“แค่อยากถามเธอว่า อยากให้ฉันหักแขนหักขาเขา? หรือหักขาที่สามของเขาล่ะ?!”
เย่เทียนเผยรอยยิ้มใสซื่อ ทว่าปากกลับเอื้อนเอ่ยประโยคที่เปี่ยมไปด้วยแรงอาฆาต
“หา?”
เสว่เอ๋อร์คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะถามแบบนี้ จึงอดอุทานเสียงหลงไม่ได้
แต่ไม่นานนักเสว่เอ๋อร์ก็ตั้งสติได้ ในหัวมีภาพที่เหลยหั่วรังแกพ่อแม่ของเธอหลั่งไหลเข้ามา หน้าสวยๆของเธอแดงก่ำขึ้นมาในบัดดล
ไม่ใช่เพราะอาย แต่เพราะโมโห
“พี่ชาย ก่อนหน้านี้เขาเคยหักแขนของพ่อฉัน ฉันก็อยากให้เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแบบนั้น”
เย่เทียนหัวเราะ ก่อนจะเบนสายตาไปมองเหลยหั่วด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“ฉัน ฉันขอเตือนนายไว้นะ พี่ใหญ่ฉันคือจระเข้แห่งแก๊งหย่งเซ่งเหลียน ถ้านายทำอะไรซี้ซั้วลงไป พี่ใหญ่ของฉันไม่ปล่อยนายไว้หรอก”
เมื่อสังเกตถึงสายตาที่เย่เทียนจ้องมองมา เหลยหั่วรีบตำหนิเสียงเข้มทว่าร่างกายกลับถอยกรูดไปด้านหลัง
ซี้ด!
เมื่อเขาพูดแบบนี้ ทุกคนในที่นี้ต่างสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ และถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่ากลัวกับสิ่งนี้
“แก๊งหย่งเซ่งเหลียน? จระเข้?”
แต่หันกลับมามองเย่เทียน นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นฉายแววเย็นเยียบ
ดูท่าตัวเองจะเป็นลูกรักพระเจ้าจริงๆ สองขาของเชิ่งหู่ก็โดนไอ้จระเข้นี่แหละตัด! ในเมื่อบังเอิญมาเจอกันได้ขนาดนี้ยังไงซะก็ต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้เชิ่งหู่ให้ได้”
คิดมาถึงตรงนี้ สายตาที่เย่เทียนมองเหลยหั่วยิ่งฉายแววสนุกมากขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต่อให้วันนี้พระเจ้ามาก็ช่วยนายไม่ได้ ฉันบอกให้เลย!”
“นายวางใจได้ ฉันลงมือฉับไวสุดๆ ขอแค่นายอยู่เฉยๆไม่ดิ้น ฉันรับรองว่านายไม่เจ็บปวดมากหรอก”
“นาย…..”
เหลยหั่วสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ยังคิดจะพูดอะไรอีก
แต่เย่เทียนไม่ให้โอกาสเขาเลยสักนิด เขาขยับเท้าและแวบมาอยู่ตรงหน้าเหลยหั่วไวดุจสายฟ้า มือหนึ่งดึงแขนขวาของเหลยหั่วที่ยื่นออกมาและดึงขึ้นข้างบนอย่างแรง
แกร่ก!
เสียงกระดูกร้าวดังขึ้นฉับพลัน แขนขวาของเหลยหั่วเกินออกมาจากเดิมเล็กน้อยอย่างผิดปกติ แขนของเขาโดนเย่เทียนดึงจนข้อเคลื่อน
“โอ๊ย ฉันเจ็บแขนจัง!”
เหลยหั่วส่งเสียงโหยหวนอย่างน่าเวทนา สีหน้าซีดเผือด เม็ดเหงื่อเท่าถั่วผุดออกมาเต็มหน้าผาก
เดิมทีเสว่เอ๋อร์แค่พูดไปอย่างนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะลงมือด้วยความเด็ดขาดขนาดนี้ เธอเห็นเหลยหั่วที่มีสีหน้าเจ็บปวดแล้วต้องหันหน้าหนีอย่างทนดูไม่ได้
“นายหุบปากได้มั้ย? ฉันโดนพวกนายบังคับให้ออกแรงทั้งที่กินไม่อิ่ม ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีมากเลยนะ”
เย่เทียนทำท่าเหมือนสิ่งที่ทำไปเป็นเพียงเรื่องเล็กๆเท่านั้น เขายิ้มแย้มและย่อตัวลง ทำท่าให้เขาเงียบ
เหลยหั่วได้ฟังก็รีบเงียบปาก ไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้อีกแม้แต่คำเดียว
“แบบนี้สิถึงจะเป็นเด็กดี!”
เย่เทียนยิ้มกว้างและเอื้อมมือไปลูบผมสีแดงเต็มหัวของเหลยหั่ว ก่อนจะกระชากขึ้นมาหนึ่งกระจุกอย่างแรงและพูดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม “คำพูดที่ไร้สาระฉันไม่อยากพูดกับนายแล้ว ถ้าไม่อยากโดนอัดต่อก็บอกมาว่าพี่ใหญ่ของนายชอบไปสำราญที่ไหนบ่อยที่สุด!”
“นาย……”
สีหน้าเหลยหั่วเปลี่ยนไปทันที เรื่องมาถึงตอนนี้มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าเป้าหมายของเย่เทียนไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ของเขา จระเข้!
เย่เทียนจะไม่เห็นความลังเลของเหลยหั่วได้ยังไง เขาหัวเราะเย็นๆออกมาในทันใด
“ทำไมเหรอ? หรือรู้สึกแค่ข้อเคลื่อนยังไม่สะใจพอ? อยากให้ฉันหักแขนนายจริงๆเหรอ?”
“หรือว่า อยากให้ฉันหักขาที่สามของนาย?”
ขณะที่พูด เย่เทียนยกขาขวาขึ้นสูง ทาบไปที่ส่วนสำคัญของเหลยหั่ว ขู่โดยไม่ต้องพูดอะไรมาก
“ฉันพูด! ฉันพูดแล้ว!”
ระหว่างความภักดีและความสุขของช่วงล่าง สุดท้ายแล้วเหลยหั่วก็เลือกอย่างหลัง หน้าตาเขาสลดและยอมบอกที่ที่จระเข้ชอบไปหาความสุขบ่อยๆกับเย่เทียนแต่โดยดี
“โอเค! จ่ายค่าเสียหายของที่นี่ก่อน แล้วพวกนายก็ไสหัวไปได้!”
เย่เทียนยักไหล่ ยอมคลายมือที่จับเหลยหั่วในที่สุด
เหลยหั่วรู้สึกเหมือนได้รับการละเว้นโทษ เขาอดทนกับความเจ็บปวดจากไหล่ ไม่กล้าแม้แต่จะพูดประโยคเหี้ยมๆ เขาควักแบงค์สีแดงสิบใบออกมาจากกระเป๋าและยัดใส่มือเจ้าของร้านปิ้งย่าง ก่อนจะวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกไป
หลังจากตั้งสติกันอยู่สักพัก พวกนักเลงที่โดนเย่เทียนอัดหมอบกับพื้นก็พากันมีเรี่ยวแรงกลับมา พอเห็นเหลยหั่วหนีไปแล้วก็รีบตามไปติดๆ
“จริงสิ ลืมเตือนนายไป อย่าให้ฉันรู้นะว่าพวกนายมาแก้แค้นเจ้าของร้านปิ้งย่างนี้ มิฉะนั้นฉันรับรองได้ว่าพวกนายต้องนอนโรงพยาบาลเป็นปีเลยล่ะ!”
เย่เทียนเห็นแผ่นหลังของพวกเหลยหั่วที่วิ่งหนีอุตลุดแล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบตะโกนเตือนจากข้างหลัง
พวกเหลยหั่วที่โดนเย่เทียนอัดจนผวาอย่าว่าแต่หันกลับมาเลย พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะตดสักแอะ สภาพประหนึ่งว่าอยากมีขาเพิ่มมาอีกหนึ่งคู่จะได้รีบหนี
แปะแปะ!
ไม่ว่ายังไง การที่พวกเหลยหั่วหนีไปก็ทำให้ผู้คนในที่นี้พากันปรบมือ
“ว้าว! พี่ชายคนนั้นหล่อจัง ฉันอยากมีลูกให้เขา!”
คู่รักที่ดูถูกเย่เทียนก่อนหน้านี้ก็ผันตัวมาเป็นแฟนคลับ โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่ฉายแววคลั่งไคล้ลนใบหน้าอย่างไม่ปิดบัง
“นี่ๆๆ เธออยากมีลูกให้เขา แล้วฉันล่ะ?”
ผู้ชายที่อยู่ข้างเธอสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที
“นาย? ไปที่ชอบๆเถอะ!”
เย่เทียนไม่รู้ว่าตัวเองได้พรากคู่รักคู่หนึ่งโดยไม่รู้ตัว เขาในตอนนี้กำลังจะกลับไปที่เดิม เจ้าของร้านปิ้งย่างชิงวิ่งเข้ามาก่อน
“หนุ่มเอ๊ย เรื่องครั้งนี้รบกวนนายมามาก ถ้าไม่ได้นาย ไม่แน่เสว่เอ๋อร์คง…..”
พูดมาถึงตรงนี้ เจ้าของร้านปิ้งย่างก็เริ่มเสียงสั่น
ดูรู้เลยว่าเจ้าของร้านปิ้งย่างคงโดนพวกเหลยหั่วรังแกมานาน ไม่อย่างนั้นเขาที่อายุเกือบห้าสิบจะอ่อนแอขนาดนี้ได้ยังไง
“เถ้าแก่ ไม่ต้องเกรงใจกับผมขนาดนี้หรอกครับ ผ่านมาเห็นความไม่เป็นธรรมก็ต้องออกหน้าสิครับ”
เย่เทียนคลี่ยิ้มเผยให้เห็นฟันขาว “จริงสิ ผมยังไม่ได้จ่ายเงินคุณใช่มั้ย? ถ้าคุณอยากขอบคุณผมจริงๆก็ยกค่าอาหารมื้อนี้ให้ผมแล้วกันครับ”
“ได้ๆ”
เจ้าของร้านปิ้งย่างไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เขารีบพยักหน้าบอกว่าไม่มีปัญหา
ยังไงซะไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เย่เทียนขับไล่พวกเหลยหั่วไปได้ แต่ตอนเหลยหั่วไปยังยัดแบงค์สีแดงให้เขาตั้งสิบกว่าใบ พอจะหักกับค่าปิ้งย่างที่เย่เทียนกินไปแล้ว
“คือว่า….เถ้าแก่ ผมยังกินไม่อิ่ม รอให้ผมกินอิ่มก่อนค่อยยกเว้นให้ได้มั้ยครับ?”
แต่ไม่รอให้เจ้าของร้านปิ้งย่างหุบยิ้ม เสียงอ่อยๆของเย่เทียนก็ดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง
พรืด!
เสว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างหลุดขำออกมาในบัดดล สายตาใสสกาวที่มองเย่เทียนฉายแววอยากรู้อยากเห็น
เมื่อกี้ตอนที่ต่อกรกับพวกเหลยหั่วพี่ชายคนนี้ยังเกรียงไกรหาเปรียบมิได้ บัดนี้กลับทำตัวตลกแบบนี้ น่าประหลาดใจจริงๆ
“น้องชาย ขอแค่นายกินไหว คืนนี้นายจะกินเท่าไหร่ก็ได้ ฉันไม่เก็บเงินนายสักบาท!”
หลังจากชะงักไปชั่วครู่ เจ้าของร้านปิ้งย่างก็ได้สติกลับมา และหัวเราะเสียงดัง….