเจ้าแล้ววิ่งมาที่นี่หรือไม่”

 

 

หลิวอวี้จื้อถุยน้ำลาย

 

 

“ข้าไม่ได้ไร้สาระเหมือนเจ้า เรื่องเช่นนี้ข้ามิได้อยากรู้เลยสักนิด และไม่จำเป็นต้องทดสอบ มู่หรงกวานเย่ว์ เจ้าอย่าทำร้ายเซียงหนานเลย ถ้าเจ้าอยากจะตัดก็ตัดนิ้วข้าแทน”

 

 

“พูดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าไม่เขียนใช่หรือไม่”

 

 

สีหน้าของมู่หรงกวานเย่ว์เย็นชาขึ้นมา นางทำมือให้แม่นมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเซียงหนาน

 

 

แม่นมคนนั้นถือมีด ค่อย ๆ เดินเข้าใกล้มู่หรงเซียงหนาน เห็นแม่นมถือกริชในมือ มู่หรงเซียงหนานที่เดิมไม่พูดอะไรจู่ ๆ ก็แหกปากร้องตะโกน ดิ้นรนต่อสู้สุดพลัง แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดจากเชือกที่พันธนาการตัวอยู่ได้ ร้องไห้จนปอดแทบฉีก

 

 

ไม่ว่าใครได้ยินเสียงร้องเช่นนี้ก็ต้องรู้สึกวิตกกังวลใจ หลิงอวี้จื้อรู้สึกหายใจไม่ออก ในหัวของหลิงอวี้จื้อมีแต่ภาพของมู่หรงนี่อวิ๋นปรากฏขึ้นมาไม่หยุด รวมถึงใบหน้าที่ยิ้มแย้มน่ารักของมู่หรงเซียงหนานด้วย

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ได้ยินเสียงร้องไห้ตะโกนของมู่หรงเซียงหนาน จู่ ๆ ก็นึกถึงภาพวันที่มู่หรงเซียงหนานถูกตัดหู วันนั้นมู่หรงเซียงหนานยังพูดได้ เอาแต่ตะโกนว่าไม่เอา ตะโกนจะเสียงแหบแห้ง นางเคยใจอ่อนและหวั่นไหว สุดท้ายก็ยังทำเช่นนั้น

 

 

คราวนี้ได้ยินเสียงร้องไห้ตะโกนของมู่หรงเซียงหนาน ใจนางยังรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ

 

 

ความรู้สึกหายใจไม่ออกตีขึ้นมา เพียงแต่นางพยายามสะกดเอาไว้ ไม่มีพิรุธใด ๆ ทางสีหน้า ถึงขนาดจ้องมองมู่หรงเซียงหนานตรง ๆ ราวกับว่าเด็กตรงหน้านั้นเป็นเพียงเด็กแปลกหน้าเท่านั้น

 

 

แม่นมเดินไปตรงหน้ามู่หรงเซียงหนานแล้ว หยิบมือเขาขึ้นมา สีหน้ามู่หรงเซียงหนานขาวซีด คอแหบแห้งแล้ว ศีรษะของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเหนียว ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ในแววตามีแต่ความหวาดกลัว

 

 

เห็นมีดในมือแม่นมกำลังจะกรีดลงบนนิ้วของมู่หรงเซียงหนาน ในที่สุดหลิงอวี้จื้อก็ทนไม่ไหวตะโกนว่า

 

 

“หยุด ไม่ต้องทำร้ายเขาแล้ว”

 

 

“คิดตกแล้วหรือ”

 

 

มุมปากของมู่หรงกวานเย่ว์ถึงขนาดเหยียดเป็นรอยยิ้มจาง ๆ

 

 

หลิงอวี้จื้อไม่พูดอะไร เธอยังคิดไม่ตก เพียงแต่ไม่สามารถเห็นพวกเขาทำกับเซียงหนานเช่นนี้ต่อหน้าต่อตาได้

 

 

“ไทเฮา เจ้ากำลังทำอะไร”

 

 

จู่ ๆ เสียงของมู่หรงหงก็ดังมาจากที่ไกล ๆ จากนั้นมู่หรงหงก็เดินก้าวอาด ๆ เข้ามา จูจิ่นวิ่งมาก่อนแล้ว วิ่งก้าวยาว ๆ มาตรงหน้ามู่หรงเซียงหนาน

 

 

เห็นแววตาที่ว่างเปล่าของมู่หรงเซียงหนาน ผอมจนไม่เหมือนผู้เหมือนคน สีหน้าขาวซีด ศีรษะมีแต่เหงื่อเหนียว หูมีผ้าพันแผลปิดอยู่ นางก็ปวดใจจนแทบทนไม่ไหว ยื่นมือออกไปจะลูบมู่หรงเซียงหนาน เพียงแต่มู่หรงเซียงหนานกลับหดตัว ตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

 

 

จูจิ่นแทบเป็นลมล้มพับ เซียงหนานของนางเหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้

 

 

นางกุลีกุจอแก้มัดให้มู่หรงเซียงหนาน จะปล่อยเขาลงมา