แต่กระนั้น จวินโม่เซี่ยก็อยากรอจนกระทั่งเขาได้บรรลุผ่านขีดจำกัดและเข้าสู่ชั้นที่สองของเจดีย์หงษ์จวิน ซึ่งความแข็งแกร่งของเขานั้นจะเทียบเท่าได้กับ ปฐพีเชวียน ในดินแดนเชวียนเชวียนนี้ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ความเสี่ยงมันก็สูงอย่างมาก !

อย่างไรก็ตาม การคุกคามของเขตซือฮั่นนั้น ทำให้จวินโม่เซี่ยต้องเร่งดำเนินแผนการให้เร็วกว่าที่เขาได้วางเอาไว้ !

แม้ว่าเขาจะยังพอมีเวลาให้เตรียมการ เขาก็ยังตัดสินใจที่จะดำเนินแผนการนี้ในทันที แม้ว่าเขาจะยังไม่พร้อมในทางปฏิบัติ !

บางทีแผนนี้อาจจะเป็นเหตุผลว่า จวินโม่เซี่ยเตรียมตัวที่จะก้าวเข้าไปยังคฤหัสน์ของจือฮั่น !

แน่นอน การดำเนินแผนการในตอนนี้มันจะหมายความว่าโอกาสที่จะสำเร็จนั้นน้อยมาก แต่จวินโม่เซี่ยก็ยังตัดสินใจที่จะพยายาม เพราะถ้าไม่ทำตอนนี้ก็ไม่ต้องทำเลย ในกรณีที่แผนของเขาไม่เป็นไปตามที่วางเอาไว้ คฤหัสน์จือฮั่นก็จะทำลายสกุลจวินลงไปได้ !

สำหรับสิ่งที่จวินโม่เซี่ยเป็นกัลวล 

 มีคนตายอยู่ตลอดเวลา แล้วปัญหาใหญ่มันคืออะไร ?!

แม่งเอ้ย ! ชีวิตไม่มีอะไรที่มากกว่าชีวิต และมันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจถึงคุณค่าของมันให้มากมาย !

แต่กระนั้น นายน้อยจวินก็ไม่เคยคิดว่าแผนการของเขาจะสำเร็จจริงๆ ไม่เพียงแค่เขาสามารถดึงดูดความสนใจของเทพเชวียนได้ แต่เขายังดึงดูดความสนใจของ แปดยอดปรมาจารย์ของโลกได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถทำให้พวกเขาต่อสู้กันเอง ซึ่งมันเป็นไปตามแผนการที่เขาวางเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผนการของเขาคือ มีราชาสัตว์เชวียนอันทรงพลังสองคนได้รับข่าวนี้ และมาที่นี่เพื่อแย่งชิงแกนเชวียน

อย่างไรก็ดี ตอนนี้จวินโม่เซี่ยก็ยังดูเศร้าหมอง เพราะเขาสามารถดึงดูดความสนใจของสัตว์เชวียนได้มากกว่าหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เพียงแค่สัตว์เหล่านี้ทรงพลังยิ่งกว่าที่เขาได้คาดเอาไว้ แต่มันยากที่จะทำให้พวกเขาเชื่อฟัง !

ในตอนนี้ ความคิดที่จวินโม่เซี่ยจะโน้มน้าวสัตว์เชวียนมาเป็นพันธมิตรของเขานั้นล้มเหลวลงไปแล้ว …

เขารู้ดีว่าปู่ของเขาจะต้องเตะก้นเขาแน่ๆ หากรู้ว่าหลานชายของเขานั้นพยายามทำตามแผนการเช่นนี้ ซึ่ง จวินจ้านเทียนก็ยังบรรลุไปไม่ถึงขั้นเทพเชวียน ในความจริงผู้ติดตามทุกคนของจวินจ้านเทียนนั้นอยู่ในระดับเดียวกับเขา แม้ว่าตำแหน่งและความกล้าหาญของเขานั้นจะสูงที่สุดในดินแดนเชวียนเชวียนซึ่งมันอยู่เหนือกว่าเทพเชวียน

แม้จวินจ้านเทียนจะรู้ว่า มีสัตว์เชวียนรูปแบบนี้อยู่ในโลก เขาก็รู้ว่ามันยากที่จะหาพวกเขาได้ สัตว์เชวียนเหล่านี้ได้อยู่ในจุดที่สูงสุดในความเป็นไปได้ของมนุษย์ และเทียบได้กับแปดยอดปรมาจารย์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างเร้นลับ สัตว์เชวียนเหล่านี้รู้จักที่จะหลับซ่อนจากเทพเชวียนผู้ที่เสี่ยงภัยเพื่ออกมาค้นหาพวกเขา และหวังว่าจะให้พวกเขาไปเป็นเพื่อน ดังนั้น มันจึงเป็นธรรมดาที่ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นอะไร และจะหาพวกเขาได้ที่ใหน

อีกเหตุผลหนึ่งที่จวินโม่เซี่ยรู้ว่าแผนการของเขานั้นล้มเหลว คือ ยุนเบ้ยเฉินนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่รู้กันว่ามีสัตว์เชวียนชั้นหนึ่งนี้เป็นเพื่อน ความจริงแล้ว ในตอนนี้เกือบจะเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าราชาสัตว์เชวียนเหล่านี้นมีวงศาที่เล็ก เและเร้นลับเป็นพิเศษ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีกฏและประเพณีเป็นของตัวเอง นี่จึงเป็นเหตุผลขั้นพื้นฐานที่ว่า ทำไมคนที่มีความสามารถอย่างฉีฉางเซี่ยไม่สามารถที่จะระบุตัวตนของกระเรียนขายาวได้อย่างง่ายดาย และตัดสินใจที่จะละทิ้งแกนเชวียนแทนที่จะไล่ตาม คนลึกลับทั้งสองนี้ไป

ทั้งหมดนี้ นายน้อยจวินได้ตระหนักว่า ที่ผ่านมาเขามองแผนการของเขาในแง่ดีมาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะว่า เขานั้นตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไป ดังนั้นเขาจึ้งตัดสินใจที่จะปรับปรุงแผนการโดยหวังว่าจะให้มีความเป็นไปได้ที่ดีที่สุด 

 หากข้าไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาให้มาเป็นหุ่นส่วนของข้าได้ อย่างน้อยข้าก็โน้มน้าวให้พวกเขาทำงานอย่างหนึ่งให้ข้าได้ใช่ไหม ? นอกจากนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธรางวัลที่ข้าเสนอให้ได้

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดว่าจะเจอปัญหาอีกที่นี่ …

พิสูจน์ความแข็งแกร่งของข้าให้เจ้าเห็น ? นี่มันไร้สาระอย่างมาก ! หากความแข็งแกร่งของข้านั้นมีมากกว่าพวกเจ้า และทำไมข้าจะต้องหวาดกลัวลีจื้อเทียน ?! ข้าคงจะขึ้นไปบนบ้านของเขา ตีหัวเขาเหมือนกับตีลูกปิงปอง จนกระทั่งดวงตาของผู้เฒ่านั้นเปล่งประกายเหมือนกับดวงดาวไปแล้ว และข้าก็จะหักคอของของเขาให้หันไปด้านหลัง …

จวินโม่เซี่ยยังคงเงียบ โศกเศร้า และรู้สึกแย่ในตอนนี้

เขามองแผนการของกระเรียนขายาวออก 

 ข้ารู้ว่าเขาพยายามที่จะทำให้เห็นว่าข้าสามารถที่จะต่อสู้กับพวกเขาได้ ซึ่งมันหมายความว่าข้ามิได้โกหก และข้านั้นทรงพลังมากพอที่จะยื่นข้อเสนอในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ … สำหรับงานของข้า ข้ามั่นใจว่าพวกเขาสามารถทำมันได้อย่างง่ายดาย …

ข้าไม่เคยคิดว่าสัตว์เชวียนนั่นจะฉลาดเพียงนี้ ……

จวินโม่เซี่ยรู้สึกสิ้นหวัง และยังคงเงียบอยู่ แต่จากนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะเริ่มทำอะไรบางอย่าง …

“ ทำให้เจ้าประทับใจ ? เจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไรให้เจ้าประทับใจ ? ”

จวินโม่เซี่ยรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยในจุดนี้ 

 แม่ง ข้าได้ปลดปล่อนปราณที่เจ้าเคยเห็นและเจ้ายังจะมาร้องขออีกเนี่ยนะ ? มันเหลืออดจริงๆ !

“ ดีละ นั่นง่ายมาก เจ้าต้องมาต่อสู้กับพวกเรา ! ”

ปากที่เต็มไปด้วยขนของหมีใหญ่กระเพื่อมในขณะที่เขาแสดงสีหน้าที่ชั่วร้าย สีหน้าของเขานั้นจริงใจและซื่อตรง นั่นทำให้จวินโม่เซี่ยรู้ได้ในทันทีว่าสัตว์เชวียนนั้นจริงจรังในเรื่องข้อเสนอ

“ เจ้ากำลังพูดอะไร ? ”

นกกระเรียนขายาวรีบตำหนิพี่น้องของเขา

“ เจ้าต่อสู้มาทั้งวันแล้ว นั้นเพียงพอแล้ว ! ”

เขามองไปยังจวินโม่เซี่ยและคิด 

 น้องของข้ายังไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ … หากคนผู้นี้แข็งแกร่งกว่ายุ่นเบ้ยเฉินจริงๆ แล้วเราจะไม่ต้องจบลงดั่งเช่นพี่สองหรอกหรือ ?

แล้วหากพวกเราไม่สามารถหนีออกมาได้ดั่งเช่นที่พี่สองทำ … พวกเราจะไม่ต้องตายไปหลังจากที่นายท่านรู้อย่างนั้นหรือ ? หากว่าเขานั้นแข็งแกร่งมาก แล้วเขาสังหารพวกเรา แล้วนายท่านจะ … ไม่ว่าทางใหนพวกเราก็ต้องตาย !

“ พวกเราทั้งหมดเป็นยอดฝีมือ ดังนั้นอย่าได้ใช้วิธีการธรรมดา พวกเราจะเล่นเกมส์สามเกมส์เพื่อตัดสินแพ้ชนะ ”

นกกระเรียนขายาวชูนิ้วสามนิ้วขึ้นมาให้จวินโม่เซี่ยเห็นได้อย่างชัดเจน

“ ผู้ที่ชนะสองในสามเกมส์จะได้เป็นผู้ชนะ หากเจ้าชนะพวกเราสัญญาว่าจะทำสิ่งหนึ่งให้แก่เจ้า แต่ ถ้าพวกเราชนะ พวกเราจะรับเอารางวัลของพวกเรา ! ”

“ ใช่แล้ว หากว่าเจ้าแพ้ พวกเราก็จะเอารางวัลของเราด้วย ! แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้ช่วยเจ้าทำงานของเจ้าก็ตาม ! ”

หมีใหญ่ทวนประโยคสุดท้าย

“ ถ้าอย่างที่เจ้าพูด เจ้าจะเอารางวัลไปไม่ว่าผลจะออกมาว่าข้าจะชนะหรือแพ้อย่างนั้นหรือ ? ”

จวินโม่เซี่ยเพ่งมองกลับไปที่พวกเขาด้วยสายตาที่ไม่ยอมรับ

“ หมีใหญ่ เจ้าไม่มีความสามารถในการเจรจาเอาเสียเลย ใช่ไหม เจ้าไม่ควรจะได้ผลตอบแทนหาก หุ้นส่วนของเจ้าพ่ายแพ้ ! ”

ในความจริงแล้ว จวินโม่เซี่ยเห็นด้วยกับเงื่อนไขนี้ เขารู้ว่ามันคือทั้งหมดของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ชอบที่จะยอมรับมันต่อหน้าสองคนนี้ …

อย่างไรก็ตาม ก่อนอื่นเขาจะต้องเพิ่มโอกาสในการทำให้เขาได้ประโยชน์มากที่สุด …

กลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วทั้งบรรยากาศในขณะที่หมีใหญ่อ้าปาก และจากนั้นเขาแลบลิ้นสีแดงขนาดใหญ่ของเขาออกมา ในขณะที่ดวงตาของเขามองไปยังจวินโม่เซี่ย จากนั้น เขาเลียขอบปากอย่างช้าๆ ขณะที่เขายกนิ้วและพูด

“ ฮ่าฮ่า … แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังรอ และมองหาจนกระทั้งเจอคนที่มีฝีมือดั่งเช่นพวกเราละ ? เจ้าต้องการพวกเรามากกว่าที่พวกเราต้องการเจ้า ! ”

จวินโม่เซี่ยเพ่งมองกลับไป 

 ทั้งสองคนนี้ไม่ได้โง่อย่างที่ข้าคิด … ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเขารู้ถึงตำแหน่งของข้าแล้ว ! มันเป็นสิ่งที่ดีที่ข้าต้องการให้พวกเขาทำงานเพียงานเดียว มิฉะนั้นพวกเขาจะกลายมาเป็นปัญหาใหญ่กับข้าในอนาคตได้ !

ดูเหมือนว่ากระเรียนขายาวจะอับอายเนื่องจากำพูดไร้ยางอายของน้องของเขา และพุด

“ หากเจ้ามีข้อโต้แย้งดังนั้นเราจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเล็กน้อย หากเจ้าต้องการให้พวกเราเชื่อฟังเจ้าโดยที่เจ้าไม่ได้พิสูจน์ตัวเองก่อน อย่างนั้นเจ้าก็ลืมมันไปซะ ! ”

“ ใครบอกว่าเจ้าจะต้องเชื่อฟังข้า ? ข้ายื่นข้อเสนอที่ดีให้แก่เจ้าเพื่อให้พวกเจ้าบริการข้า นั่นเรียกว่าเป็นข้อตกลงที่ยุติธรรม ! ”

จวินโม่เซี่ยสบัดมือด้วยความไม่พอใจ

“ แต่เมื่อพวกเรากำลังจะทำการทดสอบเล็กน้อย แล้วทำไมพวกเจ้าถึงเลือกหัวข้อในการทดสอบนี้ละ ? สำหรับผลประโยชน์ที่เป็นธรรม หัวข้อแรกข้าจะต้องเป็นคนตั้งขึ้น และจากนั้นก้เจ้าทั้งสองคนละหัวข้อ หากเราต้องการสามบททดสอบ แล้วจากนั้นเราจะตัดสินจากสอบทบทดสอบ ตกลงไหม? ”

“ ดี ! ดังนั้นบอกพวกเรามาว่าอะไรคือบททดสอบแรก ? ”

นกกระเรียนขายาวและหมีใหญ่ถกเกียงกันถึงความคิดนี้ชั่วครู่ จากนั้นพวกเราก็เห็นด้วย สำหรับสิ่งที่พวกเขาคิด 

 ให้พวกเราร่วมมือกัน แล้วพวกเราจะแพ้เขาได้อย่างไร ?

“ ข้าจะออกกระบวนท่า และหากพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งสามารถเลียบแบบได้ ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ ”

จวินโม่เซี่ยคิดอยู่ชั่วครู่ และพูดถึงความต้องการของเขาขณะที่ริมฝีปากของเขาโค้งจนเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์

“ ดี ! ”

ทั้งสองดูเหมือนจะมั่นใจอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาอยู่ในขั้นเกือบจะสูงสุดในระดับของพวกเขาแล้ว และ ร่างกายของพวกเขาสามารถยืดขยายได้มากมาย นกกระเรียนขายาวอดที่จะยินดีกับชัยชนะที่จะมาถึงไม่ได้ 

 ลืมถึงกระบวนท่าธรรมดาไปได้เลย ข้าสามารถบิดคอให้เห็นปมได้ ! และอะไรจะยากไปกว่านี่อีกละ ?

“ ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย ”

จวินโม่เซี่ยเริ่มเกมส์ และพวกเขาทั้งสองมองไปที่เขาอย่างไม่เข้าใจ

สิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นต่อสายตาของพวกเขา เท้าของจวินโม่เซี่ยค่อยๆจมลงไปในพื้น จากนั้นก็ขา เอวของเขา … และร่างกายของเขาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อัศจรรย์ที่สุดคือพื้นตรงนั้นยังคงแบนราบเหมือนเดิม … ไม่มีหลุมเกิดขึ้นเลย !

ทั้งร่างของมนุษย์หายไปต่อหน้าต่อตาของสองคนนั้น

ไม่นาน หัวของจวินโม่เซี่ยก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นที่ห่างไปจากจุดที่เจาจมลงไป ซึ่งตามมาด้วยคอ พุง เอว และขาของเขา …

ไม่มีร่องรอยของน้ำอยู่บนร่างของจวินโม่เซี่ย หรือคราบดินโคลนบนเสื้อผ้าของเขาเลย !

มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน ?

ดวงตาของนกกระเรียนขายาวและหมีใหญ่จ้องมองไปยังร่างของจวินโม่เซี่ยอย่างเหลือเชื่อ และดูเหมือนว่าดวงตาของพวกเขานั้นเกือบจะหลุดจากเบ้า ในขณะที่คอของเขาพวกไม่สามารถที่จะกลืนน้ำลายลงไปได้เนื่องด้วยความตกตะลึงจากสิ่งที่ได้เห็น

ทันใดนนั้นพวกเขาก็นึกถึงจุดที่จวินโม่เซี่ยปรากฏตัวออกมา และคิดว่ามันจะต้องมีกลลวงอะไรอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งไปยังจุดที่จวินโม่เซี่ยยืนอยู่ก่อนหน้านี้และ ปัง พวกเขาต่อยไปที่พื้นอย่างรุนแรง ทำให้น้ำกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง พวกเขาก้มหัวและจ้องมองไปยังพื้นที่อยู่เบื้อล่าง และพบเพียงแต่ว่า ไม่มีกลอะไรภายใต้การแสดงนี้ ….

พวกเขาทั้งสองครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานและสุดท้ายก็สรุป 

 นี่พิสูจน์ให้เห็นว่า คนอื่นนั้นไม่สามารถโกงเราได้ !

อย่างไรก็ตาม นี่หมายความได้ว่าเขานั้นเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อใช่ไหม ?

ชายผู้นี้เป็นมนุษย์หรือเปล่า ?

สัตว์เชวียนสองตัวนี้ยังคงไม่เชื่อว่าความสามารถนี้จะเป็นไปได้ แต่กระนั้น พวกเขาก็ได้เห็นมันด้วยตาของตัวเองแล้ว !

“ ตอนนี้ ถึงตาของเจ้าแล้ว ”

น้ำเสียงของจวินโม่เซี่ยฟังดูถ่อมตัว และสุภาพอย่างมาก

“ นี่คือส่วนเล็กๆของฝีมือ และหากเจ้าคนใดสามารถเลียนแบบมันได้ ข้าก็จะยอมรับในรอบนี้ ”

พวกเขามองหน้ากันอยู่เป็นเวลานานก่อนที่หมีใหญ่จะอ้าปากและพึมพัมอย่างไม่เต็มใจ

“ พวกเราทำเช่นนี้ไม่ได้ พวกเรายอมรับ ”