บทที่ 379 ดูแล้วยังค่อนข้างเด็ก

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เขายกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย แล้วจู่ๆก็เปลี่ยนประเด็นไป : “ดูเหมือนกับว่าคุณจะไม่เคยถามถึงอายุของผม แล้วผมก็ไม่เคยพูดถึงมาก่อนด้วยเหมือนกัน ปีนี้ผมอายุสามสิบสี่……”

ยู่ยี่ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆเขาถึงเปลี่ยนประเด็น แต่ตอนที่ได้ยินว่าเขาอายุสามสิบสี่นั้น เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ฉันทัชเห็นแล้ว มือใหญ่ที่เห็นข้ออย่างชัดเจนนวดลงตรงหว่างคิ้วแล้วเอ่ยถามเธอ : “รู้สึกว่าแก่มากเลยใช่ไหมครับ?”

“เปล่าเลยค่ะ ฉันรู้สึกว่าคุณน่าจะอายุประมาณสามสิบ”สิ่งที่ยู่ยี่พูดนั้นล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น

“เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักหรือว่าประสบการณ์ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ผมจะเป็นเหมือนกระดาษขาวๆใบหนึ่ง หรือแม้กระทั่งหลากหลายสีสันเสียด้วยซ้ำ ประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมลึกซึ้งมากกว่าที่คุณคิด แล้วก็มากกว่านั้นด้วย….”น้ำเสียงที่ดึงดูดของเขาแหบพร่าขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกหยาบกระด้างก็ดูหนักขึ้นด้วยเช่นกัน แต่กลับเป็นการกระตุ้นข้อดีออกมา

ยู่ยี่ก้มหน้าลง ดื่มน้ำที่อยู่ในแก้ว ความหมายแฝงในประโยคนี้ของเขาไม่สามารถชัดเจนไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว

เขาอายุมากกว่าเธอถึงเจ็ดปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก หรือว่าประสบการณ์ของเขา ล้วนแต่เหนือกว่าเธออยู่แล้ว ผู้ชายที่โตเป็นผู้ใหญ่อายุสามสิบสี่ปีคนหนึ่งจะแยกไม่ออกกับความรู้สึกดีและความแปลกใหม่เลยอย่างนั้นหรือ?

เขาเป็นที่น่าหลงใหลขนาดนี้ ความสง่างามที่เป็นธรรมชาติแพร่กระจายออกมาทั่วทั้งร่างกายของเขา เลื่อมใสศรัทธาในตัวเขา ผู้หญิงที่ล้อมรอบเขานั้นจะต้องมีมากมายนับไม่ถ้วน ยู่ยี่มองออกว่าผู้ชายแบบเขา กับเรื่องของความรัก ไม่แน่ว่าจะมีประสบการณ์อย่างโชกโชนแล้ว แต่เธอเองก็รู้เช่นกันว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะทำอะไรตามใจชอบ

“สามสิบสี่ ผ่านช่วงที่ตื่นเต้นกับเรื่องความรักไปตั้งนานแล้วครับ บางทีคุณรู้สึกว่าคงธรรมดาไปไม่ได้อีกแล้ว แต่สำหรับผมนั้นมีชีวิตชีวา เป็นความรักที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป….”ดวงตาที่ลึกซึ้งของเขา อ่อนโยนและทั้งนุ่มนวล ดวงตาสว่างไสวราวกับต้องการจะมอมเมาอีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้น

ยู่ยี่ไม่มีคำพูดใดๆ เธอก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว เลี่ยงจากสายตาที่สบตามองเขาอยู่ เธอกลัวว่าจะถลำลึกลงไป

“ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ พวกเราเองก็เพิ่งจะเจอกันไม่กี่ครั้งเอง กับฉัน คุณก็ยังไม่ได้เข้าใจอะไรมากนี่คะ….”

“การที่จะเข้าใจทุกๆคนก็ต้องเริ่มจากรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เจอกันเพียงสองสามครั้งก็เพียงพอแล้ว ผมรู้ว่าผมต้องการอะไร และผมก็ชัดเจนกับสิ่งที่สามารถกระตุ้นผมได้ การที่จะเข้าใจคนๆหนึ่งนั้นไม่เกี่ยวกับเวลา เจ็ดปีเป็นเวลาที่ยาวนานมาก แต่กลับไม่สามารถมองคนๆนึงได้อย่างทะลุปรุโปร่งได้เลย…..”

เสียงของฉันทัชนั้นเชื่องช้ามาก ดวงตาจ้องมองมาที่เธอ แล้วชี้เจาะจงประโยคสุดท้าย

ยู่ยี่หลบตามองต่ำลงแล้วทานข้าวต้ม ในใจสั่นไหวตามคำพูดของเขาและยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้างอีกด้วย เธอไม่ได้เอ่ยพูดอีก ประโยคสุดท้ายเธอรู้ว่าเขาพูดถึงหัสดิน

เขาเป็นผู้ใหญ่จริงๆ มีกิริยาท่าทางที่งดงาม ยกตัวอย่างได้อย่างอ่อนโยน ไม่มีการเอ่ยพูดชื่อ เพียงแค่ใช้ความรักในช่วงเจ็ดปีนั้นแสดงความเห็นเพื่อดึงดูดออกมาเท่านั้น

ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ว่าคำพูดนี้กลับทำให้บาดแผลของเธอเปิดออกมา ตรงนั้นยังไม่หายดี หลังจากที่เปิดออกมาแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดและคลุมเครืออยู่บ้าง

ความจริงแล้ว ประเด็นที่คุยกันดำเนินมาถึงตรงนี้ก็เหลือเพียงแค่การแสดงท่าทีของเธอเพียงเท่านั้น เขาพูดออกมาอย่างชัดเจนขนาดนี้แล้ว ถ้าหากเธอไม่แสดงท่าทีของเธอออกมาก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ เขาก็เข้าใจว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง

เธอไม่ได้เอ่ยพูด ทานข้าวต้มอยู่แบบนั้น และในตอนท้ายเธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วขอสาลี่ตุ๋นกับพนักงานอีก : “ดีกับคอนะคะ”

ฉันทัชพยักหน้าลงเล็กน้อย แล้วไม่ได้ต่อประเด็นเมื่อครู่นี้ แต่ทานข้าวต้มและซุปนั้นอย่างนิ่งเฉย

ตอนที่เช็คบิลแล้วเดินออกมาจากร้านข้าวต้มนั้น ยู่ยี่ก็ไปที่ร้านยาข้างๆอีกครั้ง เมื่อครู่เธอลืมซื้อยาปัวหลั่งเก็งแก้ไข้ ตอนที่เดินออกมา ก็ยื่นส่งถุงยาให้เขา : “ฉันเรียกรถแท็กซี่ไปก็ได้ค่ะ”

“คุณอ่อนไหวมาก….”เสียงแหบพร่าของฉันทัชเอ่อล้นออกมาจากลำคอของเขา เธอกำลังหลบหน้า

“หรือบางทีก็อ่อนไหวอยู่บ้างค่ะ”มุมปากของเธอกระตุกขึ้นด้วยความเคอะเขิน

“ขึ้นรถครับ……”เขาเหลือบมองเธอในตอนท้าย มือใหญ่ดึงเสื้อคลุมสีดำที่เลื่อนลงมาตรงไหล่ แล้วเอ่ยพูดขึ้นต่อ : “เรื่องนี้ต่อไปผมจะไม่พูดกับคุณอีก แต่ถ้าหากคุณอยากจะพูดกับผม ก็สามารถพูดได้ทุกเวลา…..”

คำพูดมาถึงขั้นนี้ ถ้าหากเธอปฏิเสธอีก ก็ดูจะไม่มีเหตุผลอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเกินไปอีกด้วย

เธอก็เลยขึ้นไปนั่งบนรถของเขาอีกครั้ง…..

ตลอดทาง ฉันทัชไม่ได้เอ่ยพูดออกมา ร่างสูงของเขาเอนลงบนเก้าอี้เบาะหนัง หลับตางีบ อาการหวัดดูเหมือนจะรุนแรงอยู่บ้าง

ยู่ยี่เกิดความรู้สึกละอายใจ ในรถนั้นเงียบมาก มีเพียงแค่เสียงลมหายใจเบาๆเท่านั้น

นอนอยู่ในอ่างอาบน้ำ น้ำอุ่นไหลจากร่างกายลงมา ในหัวของยู่ยี่อดที่จะนึกถึงเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันที่ร้านข้าวต้มขึ้นมาเองไม่ได้

คำพูดสั้นๆกระชับครอบคลุมทุกคำพูดทุกประโยคของเขา จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะจำได้อย่างชัดเจน และยังมีสายตาของเขาอีก……

หัวใจเต้นขึ้นมา ยู่ยี่สูดหายใจเข้าลึกๆ ข่มความรู้สึกเอาไว้ หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า

เวลานี้เธอที่หมดเรี่ยวแรง ชอกช้ำจะมีจิตใจ มีอารมณ์ที่จะกล้าไปเผชิญหน้ากับรักครั้งใหม่ได้เสียที่ไหนกัน

และยังมีผู้ชายแบบนั้น ที่ลางสังหรณ์เธอบอกว่าไม่สามารถไปยั่วยุเขาได้ แล้วก็ยิ่งรู้ตัวด้วยว่าไม่คู่ควร

ในทีวีนั้นก็ลังเปิดโยคะอยู่ ร่างกายของเธอเองช่วงนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว เล่นโยคะก็ไม่เลวเลยเช่นกัน ผ่อนคลายอารมณ์ ทำให้จิตใจสงบ

หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ ชีวิตของเธอนั้นก็มีความเคยชินกับกฎเกณฑ์มากขึ้น ตื่นหกโมงเช้า จะต้องทานอาหารเช้า หลังจากนั้นก็ไปที่บริษัท หลังจากช่วงเย็นที่กลับคอนโดมาแล้ว เธอก็จะเล่นโยคะสี่สิบนาที หลังจากนั้นก็เรียน และขึ้นเตียงนอนก่อนสี่ทุ่มในทุกๆคืน

ชีวิตแบบนี้ทำให้เติมเต็มได้จริงๆ และหัสดินก็ปรากฏในความฝันของเธอน้อยครั้งมากอีกด้วย

ความจริงแล้ว เมื่อคนๆหนึ่งทำให้คุณเจ็บอย่างยับเยินแล้ว เพียงแค่คุณตัดสินใจ นั่นไม่ใช่เรื่องยากเลยที่คุณจะลืมเขาได้

เจ็ดปีนั้น เธอใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองมากเกินไป ทุกอย่างล้วนแต่วนอยู่กับหัสดิน เวลานี้ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองเสียเวลาไปแล้วเจ็ดปี

เมื่อก่อนมักจะรู้สึกว่าไม่มีหัสดินอยู่ด้วยแล้วก็จะเป็นเหมือนกับแมลงวันที่ไม่มีทิศทาง ตอนนี้กลับมีเรื่องอีกมากมายที่รอให้เธอได้ไปทำ

เธอรู้สึกว่าทุกๆวินาที ทุกๆนาทีนั้นมีค่ามากสำหรับเธอ

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ สามารถพักผ่อนได้หนึ่งวัน เธอกำลังซักผ้าอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เธอกดรับ เป็นนาโนนั่นเอง

“วันนี้เธอไปเดินช้อปปิ้งเป็นเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ…..”นาโนดูเหมือนจะยังไม่ตื่น เสียงยังดูขึ้นจมูกอยู่

“หลังสิบเอ็ดโมงแล้วกันนะ”เธอยังมีเสื้อผ้าอีกสองชุดที่ยังไม่ได้ซัก และยังมีห้องที่ยังไม่ได้จัดเก็บอีกด้วย แม่บ้านถูกเธอไล่ออกไปแล้ว เธอคนเดียวไม่ต้องใช้แม่บ้านก็ได้

นาโนตอบรับอย่างงัวเงีย แล้วล้มตัวลงนอนต่อ ยู่ยี่ซักเสื้อผ้าหลังจากนั้นก็สะบัดตากให้แห้ง

สถานที่ที่ทั้งสองคนนัดกันก็คือถนนรินลา ตอนที่ยู่ยี่รีบมานั้น นาโนก็อยู่ที่นั่นแล้ว จ้องมองเธอ แล้วพิจารณาไปมา : “ทำไมฉันรู้สึกว่ารูปร่างของเธอดูมีการเปลี่ยนแปลง?”

“ตรงไหน?”ยู่ยี่ก็มองพิจารณาตัวเองด้วยเช่นกัน

“ช่วงสะโพกไง ฉันรู้สึกว่าดูเหมือนจะกลมมากกว่าเมื่อก่อนนะ แล้วก็งอนขึ้นมาบ้างด้วย”ว่าแล้วนาโนก็ฉวยโอกาสจับอีกด้วย

ยู่ยี่ด่าว่าเธอ : “ผู้หญิงที่ไหนจะมีพฤติกรรมหยาบคายแบบเธอบ้างเนี่ย!”

“ฉันพูดเรื่องจริงนี่ ตอนนี้เธอมีที่รบรอยไหม? ยี่ห้ออะไร ดูเนียนขึ้นมาจริงๆ จุดดำตอนตั้งครรภ์ก็หายไปแล้วด้วย”

ยู่ยี่ลูบใบหน้าตัวเองพลางส่ายหน้า : “ช่วงนี้ฉันเล่นโยคะน่ะ ตอนอยู่ที่ออฟฟิศวันนึงก็ดื่มน้ำห้าแก้ว ผิวนี่ก็น่าจะเป็นเพราะดื่มน้ำนี่แหล่ะ”