เลือดยังคงไหลออกมาจากร่างที่ไร้วิญญาณในขณะที่สายฝนยังคงร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าเบื้อบน สีของเลือดค่อยๆเคลียนเป็นสีชมพู และไม่นานมันก็จางหายไป
หญิงสาวนางกำลังหันหลังไปเพื่อดึงมีดออกจากร่างอันไร้วิญญาณซึ่งอยู่ใกล้ๆนางเนื่องจากนางต้องการที่จะเปรียบเทียบใบมีด ทั่งร่างของนางเริ่มสั่นเพราะความหวาดกลัวหลังจากที่รู้ว่ามีดเล่มนั้นได้หายไปแล้ว
หายไปดั่งผี ? ทั้งห้าคนตกตะลึง !
ต้องมีใครบางคนลอบเข้ามาในกลุ่มของยอดฝีมือสวรรค์เชวียนทั้งห้าโดยที่ไม่มีใครรู้ ! แม้แต่เทพเชวียนก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ และหากคนผู้นี้สามารถบรรลุไปถึงขั้นเทพเชวียน แล้วเหตุใดเขาถึงต้องต่อสู้อย่างเป็นความลับเช่นนี้ ?!
แต่หากคนผู้นี้มิใช่เทพเชวียน แล้วจะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน ?
จะอธิบายได้หรืออธิบายไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเราไม่ควรจะอยู่ที่นี่อีกแล้ว !
แต่พวกเราไม่สามารถทิ้งพี่น้องของเราไว้ที่นี่ได้ ….
พวกเราทั้งห้าสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย หากพวกเราทิ้งศพทั้งสี่ไว้ที่นี่ แล้วพี่หกละ ? เขายังไม่ตาย … แต่แค่กำลังจะตาย … แต่หากเราทิ้งเขาไว้ที่นี่เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน !
มันจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ไหม ?
ทั้งห้าตัดสินใจที่จะแบกร่างไปคนละร่าง และแม้ว่าพวกเขาจะพยายามที่จะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ สายตาของพวกเขาก็ยังคงมองกลับมาข้างหลังอยู่บ่อยครั้ง แม้แต่สายฝนที่พร่างพรมลงมาก็ยังไม่มากพอที่จะดับไฟแห่งความโกรธในแววตาของพวกเขาได้ และมันดูเหมือนว่าพวกเขามองกลับไปมองผู้ที่โจมตีเขาเท่านั้น ….
มีดบินเหล่านั้นเป็นของจวินโม่เซี่ย เขาตัดสินใจที่จะสังหารคนเหล่านี้ตั้งแต่ตอนที่เขารู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของลี่โย่วหลาน เห็นได้ชัดว่าเขาขอให้คนเหล่านี้เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อแกนเชวียน และจะไปจากเมืองเทียนเชียงเมื่อการต่อสู้จบลง แต่ถ้าลี่โย่วหลานเคยของความช่วยเหลือเขาแล้วครั้งหนึ่ง … เขาก็สามารถทำเช่นนี้ได้อีก !
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากคนเหล่านี้มีอายุมากกว่าลี่โย่วหลาน จวินโม่เซี่ยวก็จะไม่ให้โอกาสแก่พวกเขา ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนเหล่านี้อาจจะไร้ประโยชน์ในการต่อสู้ในครั้งนี้เนื่องจากพวกเขาต้องแข่งขันกับเทพเชวียน แต่คนเหล่านี้ก็ยังมีความสามารถมากพอที่จะต่อกรกับคนของสกุลจวินในสถานการณ์ที่ปกติได้ ! หากสกุลลี่ตั้ดสินใจที่จะต่อสู้กับสกุลจวิน พวกเขาก็สามารถใช้คนเหล่านี้ในการสร้างผลกระทบที่น่าหวาดกลัวขึ้นมาได้ !
คนเหล่านี้เพิ่งจะผ่านการต่อสู้ที่รุนแรง และใช้ปราณเชวียนของพวกเขาไปจนหมด หากมือสังหารจวินปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป เขาก็คงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
ดังนั้น นายน้อยจวินจึงตัดสินใจสังหารหมู่พวกเขาภายใต้สายฝนนี้ !
อย่างไรก็ตาม นายน้อยจวินก็มิได้คิดว่าเขาจะสามารถสังหารเป้าหมายที่เขาเลือกไว้ทั้งสี่ได้สำเร็จ ! การควบคุมทิศทางของมีดในขณะที่มันกำลังล่องหนอยู่นั้นเป็นการผลักดันให้จวินโม่เซี่ยพ้นจากขีดจำกัดในปัจจุบันแล้ว ซึ่งเป็นเหตุที่เขาไม่เคยคิดว่าแต่ละการโจมตีของเขาจะสามารถทำให้ถึงชีวิตได้ …
ที่จริงข้าสามารถสังหารยอดฝีมือสวรรค์เชวียนได้ !
นายน้อยจวินอดที่จะรู้สึกพึงพอใจกับความสำเร็จของเขาไม่ได้
ทุกๆคนไปจากที่นี่หมดแล้ว ในขณะที่ซากศพก็ได้ถูกจัดเก็บไปโดยยามของเมือง สถานที่เกิดเหตุซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการต่อสู้ที่รุนแรงและยิ่งใหญ่ของเหล่านักรบผู้เป็นตำนานถูกจัดการให้เป็นปกติแล้วในตอนนี้ เหลือทิ้งไว้เพียงแค่เศษซากประหลักหักพังของสิ่งก่อสร้างและพืชที่เอาไว้สำหรับส่งวิญญาณ แม้ว่าเลือดจะถูกสายฝนชะล้างออกไปแล้ว แต่กลิ่นคาวเลือดยังคงคละคลุ้งอยู่เป็นเวลานาน …
กลุ่มของเล่ยเขียงฮ้งที่ยังเหลือกำลังเดินต่อไปอย่างเงียบๆ เป็นเวลานานจนถึงตอนนี้เมื่อเขากันไปและกระซิบกับต้นไม่อย่างรวดเร็ว
“ ฮ่าฮ่า ข้ายังรอเจ้าอยู่ … ”
เขารอคอยอยู่ชั่วขณะ และจากนั้นก็ไปกระซิบกับต้นไม้ต้นอื่น
“ เจ้าคิดว่าวันหนึ่งข้าจะจับเจ้าไม่ได้หรือ ? ”
เสียงของเขานั้นเบาและนุ่มนวล แต่ยังคงมีร่องรอยแห่งความโกรธ แทนที่จะดูเหมือนว่าเฉยเมย ราวกับเขากำลังพูดอยู่กับเพื่อน แต่ไม่มีผู้ใดอยู่ตรงนั้น …
เขารอเวลาวักพัก จากนั้นเขาก็พูดซ้ำๆด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป
“ ข้ายังรอเจ้าอยู่ … ”
เขาหยุดชั่วขณะ และจากนั้นก็พูดต่อ
“ ออกมา ? เจ้าต้องต้องการให้ข้าสับเจ้าเป็นชิ้นๆหรือ ? ”
เขาทำเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดตอบกลับมา
เขายังคงกระซิบกับต้นไม้ไปตลอดทาง ดูเหมือนว่าการที่ยังไม่มีผู้ใดตอบกลับมาไม่ได้ทำให้เขายอมแพ้เลย หากมีหมอมาเป็นเขาในอาการเช่นนี้ หมอผู้นั้นคงจะวินิจฉัยว่าเขาจะต้องมีอาการทางจิตอย่าแน่นอน …
เขายังคงพูดกับตัวเองแต่ไป โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด …
ชายชุดดำสองคนได้มาปรากฏตรงสนามต่อสู้อีกครั้ง ร่างที่ใหญ่โตและกำยำนั้นอ้าปากและกล่าวออกมา
“ เจ้าเป็นใคร ? ตอนนี้เจ้ารู้ไหมว่าเราอยู่ที่นี่ ? เลิกเล่นเกมส์และรีบออกมาได้แล้ว ! ”
เห็นได้ชัดว่าหนึ่งในสองคนที่ลึกลับนี้เป็นผู้ที่คว้าเอาแกนเชวียนไปก่อนหน้านี้ และจากนั้นก็หายไป อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยได้ทำให้เจดีย์หงษ์จวินหมุนด้วยความเร็วสูงสุดในตอนที่พวกเขาหนีไป หวังว่ามันจะทำให้พวกเขาสนใจและกลับมาที่นี่เพื่อพบกับเขา
เหตุผลนั้นง่ายมาก แม้แต่ความสามารถระดับยอดฝีมือของฉีฉางเซี่ยวนั้นยังไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าแกนเชวียนนี้เป็นของจริงหรือไม่ แต่คนเหล่านี้กลับรู้ว่าแกนเชวียนนี้มีความแตกต่างบางอย่าง ความจริง มันเกือบจะรู้สึกได้ว่าทั้งสองคนนี้มีประสาทสัมผัสที่ไวต่อปราณที่ออกมาจากแกนเชวียนปลอมนี้ …
หากการคาดการของจวินโม่เซี่ยผิดพลาด เขาก็จะรอเก้อ
แม้ว่าสองคนนี้จะสามารถสัมผัสได้ถึงปรารที่ออกมาจากเจดีย์หงษ์จวิน พวกเขาก็คิดเอาเองว่า แหล่งที่มาของปราณนี้จะต้องทรงพลังอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็เตรียมตัวที่จะกลับไปมือเปล่าแล้ว เนื่องจากพวกเขาไม่มั่นใจว่าแหล่งที่มาของปราณนี้จะปรากฏออกมาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแหล่งที่มีของปราณนี้จะไม่ปรากฏตัวออกมาในทันที สงสัยว่าคนเหล่านี้อาจจะจากไปอย่างรวดเร็ว หากมีใครบางคนตั้งใจจะปลดปล่อยปราณนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่าคนนั้นจะต้องมีความคิดอะไรบางอย่าง บางทีอาจจะเป็นแผนการหนึ่ง หรืออาจจะต้องการทักทายพวกเรา …
เนื่องจากความบริสุทธิ์ของปราณนี้ได้สร้างความปราถนาให้แก่พวกเขา คนเหล่านี้จึงตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดู แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าอันตรายอย่างมาก ดังนั้น ทั้งสองคนนี้จึงหนีไปซ่อนตัวพร้อมกับแกนเชวียนอย่างรวดเร็ว และรอจนกระทั่งทุกคนจากไป และจากนั้นก็กลับมายังสนามต่อสู้อีกครั้ง
จากทั้งหมดนั้น ความบริสุทธิ์ของปราณนี้เป็นสิ่งที่ย่วยวนพวกเขามากที่สุดในโลก ! แม้แต่ เพชรพลอย ความร่ำรวย เคล็ดวิชา หรือพลังอำนาจ และยา ก็ไม่ทำให้พวกเขาสนใจที่จะเข้าไปเสี่ยงขนาดนี้ !
แม้ว่าจวินโม่เซี่ยจะไม่มั่นใจนักในตอนนี้ แต่แผนการของเขาเป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ !
จวินโม่เซี่ยได้ใช้แกนเชวียนเพื่อให้คู่แข่งนั้นออกมาต่อสู้กัน เขาได้ทำให้ความแข็งแกร่งของลี่โย่วหลานลดลงโดยการสังหารผู้ที่อ่อนแอในกลุ่มของเล้ยเจียนฮ้ง และทำให้ผู้อาวุโสทั้งสามแห่งเมืองพายุหิมะเจ็บปวด แผนการของเขาเป็นไปได้ดีมาก เพราะคนเหล่านี้ได้สาบานว่าจะเป็นศัตรูของสกุลจวิน และสามารถจะก่อปัญหาให้กับสกุลจวินได้ในอนาคต แม้ว่าเขาจะไม่สามารถกำจัดศัตรูของเขาได้สำเร็จ แต่อย่างน้อยเขาได้ทำให้ภัยร้ายมาถึงเขาช้าลง !
จวินโม่เซี่ยจัดการแผนการทั้งหมดนี้ และทำให้แผนการนี้สมบูรณ์แบบจากความช่วยเหลือที่เขาไม่ได้วางแผนเอาไว้ ! แต่เท่าที่ผู้ลึกลับสองคนนั้นต้องเป็นกังวล มันคือเวลาที่จวินโม่เซี่ยเริ่มเริ่มคิดหนักอีกครั้ง !
ฮ่าฮ่า เสียงหัวเราะที่เบา ลึกลับ แต่ทรงพลังและก้องกังวาลดังขึ้นไม่ไกลจากชายทั้งสอง
ไม่มีอะไรอยู่ตรงหน้า … แค่ต้นไม้ ! แต่เสียงนั่นมาจากตรงหน้าของพวกเรา !
แม้ว่าที่มาของชายทั้งสองนั้นจะลึกลับอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นอะไรที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนในชีวิต ! พวกเขาถอยหลังไปพร้อมๆกัน และยกแขนขึ้นมาที่หน้าอกเพื่อป้องกัน !
“ เจ้าเป็นตัวอะไร ? ออกมา ! ”
โดยไม่มีสัญญาณของอันตราย ชายชุดดำคนที่สามปรากฏตัวออกมาต่อหน้าของพวกเขาด้วยวิธีการที่แปลกประหลาดที่สุด ! ร่างของชายผู้นี้ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ราวกับว่าพื้นเบื้องล่างนั้นไม่มีอยู่จริง ! ความแข็งแกร่งของชายทั้งสองนั้นบรรลุไปถึงขั้นเทพเชวียนแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินเคล็ดวิชาที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน !
อาจจะบอกได้ว่า แม้แต่ยุ่นเบ้ยเฉินก็ไม่ยอมเชื่อว่าสิ่งเช่นนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ !
ประหลาดที่สุด !
แต่ความประหลาดอีกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนที่ชายลึกลับคนที่สามจะปรากฏตัวออกมานี้คือ ชายชุดดำทั้งสองสัมผัสได้ถึงร่องรอยของพลังปราณซึ่งดึงดูดพวกเขามาที่นี่ และดูเหมือนว่ามันจะออกมาจากร่างของชายคนที่สามนี้
พวกเขาทั้งสองมั่นใจอย่างมากว่าสิ่งนี้มิใช่ภาพลวงตา !
“ ท่านชื่ออะไร ? ท่านนำพวกเรามาที่นี่เพื่ออะไร ? ”
ชายที่สูงและหุ่นดีถามอย่างสุขุม
“ เห็นได้ชัดว่าข้ามีเหตุผลที่นำพวกเจ้ามาที่นี่ ”
ชายลึกลับตอบกลับมาอย่างนุ่มนวล
“ ข้าคือ เฟิงจือจิง ข้ารู้จักพวกเจ้าไหม ? ”
“ เจ้าไม่รู้ที่มาของพวกเราหรือ ? ”
ชายร่างกายกำยำถามพร้อมกับสีหน้าที่สับสน
ข้าคิดว่าชายผู้นี้ต้องเป็นบางอย่างที่เกินธรรมดา ในตอนที่เขาลอยขึ้นมาจากพื้น แต่เห็นได้ชัดว่าชื่อของเขานั้นปลอม … ข้ารู้สึกแปลกๆกับเรื่องนี้ …
“ ข้ารู้ถึงที่มาของเจ้า แต่ข้าไม่รู้จักชื่อเจ้า นอกจากนี้ มันคงไม่ยากเกินไปที่จะคาดการถึงที่มาของพวกเจ้าใช่ไหม ? ”
เห็นได้ชัดว่าชายคนที่สามคือจวินโม่เซี่ย
ถ้าข้าไม่รู้ที่มาของพวกเจ้า และเหตุใดข้าถึงมาที่นี่ ?
“ โอ้ว ถูกต้องแล้ว … ข้า กระเรียนขายาว นี่คือน้องสี่ของข้า หมีใหญ่ ”
ชายชุดดำผอมเพรียว กระเรียนขายาวพยักหน้าขณะที่เขาพูด
“ พวกเราได้ยินเรื่องของท่านมาเยอะท่านพี่เฟิงจือจิง! ข้าอยากจะเจอคนมีชื่อเสียงเช่นท่าน พวกเราถือได้ว่าโชคดีที่ได้พบท่านในวันนี้ ! ”
“ เจ้าเคยได้ยินชื่อ เฟิงจือจิงมาก่อนหรือ ? ”
จวินโม่เซี่ยเงยหน้าขึ้น
ข้าเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ข้าไม่เคยได้ยินมันมาก่อน ? อย่าบอกข้านะ … ว่าข้าได้เอาชื่อของคนที่มีชื่อเสียงมาใช้ ?
ชายที่มีนามว่า หมีใหญ่ ตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่ซื่อสัตย์
“ นั่นมิใช่สิ่งที่คนของท่านเรียกว่ามารยาทหรอกหรือ ? พวกเขาไม่ได้แสร้งว่าพวกเขาเคนได้ยินชื่อของท่านมาแล้ว ? ”
เอ๋ ! แม่งเอ้ย !
“ ฮี่ ฮี่ เจ้าเดินทางมาไกลมายังเมืองเทียนเชียงถึงสองพันลี้เพื่อแกนเชวียนขั้นเก้าสูงสุด ? ”
จวินโม่เซี่ยเกาจมูก
“ นี่คือแกนเชวียนขั้นเก้าสูงสุด ! ยอดฝีมือทั่วไปอาจจะเชื่อไปแล้ว แต่โชคดีที่พวกเรามีประสบการณ์มาหลายปี … ”
กระเรียนขายาว หันไปและโยนแกนเชวียนที่จวินโม่เซี่ยได้สร้างขึ้นมา
การเดินทางครั้งนี้ไร้ประโยชน์ไปอย่างสิ้นเชิง แต่ดูเหมือนตอนนี้มันกำลังจะดีขึ้น
เขามองไปยังจวินโม่เซี่ยอย่างมีนัยสำคัญ และพูด
“ อย่างไรก็ตาม พวกเราไม่คิดว่าการเดินทางครั้งนี้ของพวกเราจะไร้ค่า ในตอนที่ได้พบกับท่าน ตอนนี้เราเชื่อว่ามีหลายอย่างที่เรายังไม่รู้รอพวกเราอยู่ที่นี่ ! ”