ตอนที่ 552 นัดเจอไป๋จิ่ง / ตอนที่ 553 มาสาย ‘คนที่ช่างรู้ใจ’

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 552 นัดเจอไป๋จิ่ง

 

 

           มั่วไป๋กำลูกกวาดที่วางอยู่บนฝ่ามือตัวเองไว้ สุดท้ายก็ไม่ได้แกะออกมากิน

 

 

           กระดาษห่อลูกกวาดตั้งอยู่บนฝ่ามือที่อ่อนนุ่ม ความรู้สึกสัมผัสเล็กน้อยราวกับว่าแล่นจากฝ่ามือเข้าไปสู่ก้นบึ้งของหัวใจ มั่วไป๋คิด ยังดีที่ไป๋จิ่งเป็นคนแรกที่ส่งลูกกวาดให้เขากิน

 

 

           “กินสิ” ไป๋จิ่งตามอยู่ข้างๆ ก็ชักจะร้อนใจ ไม่เห็นมั่วไป๋แกะลูกกวาดออกมากิน

 

 

           มั้วไป๋กำมือด้วยความขบขัน “จะไปกินข้าวกันไม่ใช่เหรอ”

 

 

           ประโยคสบายๆ ของเขาปิดจุดใจที่ร้อนรนของไป๋จิ่งกลับไป

 

 

           ไป๋จิ่งลูบหัวปอยๆ เพิ่งจะมาเข้าใจ

 

 

           ‘พวกเขาต้องการจะลงมากินข้าวเที่ยงกัน ให้มั่วไป๋กินลูกกวาดเวลานี้ได้ยังไงกัน’

 

 

           ไป๋จิ่งถอนหายใจในใจ ตัวเองยิ่งใช้ชีวิตไปข้างหน้ายิ่งถอยหลังกลับไปจริงๆ ต่อหน้ามั่วไป๋ สมงสมองไปหมอแล้ว

 

 

           ทั้งสองคนเข้าไปยังร้านอาหารจานด่วนที่อยู่ข้างๆ สั่งอาหารมาสองชุด ตอนที่มั่วไป๋เดินเข้าร้านไป ก็เอาลูกกวาดในมือใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ วางแนบชิดร่างกาย

 

 

           ขณะที่กำลังกินข้าวอยู่นั้น มือถือของไป๋จิ่งก็ดังขึ้นมา เขาเห็นว่าเป็นเบอร์แปลกโทรมา จึงตัดสายทันทีโดยไม่คิดอะไรก่อนสักนิด

 

 

           มั่วไป๋กวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ทำไมไม่รับสายล่ะ”

 

 

           ไป๋จิ่งบอกไปตามตรง “ไม่รู้จัก ไม่ต้องรับ”

 

 

           “อืม” มั่วไป๋ขานรับ แล้วกินข้าวต่อ

 

 

           ตามหาในโถงใหญ่ไปรอบหนึ่งก็ยังไม่เจอไป๋จิ่ง เซียวเย่ว์ไม่มีความมั่นใจจะตามหาต่อไปแล้วจริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงไม่เก็บอาการโทรหาไป๋จิ่งแล้ว

 

 

           เธอแสร้งทำเป็นปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น เตรียมรอไป๋จิ่งรับสาย

 

 

           ใครจะคิดว่าเตรียมใจอยู่ตั้งนาน คิดไม่ถึงว่าไป๋จิ่งจะตัดสายใส่โดยไม่ลังเลเลยสักนิด

 

 

           เซียวเย่ว์มองมือถืออย่างไม่กล้าจะเชื่อได้ คิดไม่ถึงว่าไป๋จิ่งจะวางสายใส่ตัวเอง

 

 

           เซียวเย่ว์ผู้เย่อหยิ่งทะนงตัวรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง

 

 

           เธอรูปร่างหน้าตาสวย ฐานะการเงินทางบ้านมั่งคั่ง คนชอบเธอมีตั้งมากมายต่างคอยมาเอาอกเอาใจเธอตามหลังเธอเป็นพรวนเสียขนาดนั้น

 

 

           แต่มีเพียงแค่คนเดียว!

 

 

           มีเพียงไป๋จิ่งคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเหมือนกัน แม้แต่จะหันกลับมาชายตามองเธอก็ยังไม่ยินยอมทั้งนั้น

 

 

           ทั้งที่ไป๋จิ่งไม่ยอมจะมองเธอด้วยซ้ำ แต่เธอกลับอยากได้ไป๋จิ่งมาครอบครอง

 

 

           ทำดีกับเธอ เธอไม่ชอบใจ ไม่มีค่าพอที่เธอจะชายตามอง

 

 

           ไม่สนใจเธอ เธอกลับชอบกลับติดใจ

 

 

           นิสัยชั่วร้ายที่ฝังรากลึกของคนแสดงออกจากตัวของเซียวเย่ว์ได้อย่างถึงอกถึงใจ

 

 

           เธอกำมือถือไว้ ในใจไม่ยินยอม เดิมเธอคิดจะแต่งงานไปอย่างว่าง่ายแล้ว แต่ในเวลานี้ไป๋จิ่งกลับปรากฏตัวขึ้น

 

 

           ดังนั้นเซียวเย่ว์จึงเชื่อว่าการปรากฏตัวในเวลานี้ของไป๋จิ่งคือการที่ฟ้าเบื้องบนชี้ทางให้เธอ

 

 

           สามีในอนาคตของเธอ มีเพียงแค่ไป๋จิ่งได้คนเดียวเท่านั้น

 

 

           คิดได้เช่นนี้ เซียวเย่ว์ก็ยิ่งไม่ยอมแพ้ เธอจ้องมองมือถืออย่างเอาเป็นเอาตาย ตัดสินใจโทรหาไป๋จิ่งอีกครั้ง

 

 

           เพื่อจะได้ไป๋จิ่งมาครอบครอง เธอยอมเทหมดหน้าตักด้วยความเด็ดขาด

 

 

           มือถือไป๋จิ่งดังขึ้นมาอีกครั้ง ไป๋จิ่งหยิบมือถือออกมาดูแวบหนึ่ง ก็ยังคงเป็นเบอร์เดิมเมื่อครู่นี้

 

 

           เป็นเบอร์แปลกแล้วโทรติดต่อกันสองครั้ง ไป๋จิ่งครุ่นคิดแล้วกดรับสายไป

 

 

           เดิมทีเซียวเย่ว์คิดว่าครั้งนี้ไป๋จิ่งก็จะไม่รับอีกเหมือนเคย แต่คิดไม่ถึงว่าไป๋จิ่งจะรับสายแล้ว

 

 

           เซียวเย่ว์หวาดกลัวอยู่ไม่น้อย เพียงชั่วขณะก็รู้สึกตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

 

 

           เสียงเย็นชาของไป๋จิ่งดังขึ้นมาจากปลายสาย

 

 

           เซียวเย่ว์กลัวว่าเขาจะตัดสายกะทันหัน เธออยู่ข้างๆ รีบเอ่ยอย่างร้อนรน “ฉัน ฉันเอง เซียวเย่ว์”

 

 

           มือไป๋จิ่งที่ถือมือถืออยู่หยุดชะงักไป ช่วงเวลานี้หัวใจเขาอยู่แต่กับมั่วไป๋ ลืมคนคนนี้ไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

 

           จิตสำนึกสั่งให้เขามองมั่วไป๋แวบหนึ่ง เห็นเขากำลังก้มหน้าซดซุปพอดี ไป๋จิ่งครุ่นคิดแล้วเอ่ย “อืม” ขานรับ

 

 

           “คุณมีเวลาไหมคะ ออกมาเจอกันสักหน่อยได้ไหม”

 

 

           ไป๋จิ่งครุ่นคิดสักพัก คิดดูแล้ว “วันมะรืนแล้วกัน”

 

 

           เซียวเย่ว์ได้ยินไป๋จิ่งรับปากเรื่องเจอกันแล้ว ตื่นเต้นจนจะถือมือถือไว้ไม่อยู่แล้ว เธอรีบเอ่ยทันที “ได้ค่ะๆ งั้นก็วันมะรืนนะคะ”

 

 

           

 

 

ตอนที่ 553 มาสาย ‘คนที่ช่างรู้ใจ’

 

 

           ตรงกันข้ามกับความตื่นเต้นของเซียวเย่ว์ ไป๋จิ่งปรากฏความเย็นชาให้เห็นเป็นพิเศษ

 

 

           “อืม” เขาตอบรับเสร็จก็ตัดสายทันที

 

 

           มั่วไป๋เงยหน้ามองเขาแวบหนึ่งโดยไม่ได้ระแวงอะไร หัวใจไป๋จิ่งบีบคั้นโดยไม่ตั้งใจ กระวนกระวายใจอย่างไรชอบกล

 

 

           มั่วไป๋มองเขา “ไง มีเรื่องอะไรเหรอ”

 

 

           ไป๋จิ่งเก็บกดความลนลานในใจเอาไว้ ยิ้มให้มั่วไป๋ “ไม่มีอะไร มีเพื่อนอยากจะเจอผม”

 

 

           มั่วไป๋พยักหน้าให้ “อ่อ งั้นนายไปเถอะ”

 

 

           ไป๋จิ่งวางมือถือลง อารมณ์สงบนิ่งลงแล้ว “นัดกันวันมะรืนแล้ว”

 

 

           น้อยมากที่มั่วไป๋จะซักไซ้ถามเรื่องส่วนตัวของไป๋จิ่ง เดิมทีก็แค่เพียงพูดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้อยากจะถามต่อไปจริงๆ

 

 

           ดังนั้นหลังจากไป๋จิ่งตอบกลับ มั่วไป๋ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อไปอีก

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นมั่วไป๋ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร ในใจก็ค่อนข้างจะวิตกกังวล ถ้ามั่วไป๋รู้ว่าตัวเองติดต่อกับเซียวเย่ว์แล้ว ไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรได้

 

 

           แต่บัญชีระหว่างเขากับเซียวเย่ว์นั้นไม่คิดบัญชีไม่ได้

 

 

           สองปีมานี้มั่วไป๋ไม่ได้ไปคิดบัญชีกับเซียวเย่ว์ แต่เขาไม่ได้ เรื่องที่เซียวเย่ว์ทำลงไปกับบาดแผลที่มั่วไป๋ได้รับ ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้

 

 

           แต่ตอนนี้รู้แล้ว จะเสแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้เป็นธรรมดา

 

 

           สำหรับไป๋จิ่งแล้ว นั่นคือความรู้สึกผิดบาปอย่างน่าละอายใจที่สุดที่เขามีต่อมั่วไป๋ในใจ

 

 

           ถ้าเอาความรู้สึกผิดบาปนี้ออกไปไม่ได้ ทั้งชีวิตนี้เขาก็เผชิญหน้ากับมั่วไป๋อย่างไร้กังวลไม่ได้เช่นกัน

 

 

           ‘อีกอย่างตอนนี้มั่วไป๋เป็นคนรักของเขาไม่ใช่เหรอ’

 

 

           เขาก็ควรจะช่วยมั่วไป๋ทวงคืนความยุติธรรม

 

 

           หลังจากกินข้าวด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาก็มาเดินเล่นที่สวนดอกไม้ที่ชั้นหนึ่งเป็นเพื่อนมั่วไป๋ เดินอยู่หลายรอบถือโอกาสย่อยอาหารไปด้วย

 

 

           บางครั้งบางคราวมั่วไป๋เงยหน้ามองดูไป๋จิ่งสองครั้ง เขารู้สึกมาเสมอว่าหลังจากที่รับสายนั้นไป ไป๋จิ่งก็ไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก

 

 

           เหมือนในใจมีเรื่องบางอย่าง ใจไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว

 

 

           เพียงแต่ว่ามั่วไป๋ไม่ได้ถามออกไปในทันที

 

 

           ทั้งสองคนเดินอยู่ข้างล่างสักพักถึงค่อยขึ้นตึกไป

 

 

           หลังจากไป๋จิ่งเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยแล้ว เสียงต่ำเอ่ยกับมั่วไป๋ “อยากจะนอนก่อนไหม”

 

 

           มั่วไป๋ค่อนข้างจะง่วงแล้วจริงๆ เขาพยักหน้า “ดี”

 

 

           เขาเข้าไปห้องน้ำล้างหน้า เมื่อออกมา ไป่จิ่งก้ดึงผ้าม่านลงแล้ว ทั้งห้องมืดสลัว

 

 

           มั่วไป๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้จะมาสาย ‘คนที่ช่างรู้ใจ’ ขนาดนี้แล้วเหรอ

 

 

           แต่ว่าเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ปล่อยจิตใจสบายๆ เสพสุขกับความอ่อนโยนที่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของไป๋จิ่ง

 

 

           มั่วไป๋นอนอยู่บนเตียง ไป๋จิ่งบอกว่า “งั้นคุณนอนก่อนนะ ผมจะออกไปทำธุระสักหน่อย”

 

 

           เขาพูดจบก็ก้มหน้าลงจูบหน้าผากของมั่วไป๋ แล้วออกจากห้องไป

 

 

           มั่วไป๋มึนงงไปพักหนึ่ง ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเท่าไหร่นัก

 

 

           เป็นอย่างที่คิดไว้ วันนี้ไป๋จิ่งไม่ค่อยจะปกติจริงๆ ตามความเคยชินของไป๋จิ่งแล้ว ควรจะมานั่งข้างๆ จ้องมองเขาแบบนี้ถึงจะถูกต้อง

 

 

           ‘ทำไมจู่ๆ ถึงทำแค่นี้แล้วก็ไปเลย’

 

 

           มั่วไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติอยู่

 

 

           ……

 

 

           หลังจากไป๋จิ่งออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เขาก้ดทรหาไมเคิล

 

 

           เขานัดเจอกับไมเคิลที่ข้างโรงพยาบาล ไมเคิลเป็นคนที่ซือเหยี่ยนแนะนำเขามา บอกว่าสามารถสืบหาสิ่งที่เขาต้องการได้มากมาย

 

 

           เขาอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเซียวเย่ว์พอดี ดังนั้นถึงได้หาซือเหยี่ยนแล้วติดต่อไมเคิลมาให้เขา

 

 

           เพียงแต่ว่าเดิมทีจะรออีกสองวัน แต่จะทำอย่างไรได้วันนี้เซียวเย่ว์เป็นฝ่ายมาหาถึงที่เอง

 

 

           ไป๋จิ่งถึงร้านกาแฟที่อยู่ข้างโรงพยาบาลแล้ว ไมเคิลยังไม่มา เขาก็นั่งรอที่ข้างหน้าต่าง

 

 

           เพียงไม่นาน มีชาวชายอเมริกันสูงใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามา

 

 

           ไป๋จิ่งพินิจมองสักพัก แต่งตัวธรรมดามาก ทั้งยังใส่รองเท้าแตะคีบมาด้วยอย่างไม่เหมือนใคร ทำให้ไป๋จิ่งสนุกแล้ว