ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเลยตอบไปอย่างตรงๆ “ใช่ค่ะ เปิดหินออกมาหมดแล้ว เป็นหยกชนิดแก้วไร้สี ความโปร่งใสขั้นสูงสุด ราวกับคริสตัลธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ฉันคิดว่าโปร่งใสที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา น้ำงามละเอียด คุณภาพดีมาก”
“อย่างนี้เองหรือ…” น้ำเสียงของผู้อาวุโสหูเห็นได้ชัดว่ากำลังสั่นคลอน
ซีเหมินจินเหลียนกุมโทรศัพท์เอาไว้ เงียบเพียงชั่วครู่ถึงพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโสหู ฉันรู้ว่าเรื่องนี้แปลกมาก แถมสะเทือนใจมาก…”
“ผมไม่สนว่าจะแปลกขนาดไหน คุณซีเหมิน คุณพูดมาตรงๆ เถอะครับ”
“ข้างในของหยกมีงูอยู่หนึ่งตัว อีกทั้งงูตัวนี้ยังมีรูปร่างประหลาด” ซีเหมินจินเหลียนพูด
ในโทรศัพท์ ไม่ได้ยินเสียงปลายสายอยู่นาน ซีเหมินจินเหลียนรอเกือบหนึ่งนาทีก็ไม่ได้ยินว่าเขาจะพูดอะไร เลยถามไปว่า “ผู้อาวุโสหู คุณยังโอเคอยู่ไหมคะ”
“ผมไม่เป็นไรครับ” ผู้อาวุโสหูถอนหายใจลงลึกพร้อมถาม “ไม่ต้องกังวลไป ผมไม่ได้เป็น โรคความดันโลหิตสูง…”
ซีเหมินจินเหลียนอยากจะร้องไห้ก็ไม่ปาน ผู้อาวุโสท่านนี้จะเป็นโรคความดันหรือไม่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ เขาไม่ใช่คุณปู่ของเธอเสียหน่อย
“คุณซีเหมิน เอ่อ ผมอยากจะดูสักหน่อยได้ไหม?” ผู้อาวุโสหูถามขึ้นมาอีกครั้ง
“เอ่อ…” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มพลางพูด “ถ้าหากคุณไม่คิดว่าเมืองเซี่ยงไฮ้อยู่ไกลเกินไป เข้ามาดูก็ไม่มีปัญหาค่ะ คุณจะดูยังไงก็ตามสบายเลย”
“ตอนนี้ผมอยู่ที่เซี่ยงไฮ้!” ผู้อาวุโสหูหัวเราะแห้งอีกครั้ง
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าเหมือนเธอจะโดนผู้อาวุโสท่านนี้แกล้งเข้าอีกแล้ว ขิงแก่นี่เผ็ดร้อนกว่าจริงๆ
“โอเค สาวน้อยจินเหลียน ชายแก่อย่างผมไม่ล้อเล่นแล้ว พรุ่งนี้หลังมื้อเที่ยงคุณพอมีเวลาว่างไหมครับ ถ้าคุณว่างผมจะไปหา สบายใจได้ผมไม่ได้มาเพื่อที่จะดูหยกอย่างเดียวหรอก”
“เข้าชมไม่เสียเงินค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอย่างแผ่วเบา “พรุ่งนี้ตอนบ่ายสองโมง ถ้าคุณมีเวลาก็มาดูได้เลยนะคะ”
“ตกลงตามนั้นครับ” ผู้อาวุโสหูพูดเสร็จก็วางสายไป ซีเหมินจินเหลียนก็เดินขึ้นไปด้านบน
“จินเหลียน…” จ่านป๋ายเรียกเธอ “วันพรุ่งนี้ตอนบ่ายผู้อาวุโสหูจะมาหรือครับ”
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพลางถามว่า “มีอะไรเหรอ”
“ผมก็แค่รู้สึกว่าผู้อาวุโสท่านนี้ก็เหมือนกับหินหยกนั่นที่มีพลังความชั่วร้ายแฝงอยู่”
“พลังความชั่วร้าย?” ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่จ่านป๋ายแล้วพูดต่อ “ไม่มีใครเคยตั้งนิยามชื่อสี่พยางค์ให้คุณสินะ“
“ผมเป็นคนปกติ” จ่านป๋ายบ่นพึมพำ ส่วนซีเหมินจินเหลียนแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
จ่านป๋ายส่ายหน้ารีบวิ่งไปที่ห้องครัว ซีเหมินจินเหลียนกำลังรักษาหุ่น ส่วนมากตอนดึกมักจะไม่กินอะไร แต่ถึงจะกิน ก็กินแค่ผลไม้สักนิดสักหน่อย ส่วนเขาเหนื่อยมาจากการทำงานทั้งวัน ท้องร้องโครกคราก ถ้าไม่หาของกินมาใส่ท้อง คงได้แต่นอนไม่หลับแน่
จำได้ว่ามื้อเย็นยังมีอาหารเหลืออยู่ ถ้านำไปอุ่นในไมโครเวฟก็สามารถกินได้แล้ว กับข้าวอุ่นเสร็จพอดีร้อนๆ จ่านป๋ายยังไม่ทันได้เริ่มกินก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์สายด่วนโทรเข้ามา
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู คิดไม่ถึงว่าเป็นซีเหมินจินเหลียน “เสี่ยวป๋าย คุณมานี่หน่อย!” ไม่นานสายก็ได้ตัดออกไป…
เสียงที่อยู่ปลายสายข้างในเต็มไปด้วยเสียงเยือกเย็น จ่านป๋ายรีบวิ่งขึ้นไปด้านบน เห็นประตูห้องของเธอเปิดอยู่ แสงไฟสว่าง หลอดไฟที่ขาวใส พื้นไม้ที่แวววับมีงูตัวหนึ่งส่ายไปมา ถูกมีดผลไม้ขนาดเล็กปักเข้าไปอย่างจัง
งูมีความยาวเจ็ดนิ้ว ถูกปักด้วยมีดผลไม้อยู่ จ่านป๋ายก็มองออกว่า มีดผลไม้เล่มนั้นเป็นมีดที่ซีเหมินจินเหลียนใช้ปอกผลไม้…
การใช้มีดที่แม่นยำ เปี่ยมไปด้วยพลัง เพียงแค่ลงมีดก็ฆ่าปลิดชีวิตได้อย่างเฉียบคม
มือของซีเหมินจินเหลียนยังมีแอปเปิ้ลที่ยังไม่ได้ปอกอยู่ จ่านป๋ายนิ่งไปชั่วครู่ถึงพูดว่า “จินเหลียน มีดของคุณไม่เลวเลย” พูดพลางอดไม่ได้ที่จะลูบไล้ไปที่ลำคอของตัวเอง ถ้าหากมีดนี้ปักลึกเข้าไป เส้นเลือดในลำคอคงถูกตัดขาด ไม่น่ารอดชีวิตเช่นกัน…
“ฉันเรียกคุณมาถามว่างูตัวนี้มาได้ยังไง ไม่ใช่ให้คุณมาดูมีดนะ!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัว คืนนี้มีแต่เรื่องแปลกประหลาด เจียระไนหินออกมาแล้วเห็นงูถือว่าแล้วไป แต่นี้ยังมีงูอยู่ในห้องของเธออีก? เมื่อกลับมาที่ห้อง เธอก็รู้สึกหิวเล็กน้อยเลยจะหยิบมีดปอกผลไม้เตรียมจะปอกแอปเปิ้ล แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาดูกลับเห็นพื้นไม้ที่เดิมทีแวววับขัดมัน กลับมีงูตัวใหญ่ยาวนอนขวางไว้
งู? ในขณะนั้นในใจของซีเหมินจินเหลียนก็สั่นคลอน คงจะไม่ใช่งูที่อยู่ข้างในหยกออกมาก่อกวนหรอกนะ? แต่ว่าเท่าที่เธอเห็น งูตัวนี้ลักษณะธรรมดาเท่านั้น แถมดูจากลักษณะแล้วเหมือนจะเป็นงูเลี้ยง ดูท่าทางเชื่องๆ ไม่มีท่าทางที่จะจู่โจมหรือล่าเหยื่อแต่อย่างใด
เมื่อหลังจากที่แน่ใจแล้วว่างูตัวนี้เป็นงูที่ถูกเลี้ยงไม่มีพิษ ซีเหมินจินเหลียนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นี่เป็นการจัดฉาก หรือจ่านป๋ายจะเล่นอะไรแผลงๆ อีกแล้ว?
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนเธอคงหัวเราะแบบไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่วันนี้เมื่อเจียระไนหินออกมาเจองูอยู่ในหยกนั่น มันทำให้เธอรู้สึกลังเลใจ อยู่ๆ ห้องก็มีงูมาจากไหนไม่รู้ พูดอะไรเธอก็ไม่เข้าใจ แต่จ่านป๋ายคงจะไม่รู้ว่าเธอไม่ได้กลัวงู ถ้าหากเป็นงูที่มีพิษ เธออาจจะมีความกลัวอยู่บ้าง แต่นี่เป็นงูเลี้ยงไร้พิษ เธอย่อมไม่เกรงกลัวอยู่แล้ว
จากเล็กจนโตเธอก็อาศัยอยู่ในชนบท สัตว์ประเภทงูเช่นนี้ เธอก็เห็นจนคุ้นตา เพียงแต่เธอยังคงไม่เข้าใจมาตลอดว่าทำไมเด็กผู้หญิง เมื่อเห็นหนูหรือแมลงสาบต้องร้องเรียกตะโกนออกมา มันมีอะไรที่น่ากลัวกัน เพราะฉะนั้นเธอเลยใช้มีดรีบไปปักลงที่ตัวงูที่อยู่บนพื้น
จากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาจ่านป๋ายให้เอางูตัวนี้ออกไปจัดการ
จ่านป๋ายเดินเข้าไปดูอย่างละเอียด สิ่งแรกที่คิดได้คืองูตัวนี้ไม่มีพิษ ขอบคุณฟ้าดิน ไม่เช่นนั้นถ้ามันมาทำร้ายซีเหมินจินเหลียนแล้วจะเป็นอย่างไรกัน
“จินเหลียน เหมือนว่างูตัวนี้จะไม่มีพิษ” จ่านป๋ายยิ้ม
“ฉันรู้ว่านี่เป็นงูที่ถูกคนเลี้ยงมา แต่ปัญหาก็คือทำไมมันมาอยู่ที่ห้องฉันได้” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างไม่เข้าใจแล้วจ้องไปที่จ่านป๋าย “ถึงคุณอยากจะเล่นอะไรแผลงๆ แต่ก็ไม่น่าจะเอามันมาไว้ที่ห้องของฉัน”
จ่านป๋ายยังคงไม่เข้าใจ คิดจะอ้าปากพูดขึ้น เขาถูกใส่ร้าย ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาจะเอางูไปไว้ในห้องของเธอ? วันนี้ทั้งวันหลังจากเจียระไนหินเสร็จ เขาถึงรู้ว่าซีเหมินจินเหลียนไม่ได้กลัวงูเลย
เมื่อกี้ตอนที่เห็นงู เขาก็รู้สึกกังวลแทน ถึงแม้ว่างูตัวนี้ไม่ได้ทำร้ายเธอ แต่ก็น่าจะทำให้เธอตกใจอยู่มาก
“จินเหลียน ผมไม่ได้เอามันมาแกล้งคุณนะครับ” จ่านป๋ายยิ้มเฝื่อน “คุณจะใส่ร้ายผมแบบนี้ไม่ได้นะ แต่ว่าการใช้มีดของคุณเยี่ยมยอดเหลือเกิน ฤทธิ์มีดสั้นก็สู้คุณไม่ได้!” เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลย มีดเล่มนี้ปักเข้าไปที่งูอย่างจัง มันยากมาก แต่จากการสำรวจของเขา เขาก็พบว่ามีดนี้ทิ่มลงไปที่ช่องว่างระหว่างพื้นไม้ ปักไปที่งูอยู่บนพื้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ แถมยังไม่ทำร้ายพื้นให้เสียหายแม้แต่นิดเดียว
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมา “ฉันหยิบมีดผลไม้แล้วเดินแบบนี้ จากนั้นก็พางูไปในที่ที่มีช่องว่างระหว่างพื้นไม้เพื่อที่จะทำให้มันคงที่ มีดจะได้ลงไปได้อย่างลึกขึ้น! ฉันกับหลี่สวินฮวนไม่มีความเกี่ยวข้องกันสักหน่อย…”
จ่านป๋ายสับสน แบบนี้ก็ได้เหรอ?
“ตอนเด็กฉันเคยฆ่าปลาไหลมาก่อน คุณรู้ไหมว่ามันคืออะไร” ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่จ่านป๋ายที่ท่าทางอ้ำอึ้งอยู่ ก็รู้สึกตลกขึ้นมา เลยอธิบายไปว่า “นี่ก็จัดอยู่ในประเภทของเล่นคล้ายงู โปรตีนสูง ความชุ่มชื่นในตัวมีเยอะมาก การฆ่าสัตว์ลำตัวยาวเช่นนี้ก็ง่ายดายมาก เพียงแค่ทำให้มันนิ่งไว้แล้วใช้มีดปักไปที่กลางท้อง เอาเครื่องในออกมา เพราะฉะนั้นของแบบนี้ฉันถนัดอยู่แล้ว…”
ซีเหมินจินเหลียนกล้ารับรองว่าจ่านป๋ายคงไม่เคยเห็นใครฆ่าปลาไหลมาก่อน วันนี้เธอได้เข้าใจว่า เวลาที่จ่านป๋ายซื้อผักล้วนมาจากห้างสรรพสินค้า แต่ไม่ใช่ในตลาดสด ส่วนเธอเกิดในพื้นเพชนบท เคยเห็นอะไรมาตั้งเยอะ ฆ่าหมูฆ่าแพะ ก็เห็นมาบ่อย แล้วเธอจะกลัวอะไร