ตอนที่ 609 กินยาผิดแล้ว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าทั้งสองคนก็ดูดีทั้งคู่นั่นแหละ แต่หากวัดกันแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าต้องเป็นจิ่วเยี่ยที่สมบูรณ์แบบที่สุด เจ้าดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเจ้านั่นมาก”

“ใช้ไม่ได้!” มู่เฉียนซียกย่องจิ่วเยี่ย ทำให้จิ่วเยี่ยเก็บงำความเย็นยะเยือกนั้นไป แต่เขายังคงไม่ร่าเริงอยู่ดี

“ตอนนี้ข้ายังต้องการใช้สองตัวตนอยู่ ข้ากับอาถิงมีพันธสัญญาต่อกัน การแปลงกายนี้มันสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว หากเจ้าทนเห็นหน้านี้ของอาถิงไม่ได้จริง ๆ ข้าจะให้เจ้าต่อยสักหมัด!” มู่เฉีนซีอธิบาย

จิ่วเยี่ยมองตามู่เฉียนซี ถึงแม้ว่ารูม่านตาจะเปลี่ยนไป แต่แววตานั้นก็ยังคงเป็นของมู่เฉียนซีอยู่ มิใช่ของศาลาเลือนรางเก้าชั้น

ใบหน้านี้ เมื่อเห็นแล้วก็ปลุกความเกลียดชังอยากจะกระชากเสียให้แหลก ทว่า ตอนนี้ผู้ที่ใช้ใบหน้านี้คือมู่เฉียนซี จิ่วเยี่ยจะต่อยได้เช่นไร

“ข้าทำไม่ได้! ศาลาเลือนรางเก้าชั้นตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ค่อยต่อยก็แล้วกัน”

“อืม!” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว

อาถิงที่กำลังหลับใหลอยู่ในตอนนี้ รับรู้ได้ถึงความอาฆาตพยาบาทจากด้านนอกอย่างแปลกประหลาด

การเปิดกิจการหอหมอปีศาจในเสียโจวครั้งนี้ หมอปีศาจเป็นผู้บัญชาการด้วยตัวเอง จากนั้นก็ลงมือรักษาคนป่วยด้วยตัวเอง อีกทั้งเม็ดยาวิญญาณและโอสถนั้นอุดมสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมาก หอหมอปีศาจไม่อยากจะมีชื่อเสียงอันโด่งดังก็ไม่ได้แล้ว

ชั่วครู่หนึ่ง ชื่อเสียงของหอหมอปีศาจก็โด่งดังไปทั่วทั้งเสียโจว คนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเขา สงสัยในระดับการปรุงยาและที่มาที่ไปของเขา และแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้พวกเขาไม่มีโอกาสได้รู้อย่างแน่นอน

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น จิ่วเยี่ยก็ได้รับการกอดจากมู่เฉียนซี

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “อาจารย์จิ่วเยี่ย ข้าโดดเรียนมาและเจ้าก็โดดงานมาสองวันแล้ว เราควรจะกลับไปได้แล้ว”

“ได้สิ!”

ถึงอย่างไรแล้ว เขาก็ไม่อยากเห็นหน้าชายผู้นั้นอยู่แล้วด้วย

หลังจากที่โม่จิ่นเสร็จงานแล้ว เขาก็ได้เห็นกระดาษที่มู่เฉียนซีได้ทิ้งเอาไว้ให้และจากไป คิดได้ว่ามีเรื่องที่ยังต้องจัดการต่อ ชั่วครู่หนึ่งเขาก็แทบจะร้องไห้

“นายท่าน ในเมื่อโดดเรียนมาได้แล้วก็น่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อยแล้วค่อยกลับก็ได้!”

“ฮือ ฮือ ฮือ! ท่านช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว”

ตอนนี้พวกคนคร่ำครึของหน่วยสำนักปรุงยาก็ได้รู้ข่าวแล้ว “ตอนนี้ในเสียโจวมีนักปรุงยาผู้หนึ่งมีชื่อเสียงมาก ชื่ออะไรนะ หมอปีศาจมู่ซีอะไรนั่นหน่ะ!”

“คนผู้นี้ไม่ใช่นักปรุงยาที่เหล่าฉู่แนะนำมาให้เป็นอาจารย์หรอกเหรอ ?”

“หรือว่าคนผู้นั้นมีฝีมือจริง ๆ ?”

“ได้ยินมาว่ายังเป็นหนุ่มที่อายุยังน้อยมาก หากไร้ฝีมือและคุยโวโอ้อวดเช่นนี้ ชื่อเสียงก็คงจะฉาวโฉ่ไปนานแล้ว หอหมอปีศาจก็คงจะเปิดต่อไปไม่ได้ แต่ตอนนี้หอหมอปีศาจนั่นกลับขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า!”

“จะไม่เป็นเช่นนั้นไปได้ยังไงหล่ะ ได้ยินมาว่าพวกเขาขายโอสถด้วย ประสิทธิภาพของโอสถนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเม็ดยาวิญญาณเลยนะ!”

“ข้าใช้ชีวิตมาแก่ปูนนี้แล้ว ยังไม่รู้เลยว่ามีโอสถที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้อยู่ ไปซื้อเม็ดยากับโอสถเหล่านั้นของหอหมอปีศาจมาดูหน่อยดีไหม ?”

ทันทีที่ซื้อยาวิญญาณกับโอสถมา พวกเขาก็ทำการศึกษา และพวกเขาก็เริ่มสนใจในตัวหมอปีศาจมู่ซีผู้นั้นเข้าแล้ว

“ข้าอยากจะเจอหน้าเจ้าเด็กนั่นเสียจริง! เจ้าเด็กนั่นจะมาเมื่อไหร่กันหล่ะ ?”

“วันนั้นพวกเราบอกไปว่าหลังจากนั้นเจ็ดวัน ตอนนี้ก็เหลือแค่สองวันแล้ว!”

“อีกสองวัน ข้าอยากจะไปเจอเจ้าเด็กนั่นซะตอนนี้เลย เขาทำได้ยังไงกัน ?”

“หากเราเสนอหน้าไป แล้วเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันหล่ะ รออีกสักหน่อยเถอะ!”

อดใจรอไม่ไหวแล้ว พวกเขารู้สึกว่าตอนนั้นเป็นลมบ้าหมูหรืออย่างไรถึงได้นัดเวลานานเช่นนั้น มาเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

เวลาเจ็ดวันก็ได้มาถึงแล้ว มู่เฉียนซีได้แปลงร่างเป็นอาถิง และถูกจิ่วเยี่ยนำตัวไปพบกับอาจารย์ใหญ่ ทั้งสองเดินไปหาอาจารย์ใหญ่ราวกับภาพวาดที่เคลื่อนไหวได้ก็มิปาน งดงามและสง่าเป็นอย่างมาก

อาจารย์ใหญ่เห็นเช่นนี้ถึงกับตะลึงอึ้งไป สองคนนี้ช่างงดงามเกินไปแล้ว

ชายหนุ่มชุดดำราวกับเทพมาร รูปร่างสูงและแข็งแกร่งมาก พลังที่แผ่ซ่านออกมาอย่างท่วมท้น!

ส่วนชายหนุ่มชุดเขียวผู้นี้ก็ดูราวกับภูตปีศาจ บริสุทธิ์และไร้เดียงสาอย่างมิอาจเปรียบได้! ดูเหมือนคู่ที่สวรรค์สร้างก็มิปาน

อาจารย์ใหญ่ฉู่ตกใจกับความคิดของตัวเองไปชั่วขณะ นี่เขากำลังคิดสิ่งใดอยู่! สองคนนี้เป็นผู้ชายนะ! ทั้งสองเป็นผู้ชาย!

อาจารย์ใหญ่ฉู่มองไปที่จิ่วเยี่ยแล้วถามว่า “นายท่านจิ่วเยี่ย ไม่ทราบว่าหมอปีศาจมู่ซีที่ท่านว่า เขามาแล้วหรือยัง ?”

มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าวว่า “อาจารย์ใหญ่ฉู่ ข้าก็อยู่ตรงหน้าท่านแล้วนี่ไง ยังจะถามอีกว่าข้ามาแล้วหรือยัง ท่านเมินเฉยต่อข้ามากเกินไปหรือเปล่า ?”

สีหน้าของอาจารย์ใหญ่ฉู่พลันเปลี่ยนไปทันที เขากล่าว “เจ้าคือ หมอปีศาจมู่ซี ?”

ไม่นานมานี้ หมอปีศาจมู่ซีถูกขนานนามราวกับเป็นตำนาน ถึงแม้จะได้ยินมาว่าเขานั้นยังเป็นชายหนุ่มอายุยังน้อย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กหนุ่มที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาราวกับภูตปีศาจที่ดูเหมือนเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะเช่นนี้

มู่เฉียนซีกล่าว “ตัวจริงแน่นอน!”

“เช่นนั้นก็ตามข้ามา! หลายวันมานี้ข้าก็ได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามาแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถจัดการกับการกลั่นแกล้งของพวกคร่ำครึดื้อรั้นเหล่านั้นได้แน่นอน”

เสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า “มีคนกล้ากลั่นแกล้งซีงั้นเหรอ ?”

อาจารย์ใหญ่ฉู่เหงื่อตกพลั่กไปชั่วขณะ ตอนนี้เขารู้สึกอยากจะเก็บศพของพวกนักปรุงยาคร่ำครึเหล่านั้นเสียแล้ว

ทันใดนั้นเองเขาก็กล่าวความจริงออกมา

“เอ่อ คือว่า ไม่ใช่กลั่นแกล้ง แต่เป็นการทดสอบ เป็นการทดสอบ!”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “อาจารย์ใหญ่ฉู่วางใจได้! ต่อให้พวกเขาคิดจะกลั่นแกล้ง ก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก!”

อาจารย์ใหญ่ฉู่ได้พาพวกเขามาที่หน่วยสำนักปรุงยา เมื่อข่าวนี้ถึงหูเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย พวกเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“เหล่าฉู่มาแล้ว!”

“ ในที่สุดเจ้าเด็กนั่นก็มาสักที นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว เร็ว ๆ หน่อยจะได้หรือไม่!”

“นั่นน่ะสิ! อย่าคิดว่าเป็นถึงอาจารย์ใหญ่แล้วจะมาวางอำนาจกับพวกเราได้นะ”

สุดที่จะทนได้แล้วจริง ๆ พวกเขาพากันพรวดออกไป ตาเฒ่าเหล่านี้ต่างก็เบียดเสียดเข้ามาพร้อมกัน

พวกเขายิ้มพลางกล่าว “เหล่าฉู่! เจ้ามาแล้ว!”

“วันนี้มาเช้าตรู่เลย ลำบากเจ้าแล้ว”

“……”

ใบหน้าของตาเฒ่าคร่ำครึเหล่านี้ยิ้มแย้ม ออกมาต้อนรับเขาอย่างเป็นมิตร ตอนนี้อาจารย์ใหญ่ฉู่รู้สึกเหมือนกับเห็นผีก็มิปาน

เขากล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า “พะ พะ พวกเจ้าเหล่าตาเฒ่าคร่ำครึ กินยาผิดไปหรือไม่!”

กินยาผิดไปแน่นอน เมื่อก่อนพวกเขาต่างก็หยิ่งยโสมาก เห็นหน้าเขาแล้วก็รู้สึกไม่พอใจ เหตุใดครานี้ถึงได้ต้อนรับเขาดีเช่นนี้!

“ผู้นี้คงจะใช่หมอปีศาจมู่ซีใช่หรือไม่ ?”

แน่นอนว่าการกระตือรือร้นเช่นนี้เป็นเพียงเวลาแค่ชั่วครู่เท่านั้น ไม่นานนัก สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่มู่เฉียนซี

“ยังหนุ่มอย่างที่ร่ำลือกันไว้จริง ๆ!”

“เจ้าหนู รีบตามพวกข้ามาเถอะ เร็วเข้า!”

ตาเฒ่าผู้คร่ำครึเหล่านี้ได้จูงมู่เฉียนซีเข้าไปในห้อง และปิดประตูทิ้งให้อาจารย์ใหญ่ฉู่อยู่ด้านนอกแต่เพียงผู้เดียว

วันนี้เหล่าตาเฒ่าคร่ำครึกลุ่มนี้ทำตัวแปลกประหลาดเกินไปแล้ว เขารู้สึกกลัวว่าเจ้าหนูที่ถูกลากเข้าไปด้านในผู้นี้ จะถูกเหล่าตาเฒ่าคร่ำครึกลืนกินไปเสียจริง

“นี่! นี่พวกเจ้าหมายความว่ายังไง! ให้ข้าเข้าไปเดี๋ยวนี้นะ!” อาจารย์ใหญ่ฉู่ตะโกนพลางเคาะประตูอยู่ด้านนอก

“เอะอะโวยวายทำไม? ขืนเจ้ายังไม่หยุดโวยวาย ข้าจะตัดปริมาณยาวิญญาณสำนักในของเจ้าออก”

“อย่ามาก่อกวนที่นี่ ไสหัวไปไกล ๆ!”

“พวกข้ากำลังยุ่งอยู่!”

อาจารย์ใหญ่ฉู่แทบจะกระอักเลือด ตอนนี้การต้อนรับด้วยไมตรีจิตเมื่อครู่นั้นได้หายไปอย่างรวดเร็วจนเขาสงสัยว่าหรือเมื่อครู่นี้เป็นเพียงแค่การจินตนาการของเขา

“นี่พวกเจ้าจะทำอะไร ?” มู่เฉียนซีที่ถูกนำตัวเข้าไปในห้องตอนนี้มองดูกลุ่มตาเฒ่าเหล่านี้ด้วยความประหลาดใจ และมองดูพวกเขาด้วยสีหน้าที่สงสัย