“ เดิมทีแล้ว ข้าได้ให้สิ่งของที่มีค่ามากกว่าแกนเชวียนแก่เจ้า ”
น้ำเสียงของจวินโม่เซี่ย เต็มไปด้วยการหลอกล่อ เห็นได้ชัดว่าจวินโม่เซี่ยไม่สามารถเติมเต็มคำพูดของเขาได้ แต่ตราบใดที่เขายังมีการช่วยเหลือของเจดีย์หงษ์จวิน เขาก็จะสามารถให้สิ่งที่มีค่ามากกว่าแกนเชวียน แก่คนพวกนี้ได้
“ บางที เจ้าอาจจะเข้าใจพวกเราผิดไป พวกเรามาที่นี่เพื่อค้นหาแกนเข้มข้นนี่ และไม่มีเงินหรืออะไรเช่นนั้น ”
กระเรียนขายาวมองไปยังจวินโม่เซี่ยพรอ้มกับร่องรอยแห่งความเจ็บปวดและผิดหวัง
“ พวกเรามาที่นี่เพื่อแกนเข้มข้นนี่ นอกจากนั้นพวกเราก็จะไม่ทำอะไรอื่น ”
จวินโม่เซี่ยสนใจในคำพูดของพวกเขามาก และรู้ว่าพวกเขาพูดถึงแกนเชวียนว่าแกนเข้มข้น และเขาสามารถสัมผัสได้ว่า สองคนนั้นถือว่าสองสิ่งนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ ท่านพี่ ท่าไม่คิดว่าคนผู้นี้จะพูดไร้สาระมากเกินไปหรือ ? เด็กน้อย เจ้ารีบออกไปจากที่นี่ซะ ! เจ้าทำให้ข้าหงุดหงิด ! ”
ดวงตาของหมีใหญ่เหลือบมองไปยังจวินโม่เซี่ย
“ มิฉะนั้นข้าจะต่อยเจ้าจนตาย ! ชีวิตของเจ้าไม่มีความหมายใดๆ แล้วพวกเราอาจจะสามารถใช้มันเพื่อความสนุกสนานได้นะ … ท่านว่าอย่างไรท่านพี่สาม ? ”
“ ต่อยข้าจนตาย ? เจ้าคิดหรือว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งเพียงพอหรือ ? ”
จวินโม่เซี่ยหรี่ตาขณะที่เขาพูดคำนี้ออกมาด้วยความหยิ่งทะนงและเชื่อมั่น
แม้ว่าจวินโม่เซี่ยจะประหลาดใจที่ท่าทางที่ห้าวหาญของเขาไม่สามารถทำให้คนเหล่านี้เกรงกลัวได้ แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาจะต้องทำต่อไป
“ อาจจะไม่ ”
หมีใหญ่พยักหน้าอย่างจริงใจ และจากนั้นก็ยืดอกขึ้น
“ แต่แน่นอนว่าเจ้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะสังหารข้า ! ”
“ ข้าเคยพูดกับเจ้าหรือ ? ข้าเคยบอกหรือว่าข้าต้องการจะสังหารเจ้า ? แม้ว่าข้าจะพูดเช่นนี้ ข้านับถือความแข็งแกร่งของเจ้าเท่ากับที่เจ้านับถือข้า ! ”
จวินโม่เซี่ยมองไปยังชายผู้นั้นด้วยความสับสน
“ หมีใหญ่ เจ้ามิใช่ลูกคนที่สี่ใช่ไหม ? ”
“ ใช่ เอ่อ ! เจ้ารู้ได้อย่างไร ? ”
หมีใหญ่เกาหัวขณะที่เขามองไปยังจวินโม่เซี่ยด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ
จวินโม่เซี่ยตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ข้ารู้ได้อย่างไร ? พี่สามของเจ้าแนะนำว่าเจ้าเป็นน้องสี่ และเจ้ายังมาถามอีกหรือว่าข้ารู้ได้อย่างไร ? ข้าคิดว่าเจ้าแกล้งโง่ … แต่ข้าคิดว่าข้าผิดไป เจ้านั้นมันโง่จริงๆ !
“ เจ้ามันเป็นคนทึ่ม ”
จวินโม่เซี่ยใช้สอมงคิดอยู่นานเพื่อหาคำอธิบายแต่เขาไม่สามารถทำมันได้
“ เจ้ารู้ชื่อในวัยเด็กของข้าได้อย่างไร ? ท่านพี่สองบอกกับเจ้าเรื่องนี้หรือ ? เจ้าได้พบกับพี่สองหรือ ? ”
หมีใหญ่เหลือบมองจวินโม่เซี่ยอีกครั้ง
“ เจ้าต้องไปพบกับเขา ใช่ไหม ? บอกข้ามา เจ้ารู้ได้อย่างไร ? และข้าขอเตือนเจ้า อย่าเรียกข้าเช่นนั้นอีกครั้ง ! มันทำให้ข้าโมโห ! ”
“ เอ่อ … ข้า … ข้าจะเรียกเจ้าว่าหมีใหญ่ … หรือพี่หมี … แต่ข้าคิดว่าพี่หมีนั้นก็คงจะไม่ใช่ชื่อที่แย่เท่าใหร่ ….. ”
จวินโม่เซี่ยพูดไม่ออก
ข้าเคยเห็นคงโง่เง่า ผู้ที่เป็นเหตุให้เกิดปัยหามาก่อน อย่างเช่น หนุ่มๆของสกุลตู่กู้ พกเขานั้นโง่เง่าอย่างมาก … แต่ข้าไม่เคยเห็นคนที่โง่บรมเช่นนี้มาก่อน …
เจ้านี่จริงๆ ….
เจ้าควรจะได้เป็นตำนานที่โง่เง่า เจ้าหมีใหญ่ ! ความโง่ของเจ้าเป็นสิ่งที่อาจจะหยั่งถึง !
ตอนนี้ดูเหมือนว่าจวินโม่เซี่ยจะเหนื่อยเล็กน้อย เนื่องจากเขาได้ใช่ปลังปราณของเขาเพื่อที่จะทำให้เจดีย์หงษ์จวินขยับ หากเขาหยุดใช้พลังงานเพื่อให้เจดีย์หยุดหมุนแล้ว คนเหล่านี้ก็จะสามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้
เห็นได้ชัดว่านี่มิใช่สิ่งที่ดีกับจวินโม่เซี่ย สุดท้ายเขาอาาจะต้องเจอกับปัยหามากมาย เนื่องจากสองคนนี้ทำให้เขาสนุก เพราะว่าเขานั้นเป็นคนที่มีความลึกลับ ผู้ที่ปลดปล่อยพลังปราณที่พวกเขาหลงไหลอยู่ในตอนนี้
“โปรดบอกความต้องการของท่านให้ชัดเจน นายท่าน ”
กระเรียนขายาว มองอย่างคุมเชิงไปยังจวินโม่เซี่ย แม้ว่าเขาจะสังหรใจว่าชายลึกลับผู้นี้มิได้แจ็งแกร่งมาก แต่เขาก็พบว่ามันค่อนข้างแปลกที่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ร่างของชายผู้นี้ก็ปลดปล่อยพลังงานที่ชวนนำลายไหล สิ่งที่เกินจะต้านทานสำหรับสัตว์เชวียนชั้นสูง!
“ บอกความต้องการของข้าหรือ ? เอาละ มันค่อนข้างจะง่าย ข้าอยากจะให้เจ้าทั้งสองทำงานที่ยากใหเแก่ข้า ”
จวินโม่เซี่ยตัดสินใจที่จะไม่อ้อมค้อม
“ ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าอยากให้พวกข้าทำอะไรบางอย่างให้เจ้านะหรือ ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร ? เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าพวกเราจะช่วยเจ้า ? ”
กระเรียนขายาวหัวเราะลั่นออกมาเป็นคนแรก และจากนั้นเขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ย
“ เจ้าคิดว่าเจ้าจะขู่ให้พวกเราทำอะไรก็ตามเพราะเจ้ามีบางอย่างที่พวกเราปราถนาหรือ ?! นายท่าน ช่างไร้เดียรสาเสียจริง ! เจ้าอย่าลืมนะว่าพวกเราได้ขโมยเอาแกนเข้มข้นอันนี้มาจากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวและฉีฉางเซี่ยวได้อย่างง่ายดาย และอย่าลืมว่าพวกเขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะไล่ตามพวกเรา เจ้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าฉีฉางเซี่ยวและเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอย่างนั้นหรือ ? ”
“ หยุดทำตัวว่าเจ้านั้นเป็นยอดมนุษย์ เจ้าเป็นเพียงแค่สัตว์เชวียนชั้นสูง เจ้าอาจจะลหลอกลวงผู้อื่นได้ แต่มิใช่ข้า และหากเจ้าไม่ต้องการสิ่งที่ข้าเสนอให้ เจ้าคงจะไม่กลับมาที่นี่ ! สำหรับการคว้าเอาแกนนั้นไปเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เจ้าคิดว่าเจ้าทำมันด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ ? เจ้าอาจจะแข็งแกร่งพอที่จะอดทนต่อการโจมตีของฉีฉางเซี่ยวและเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว แต่เจ้าเชื่อจริงๆหรือว่าเจ้าจะทำได้อย่างง่ายดายขนาดนี้หากพวกเขาร่วมมือกันอย่างแท้จริงในการต่อสู้ครั้งนี้ ? เจ้าคิดจริงๆหรือว่าพวกเขากลัวความแข็งแกร่งของเจ้า ? ”
น้ำเสียงที่มีนัยยะขอจวินโม่เซี่ยนั้นมีอิทธิพลที่น่าเกรงขาม ดูเหมือนว่าเขาจะเตือนถึงสถานะของพวกเขา แต่พยายามที่จะทำโดยไม่โกรธพวกเขา
คนลึกลับสองคนนี้ได้ต่อสู้กับยอดฝีมือเทพเชวียนและสวรรค์เชวียนมาก่อน และหนีออกมาได้อย่างง่ายดายทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม พวกเรานั้นรู้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นยังไม่มากพอที่จะต่อสู้กับฉีฉางเซี่ยวและเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน แม้ว่าร่างกายของเขานั้นจะทรงพลัง และแข็งแกร่งกว่าสัตว์เชวียนธรรมดาที่มีร่างกายเป็นคน แต่พวกเขาก็รู้ว่าไม่สามารถจะต่อสู้กับเทพเชวียนจริงๆได้ในการต่อสู้ที่เต็มรูปแบบ
แม้ว่าความมั่นใจของพวกเขาจะบังคับให้พวกเขาเชื่อ แต่สัตว์เชวียนชั้นหนึ่งสองตัวนี้ก็รู้ถึงความจริงนี้เป็นอย่างดี และอดที่จะรู้สึกจุกจนพูดไม่ออกไม่ได้ !
จวินโม่เซี่ยรู้ถึงความจริงนี้ และตัดสินใจยุแหย่มากขึ้น ดังนั้นเขาจึงหัวเราะออกมาและพูด
“ เนื่องจากพวกเรามีผลประโยชน์ต่อกันได้หากช่วยเหลือกัน แล้วทำไมพวกเราถึงต้องต่อสู้กันเพื่อสิ่งเล็กน้อยนี้ ? หากเจ้าทั้งสองรู้สึกว่าข้อเสนอและเงื่อนไขของข้านั้นลำบากเกินไปในตอนนี้แล้วละก็ หาเวลามาหารือถึงข้อเสนอของข้ากันสักหน่อยจะเป็นไร ! ”
“ แม้ว่าเจ้าจะทรงพลังอยู่แล้ว แต่การจะบรรลุผ่านข้อจำกัดนี้ไปได้นั้นไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อนๆ ข้าสามารถช่วยพวกเจ้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าถือเอาความจริงว่าเจ้าทั้งสองนั้นอยู่ในขั้นที่สูงอยู่แล้ว และมันจะยากที่เจ้าจะสามรถหาใครบางคนที่รู้และมีประสบการณ์ที่จะช่วยให้เจ้าบรรลุขั้นต่อไปได้ … แต่ข้าสามารถจัดหาสิ่งนั้นให้แก่เจ้าได้ ข้าสามารถจัดหาในสิ่งที่เจ้าต้องการมากที่สุดได้ … และสิ่งที่เจ้าขาดหายไป … สิ่งที่หาได้ยากในโลกนี้ … มันไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับเจ้าอย่างนั้นหรือ ? ”
“ ความแข็งแกร่งนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกนี้ ! หากเจ้าไม่แข็งแกร่งมากพอ จุดจบของเจ้าจะใกล้เข้ามาในไม่ช้า หรือบางทีเจ้าอาจจะต้องจบลงด้วยการต่อสู้เพื่อแกนเชวียน เหมือนคนเหล่านี้ ! ”
จินโม่เซี่ยเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา
“ แม้ว่าเวลานั้นจะยังห่างไกล แต่ทุกคนในดินแดนเชวียนเชวียนรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดกับการพัฒนาของสัตว์เชวียน เมื่อสัตว์เชวียนได้พัฒนาไปถึงขั้นสูงสุดแล้ว บางทีอาจจะพัฒนาต่อไปได้หรือบางทีอาจจะไม่ได้ … และเมื่อสัตว์เชวียนเริ่มมีอายุ ความแข็งแกร่งของมันก็จะลดลง ! และเมื่อเวลานั้นมาถึง แม้แต่ยอดฝีมือเทพเชวียนธรรมดาๆ ก็สามารถสังหารเจ้าในการต่อสู้ได้ ! อย่าบอกข้า ว่ามีความชั่วช้า และดำมืดของป่าเถียนฟาที่ถูกลบออกไปจากความทรงจำของโลกภายนอกนั้นมาจากเจ้า ? ”
ทั้งสองคนนั้น เริ่มหายใจอย่างรุนแรงขึ้นมาในทันที คำพูดของจวินโม่เซี่ยได้กัดเซาะลึกลงไปถึงก้อนบึ้งหัวใจของพวกเขาแล้ว
“ ลองคิดดู … โลกภายนอกนั้นสวยงาม … เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องอาหาร หรือที่พัก และคิดถึงเพียงแค่ความสวยงาม หญิงสาวที่สวยงาม และสิ่งของที่เต็มไปด้วยสีสรรค์ … ตราบใดที่เจ้าแข็งแกร่งมากพอ เจ้าสามารถมีความสุขกับทุกอย่างในโลกนี้ได้ … เพียงแค่ปลายนิ้วชี้ ! ”
จวินโม่เซี่ยยังคงชักชวนพวกเขาต่อไป
“ ต้องให้ข้าเตือนความจำเจ้าถึงผลประโยชน์ที่เจ้าจะได้รับหากเจ้าพัฒนาขึ้นไปได้อีกไหม ?… และในการแลกเปลี่ยน ข้าขอเพียงสิ่งเดียวจากเจ้า ! งานของข้าอาจจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน แต่เจ้าจะได้รับชีวิตที่เป็นอิสระและความแข็งแกร่งที่มากมาย ! นั่นยังไม่มากพออีกหรือ ? ”
“ แม้ว่าคำพูดของเจ้าจะมีเหตุผลอยู่มาก แต่พวกเรามีธรรมเนียม เราไม่รับคำสั่งจากคนที่อ่อนแอกว่า ! ดังนั้นหากเจ้าต้องการทำให้เราประทับใจ จงแสดงให้เห็นว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าพวกเรา มิฉะนั้นเหตุใดพวกเราถึงต้องรับคำสั่งของเจ้า ? ”
กระเรียนขายาวคิดอยู่นานก่อนจะตอบ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าดวงตาของเขาจะเปล่งประกาย
ทั้งสองคนนี้ ถือได้ว่าเป็นราชาแห่งสัตว์ในป่าเถียนฟา ! และสัตว์เชวียนชั้นหนึ่งนี้มีเกียรติ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่เคยก้มหัวให้ผู้ที่อ่อนแอกว่าแม้ว่าพวกเขาจะต้องการ หรือปราถนาต่อบางสิ่งที่ผู้ที่อ่อนแอกว่าจะมอบให้หากพวกเขายอมจำนวน !
เมื่อจวินโม่เซี่ยรู้ว่าเขาสามารถดึงดูดความสนใจของสัตว์เชวียนชั้นสูงได้ และเขาสามารถช่วยให้สัตว์เชวียนก้าวหน้าไปได้ เขาจึงเริ่มวางแผนนี้ขึ้นมา ความปราถนาของเขาที่อยู่เบื้อหลังการดึงดูดความสนใจของสัตว์ชั้นหนึ่งจากป่าเถียนฟ้านั้นง่ายมาก หากเขาสามารถจูงใจสัตว์ที่ทรงพลังและดีที่สุดในป่าเถียนฟาให้มาอยู่ข้างเดียวกับเขาได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวพลังอำนาจใดในโลกนี้อีกแล้ว !
แต่กระนั้นยังมีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำคือ เขาจะต้องหาทางให้สัตว์เหล่านี้เชื่อฟังคำสั่งของเขาก่อน แต่มีเพียงแค่ยุนเบ้ยเฉินเท่านั้นที่ทรงพลังมากพอที่จะมีอำนาจเหนือความแข็งแกร่งของพวกเขาได้ !
จวินโม่เซี่ยรู้ดีว่าเขาไม่สามารถที่จะพยายามควบคุมเสือดาวปีกเหล็กที่ยังเป็นเด็กได้ แต่สำหรับสัตว์เชวียนขั้นเก้าสูงสุดอันสง่านั้น เขารู้ว่าเขาจะต้องวางแผนการนี้ให้รัดกุมที่สุด หากแผนการของเขามีข้อผิดพลาดขึ้นมา ไม่เพียงแต่สัตวืเชวียนเหล่านี้จะหลุดมือเขาไป แต่ชีวิตของเขาอาจจะต้องตกอยู่ในอันตราย !
ดังนั้นนายน้อยจวินจึงคิดแผนการของเขาขึ้นมาอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด อย่างแรกเขาได้เผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับแกนเชวียนนี้ไปทั่วทั้งดินแดนเพื่อทำให้สิ่งที่ทรงพลังในโลกนี้สนใจ และหวังว่าข่าวของเขาจะทำให้สัตว์เชวียนชั้นหนึ่งนี้สนใจ ในกรณีที่มีผู้ทรงพลังจำนวนมากเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อแกนเชวียน สัตวืเชวียนเหล่านี้ก็คงจะไม่อยู่เฉย
เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์แรกของจวินโม่เซี่ยคือการยกระดับของสกุลขึ้นก่อนจะเริ่มสงคราม โดยการทำให้ศัตรูอ่อนแอลง แต่จุดประสงค์สูงสุดเพียงหนึ่งเดียวของเขาคือ ดึงดูดความสนใจของราชาแห่งสัตว์ป่า ! และทำให้พวกเขาเชื่อฟัง !
เขารู้ดีว่าเขานั้นไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำเช่นนั้น แต่กระนั้นเขาสามารถใช้เจดีย์หงษ์จวินเพื่อสนับสนุนในเรื่องนี้ได้ ! แม้ว่าเขาจะไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่เขายังรู้สึกว่าความคิดของเขานั้นมีเหตุผล
หากข้ามีความแข็งแกร่งของยอดฝีมือเทพเชวียน และข้าจะต้องการสัตว์เชวียนเหล่านี้ไปเพื่ออะไร ?
ดังนั้น จวินโม่เซี่ยจึงทำการฝึกฝนทั้งวันทั้งคืนเพื่อทำให้ร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งพอที่จะรองรับการช่วยเหลือจากเจดีย์หงษ์จวินในเวลาที่นานขึ้นได้ และการฝึกฝนเคล็ดวิชาอิสระหยินหยางทำให้เขาทำตามกำหนดการทั้งหมดได้ทันเวลา
เหตุผลที่เขาขอให้จวินวูอี้หากแกนเชวียนให้เขานั้นง่ายมา เขาต้องการจะทดลองบางอย่างที่เขาได้เตรียมการไว้แล้ว !