ตอนที่ 742 แทนที่นาง

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 742 แทนที่นาง

ฟางหลิงซู่คลี่ยิ้มจากนั้นก็ออกไปกับองครักษ์ อันหลิงเกอมิได้คิดมากเนื่องจากเคยบอกมู่จวินฮานไว้แล้วว่าหากไม่เห็นแสงตะเกียงก็หมายความว่านางไม่อยู่

ขณะที่ทั้งสองจะหนีออกไป ฟางหลิงซู่ก็ผลักประตูเข้ามาเสียก่อน พอหลู่เยว่เยว่เห็นฟางหลิงซู่เข้ามาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกซึ่งนางก็มิรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด

แต่แล้วนางก็กลับมามีท่าทีประหม่าอีกครั้ง นางเข้าไปซ่อนด้านหลังมู่จวินฮาน เมื่อฟางหลิงซู่เห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่าหลู่เยว่เยว่ยังมิโดนจับได้ มู่จวินฮานยังเข้าใจผิดว่านางคืออันหลิงเกอ

“เมื่อวันนี้เจ้ามาแล้วก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปอีก” ฟางหลิงซู่มองมู่จวินฮาน กระบี่ในมือถูกชักออกมารอ เวลานี้เหล่าทหารก็เข้ามาล้อมตำหนักไว้และมู่จวินฮานก็ไม่มีทางหนีไปได้

“ฟางหลิงซู่ หากเจ้าทำร้ายเขา ต่อให้ข้าจะตายก็ไม่มีทางอยู่ข้างกายเจ้าแน่” ช่วงหลายวันมานี้หลู่เยว่เยว่เลียนแบบอันหลิงเกอได้เหมือนมากจนทำให้แม้แต่ตอนนี้ฟางหลิงซู่ก็แทบแยกมิออก

หลังกล่าวประโยคนี้จบ หลู่เยว่เยว่ก็เอื้อมมือไปดึงกระบี่ในมือฟางหลิงซู่มาแทงที่หน้าอกของตน ฟางหลิงซู่เองก็ตกใจเพราะคิดว่านางเป็นอันหลิงเกอไปชั่วขณะจึงรีบปล่อยมือออกจากกระบี่ทันที

หลังจากที่กระบี่มาอยู่ในมือหลู่เยว่เยว่แล้ว นางก็เปลี่ยนทิศทางเพื่อนำมันมาจ่อที่ลำคอและมองฟางหลิงซู่อยู่เยี่ยงนั้น สถานการณ์แบบนี้คล้ายคลึงกันมากจึงทำให้บุรุษทั้งสองตกตะลึงไปชั่วขณะ

เมื่อเห็นหลู่เยว่เยว่เป็นแบบนี้ หัวใจของมู่จวินฮานก็เต้นรัวทันที ตอนนี้เขาจะเสียอันหลิงเกอไปมิได้อีก เขาไม่มีทางปล่อยให้นางตกอยู่ในมือฟางหลิงซู่อีกแล้ว

“ปล่อยพวกเราไป” คราวนี้คำที่นางพูดมิใช่ ‘ปล่อยเขาไป’ แต่เป็น ‘ปล่อยพวกเราไป’ จึงเป็นธรรมดาที่มู่จวินฮานจะเห็นการตัดสินใจของนาง เขามิได้กล่าวอันใดมากเพียงจับจ้องไปที่กระบี่บนคอนางอย่างระมัดระวัง

ตอนนี้ฟางหลิงซู่ก็ตกใจเหมือนกัน หรือแม้แต่สงสัยด้วยซ้ำว่าหากมิได้เป็นเพราะเขาให้คนจับตามองอันหลิงเกอไว้ เขาก็คงสงสัยว่าคนตรงหน้ามิใช่หลู่เยว่เยว่แต่เป็นอันหลิงเกอแทน

“เกอเอ๋อ อย่าวู่วาม ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก็ได้ แต่มู่จวินฮานต้องทานยานี้ก่อน แล้วพวกเจ้าถึงจะออกไปได้” ขณะกล่าว ฟางหลิงซู่ก็หยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋าอกเสื้อแล้วยัดมันใส่มือมู่จวินฮาน มองก็รู้ว่านี่คือยาพิษที่จะค่อย ๆ ออกฤทธิ์เหมือนคราวก่อนและมันจะทำให้คนที่ทานเข้าไปเจ็บปวดทรมานเจียนตาย

ทว่าตอนนี้มู่จวินฮานไม่มีเวลาให้ลังเลอีกต่อไป พอรับยามาจากฟางหลิงซู่แล้วก็กลืนมันลงคอทันที ส่วนหลู่เยว่เยว่ที่อยู่ด้านข้างก็อยากจะห้ามแต่มิทันเสียแล้ว นางจึงได้แต่มองเขากลืนมันลงไป

ฟางหลิงซู่ก็มิได้หลอกลวง ต่อจากนั้นเขาให้เหล่าทหารเปิดทาง แต่หลู่เยว่เยว่มิได้ปล่อยมือจากกระบี่เล่มนั้นและหันไปมองฟางหลิงซู่อย่างมีนัย นางตามมู่จวินฮานออกไปทันที

การสบตาครั้งนี้ทำให้ฟางหลิงซู่มั่นใจทันทีว่านางมิใช่อันหลิงเกอแต่เป็นหลู่เยว่เยว่ เพราะนางส่งสายตาให้เขาว่าทำภารกิจสำเร็จแล้ว

ฟางหลิงซู่ก็อยู่นานมิได้จึงรีบสั่งให้ทหารกลบเกลื่อนร่องรอยให้เรียบร้อยและให้พวกเขาถอยออกไป ส่วนตนก็กลับไปอยู่เป็นเพื่อนอันหลิงเกอที่งานเลี้ยง

หากเขาออกมานานเกินไป อันหลิงเกอก็ต้องเกิดความสงสัยแน่นอนและถ้าเป็นเช่นนั้นนางก็จะรีบกลับมาที่นี่แล้วเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง

ฟางหลิงซู่มิอาจปล่อยให้อันหลิงเกอมาทำลายแผนการ บัดนี้มู่จวินฮานพาตัวหลู่เยว่เยว่ออกไปแล้วก็ต้องมิกลับมาอีกแน่นอน ส่วนอันหลิงเกอก็จะคิดว่าโดนทอดทิ้งและตัดใจได้ในที่สุด

หลู่เยว่เยว่และมู่จวินฮานออกไปพ้นกำแพงวังแล้วก็นั่งรถม้าที่ชิงเฟิงจัดเตรียมไว้ให้ คืนนี้ชิงเฟิงก็เห็นท่าทีของมู่จวินฮานจึงรู้ว่าไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน เขาจึงมารออยู่ที่นี่เพื่อหวังว่าจะได้รับตัวเจ้านายกลับ

แต่ชิงเฟิงคาดมิถึงว่ามู่จวินฮานจะสามารถช่วยอันหลิงเกอออกมาได้อย่างราบรื่น ทำให้เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

ก่อนออกมา ฟางหลิงซู่ได้มอบภาพเหมือนของคนใกล้ชิดให้หลู่เยว่เยว่แล้วจึงเป็นธรรมดาที่ตอนนี้นางจะรู้ว่าคนตรงหน้าคือชิงเฟิงบ่าวและองครักษ์คนสนิทของอันหลิงเกอกับมู่จวินฮาน

พวกเขาเดินทางกลับเมืองหลวงทั้งอย่างนั้น แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าผู้ที่ร่วมเดินทางมาด้วยมิใช่อันหลิงเกอทว่าเป็นสตรีแปลกหน้าที่มีนามว่าหลู่เยว่เยว่

หลังงานเลี้ยงสิ้นสุดและอันหลิงเกอกลับถึงตำหนัก นางก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติแต่อย่างใดและมิได้คิดอันใดมากเพราะเชื่อว่ามู่จวินฮานไม่เห็นแสงตะเกียงจึงกลับไปแล้ว

ในใจของอันหลิงเกอนอกจากความผิดหวังแล้วก็ไร้สิ่งอื่น เนื่องจากวันพรุ่งนี้ยังสามารถพบกันได้อีก การที่ได้เจอกันทุกวันเป็นเหมือนความเคยชินของนางเสียแล้ว

แต่เมื่อถึงวันต่อมาอันหลิงเกอมิได้เจอมู่จวินฮาน วันที่สามและสี่เขาก็ไม่มาเช่นกัน

อันหลิงเกอเริ่มสงสัยแล้วว่าฟางหลิงซู่จับตัวเขาไปหรือไม่ แต่พอคิดว่าฟางหลิงซู่มาอยู่กับนางทุกวัน ออกห่างก็แค่ 1 เค่อแล้วจะมีโอกาสทำเช่นนั้นได้หรือ

อันหลิงเกอจึงคิดแค่ว่าช่วงหลายวันมานี้มู่จวินฮานติดธุระบางอย่าง แต่นางมิรู้เลยว่าตอนนี้มู่จวินฮานกลับเมืองหลวงและอยู่ร่วมกับหลู่เยว่เยว่ อีกทั้งมิทราบว่าเป็นอันหลิงเกอตัวปลอมด้วย

ในเวลานี้เองเผ่าปิงชวนก็เริ่มมีข่าวลือแพร่สะพัดว่ามีคนพบเห็นร่องรอยของอ๋องมู่ เห็นว่าเขาพาสตรีนางหนึ่งหนีกลับไปอยู่ที่ต้าโจวแล้ว

มินานนักอันหลิงเกอก็ทราบข่าวนี้ นางไม่อยากเชื่อแต่มู่จวินฮานก็ไม่มาหาจริง ๆ เขาจะมีความรักครั้งใหม่ได้เร็วเพียงนี้เลยหรือ เพราะเห็นได้ชัดว่าเขายังรักนางอยู่ !

แน่นอนอยู่แล้วว่าฟางหลิงซู่เป็นคนปล่อยข่าวลือออกมา สิ่งที่เขาต้องการคือทำให้อันหลิงเกอตัดใจจากมู่จวินฮาน แม้หัวใจของอันหลิงเกอไม่ได้อยู่ที่เขาแต่ก็จะไปอยู่ที่บุรุษอื่นมิได้ !

แม้เห็นว่าแผนการสำเร็จแล้ว ฟางหลิงซู่กลับไม่รู้สึกถึงความสำเร็จแม้แต่น้อยเพราะไม่ว่าจะทำเช่นไร หรืออันหลิงเกอเศร้าเสียใจแค่ไหน แต่นางก็ยังหวังเสมอว่ามู่จวินฮานจะมาหา

ฟางหลิงซู่รู้ดีว่าหัวใจของอันหลิงเกอยังตัดมิขาด ทว่าตอนนี้ก็ไม่มีวิธีใดทำให้นางเห็นหลักฐานด้วยตาตนเอง แม้นางจะเป็นพระชายาประมุขเผ่าแต่หัวใจกลับไปอยู่ที่บุรุษอื่น

หลังมู่จวินฮานและหลู่เยว่เยว่กลับถึงเมืองหลวง หลู่เยว่เยว่เป็นคนฉลาดในแต่ละวันจึงช่วยจัดการงานในจวนให้มู่จวินฮานได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนมู่จวินฮานก็มิเห็นอันใดที่แตกต่างไปจากอันหลิงเกอตัวจริง

มู่จวินฮานก็ปฏิบัติต่อหลู่เยว่เยว่อย่างเอาใจใส่ทุกวัน ทำให้นางเริ่มตกหลุมรักเขาจริง ๆ

เดิมทีในสายตาของนางคือฐานะก็มีไว้เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปนางก็เริ่มมีความรู้สึกให้มู่จวินฮานเสียแล้ว

ตอนนี้พิษในกายของมู่จวินฮานยังมิออกฤทธิ์ ทำให้ยังไม่รู้สึกอันใด เขาจึงลืมมันอย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันพอมีหลู่เยว่เยว่คอยอยู่เป็นเพื่อน มู่จวินฮานก็มิรู้สึกว่ามีอันใดผิดปกติ

ในจวนของมู่จวินฮาน เดิมทีมีแค่อันหลิงเกอและทัวป๋าหลิวลี่ที่ค่อนข้างโดดเด่น แต่บัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นหลู่เยว่เยว่ในคราบอันหลิงเกอและทัวป๋าหลิวลี่ไปแล้ว