“ เอาละ ดังนั้นข้าชนะในรอบแรก ? ”
จวินโม่เซี่ยถามนกกระเรียนขายาวที่ยืนอยู่เงียบๆอย่างสุขุม เขาขอให้ทั้งสองพยายาม และยอมแพ้เขา เนื่องจากมันสำคัญมาที่ทั้งคู่จะยอมประกาศการยอมแพ้ของพวกเขาออกมา
“ ใช่ พวกเราแพ้ ”
นกกระเรียนขายาวพูดขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
แม้ว่าเขาจะยอมรับในความสามารถที่น่าตกใจของจวินโม่เซี่ย เขาก็รู้สึกได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามของเขานั้นมีพลังเวทย์อะไรบางอย่าง ซึ่งหมายความว่ามันจะยากมากที่พวกเขาจะชนะในการแข่งขันนี้ เนื่องจากความสามารถของคู่ต่อสู้นั้นยากที่จะประเมินได้
ข้าไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร !
ความเร็วและความแข็งแกร่งของพวกเราไร้ประโยชน์ที่จะสู้กับอำนาจเวทย์ของชายผู้นี้ ! นกกระเรียนขายาวและหมีใหญ่นั้นคิดเหมือนกันในเรื่องนี้
“ ขอบคุณที่ให้ข้าชนะ ! ”
จวินโม่เซี่ยปรบมือเบาๆ
“ เอาละ ต่อไปคือการตัดสินใจของเจ้า ข้าไม่คิดว่าเจ้าทั้งสองจะให้ข้าลองสิ่งที่ยาก ”
แต่พวกเราคิด ! พวกเรามีนรกอะไรที่จะสามารถเอาชนะเจ้าได้ … !
พวกเขาทั้งสองที่กระตือรือล้นจะเห็นชัยชนะ ในตอนนี้กลับพบแต่ความสิ้นหวังและลังเล
การแสดงของจวินโม่เซี่ยทำให้พวกเขาตกตะลึงอย่างมาก แต่ยิ่งกว่านั้นมันทำให้ทิศทางและการคาดการในแผนการของพวกเขาเปลี่ยนไป
กระเรียนขายาวและหมีใหญ่ทำปากยู่หลังจากที่พวกเขาเก็บซ่อนความอับอาย
มีอะไรที่จะทำให้พวกเราสามารถเอาชนะยอดฝีมือผู้นี้ได้ ? ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถเอาชนะพวกเราได้ทุกอย่าง
พวกเขาทั้งสองยังคงยืนเกาะกลุ่มกัน และซุบซิบกันอยู่สักพัก แต่ยิ่งพวกเขาคุยกัน ความมั่นใจในชัยชนะของพวกเขาก็ยิ่งน้อยลง คิ้วของเขาย่นด้วยความตึงเครียด พวกเขายังคงคุยกันต่อไปเป็นเวลานาน และในที่สุดก็เงียบลง และมองหน้ากันด้วยความท้อใจ ไม่สามารถที่จะหาทางออกได้
“ ดูเหมือนว่ามันยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก ข้าขอกลับบ้านไปนอนก่อนได้ไหม ? ”
จวินโม่เซี่ยหยอกล้อพวกเขา
“ เหตุใดเจ้าถึงยิ่งทะนงยิ่งนัก ? ข้ากำลังจะบอกเจ้า …. ”
หมีใหญ่อ้าปากขึ้นมาเพื่อสาปแช่งอย่างขุนเคือง แต่ก็ไม่สามารถที่จะหาคำด่าได้ เขาพยายามอยู่ห้า หรือหกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถที่จะหาคำด่าที่ถูกต้องได้เลย
“ แล้วยังไงต่อ ? ”
จวินโม่เซี่ยตัดสินใจที่จะกดดันพวกเขา
“ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเจ้ามามาก … เจ้าลูกเมียน้อย ! ”
หมีใหญ่เดือดดาลโดยไม่มีความอับอาย
“ … รีบไปใหน หืออ ? ต้องให้พวกเราเตือนไหม ว่าอากับกริยาของเจ้านั้นไม่สูงส่งเอาเสียเลย ! ”
ใบหน้าของจวินโม่เซี่ยนิ่งไปในทันที
เจ้าเรียกข้าว่าลูกเมียน้อย ?
โชคดีที่จวินโม่เซี่ยได้ยินประโยคถัดมาก่อนที่เขาจะเดินไปเพื่อหากวัตถุดิบมาทำซุปอุ้งเท้าหมี
“ มันต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใหร่ ? ข้าคิดว่ามันจะนานเกินไปแล้ว ! เจ้าอาจจะมีเวลาของทั้งโลก แต่ข้าก็มีหลายอย่างที่ต้องไปทำ ! ”
ทันใดนนั้นจวินโม่เซี่ยก็เริ่มพูดเสียงดัง
“ เร็วเข้า ! ”
“ ข้าบอกเจ้าไปแล้ว … ”
หมีใหญ่อ้าปากเพื่อด่าทอจวินโม่เซี่ยอีกครั้ง เนื่องจากเขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป แต่ทั้นใดนั้นพวกเขาก็ต้องสะดุ้งโหยง วันใดนนั้นก็มีวงแหวนรัศมีปรากฏขึ้นในหัวของเขา และเขาคำรามออกมาเสียงดัง
“ … ข้าจะฉี่ ! ”
ห๊ะ ?
คำพูดสุดท้ายที่จวินโม่เซี่ยได้ยินซึ่งดังราวกับเสียงฟ้าผ่า และทำให้เขาแทบล้มลงไปกับพื้น เขามองไปยังร่างที่ใหญ่และกำยำของชายที่อยู่ตรงหน้าของเขา ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ว่าทำไมเครื่องมือสังหารนี้ถึงพุดว่า ฉี่
เหตุใดอยู่ดีๆเจ้านี่ถึงพูดราวกับเด้กอายุสามขวบ ?
ในตอนนี้ จวินโม่เซี่ยอดที่จะสงสัยว่าที่เขาได้ยินนั้นถูกต้อง
กระเรียนขายาวสะดุ้งตกใจชั่วครู่ จากนั้นดวงตาของเขาก็กรอกไปมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่ตาดำของเขาขยายใหญ่ขึ้น …
“ เจ้าบอกข้าว่า … เจ้าจะ … ฉี่ ? ”
จวินโม่เซี่ยทวนประโยคนั้น แต่เขาถลึงตาอย่างสงสัยไปยังฝ่ายตรงข้าม และดูเหมือนว่าสมองของเขาจะไม่เชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน
“ ถูกแล้ว พวกเราจะฉี ! ”
ภาษากายของหมีใหญ่นั้นแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจมากนับตั้งแต่การที่เขาพูดเรื่องนี้ครั้งแรก และดูเหมือนว่าภาระหนักที่พวกเขาแบกไว้ก่อนหน้านี้จะหายไป
“ ข้าจะท้าเจ้าแข่งฉี่ ! เป็นไงละ ? นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องการในรอบที่สอง เจ้าจะยอมรับไหมว่าเจ้าแพ้ ? ”
“ แข่งฉี่ ? เจ้าจะตัดสินผู้ชนะอย่างไร ? คนที่ฉี่สูง ..ไกล … หรือฉีมากกว่า …… ”
จวินโม่เซี่ยเกือบจะหาคำพูดมาไม่ถูก และดูเหมือนว่าดวงตาของเขาจะหมุนไปมาเป็นวงกลมแล้วในตอนนี้
สัตว์เชวียนอันดับหนึ่งท้าประลองฉี่กับข้า ? มันจะไม่แปลกอะไรหากพวกเขามีอายุสามปี แต่แต่คนทั่วไปเขาไม่ทำเช่นนี้กันแล้วหลังจาดอายุสามปี … ไม่มีผู้ใดทำเช่นนี้นหลังจากที่พวกเขาโตขึ้น !
ผู้ใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าของจวินโม่เซี่ย และบอกให้เขาเอาอันนั้นออกมาต่อหน้าทุกคน และใช้ใช่มันเพื่อฉี่ …. สัตว์เชวียนนี้รู้ความหมายของคำว่าอับหายไหม ?
อะไรกันนี่ ! ดูเหมือนว่าจวินโม่เซี่ยจะประเมินความไร้ยางอายของคนที่สามารถแสดงออกมาได้น้อยไป และทำให้มันแย่ลง คนเหล่านี้มิใช่คน … พวกเขาเป็นสัตว์ !
“ ไม่สูง ไม่ไกล สิ่งเหล่านั้นสำหรับเด็ก แต่พวกเราเป็นยอดฝีมือ ดังนั้นเราจึงจะไม่เล่นเกมส์เด็กๆ ”
หมีใหญ่คำรามสองครั้งเพื่อเครียกล่องคอหอย แต่ใบหน้าของเขานั้นก็เริ่มแดงด้วยความอับอาย และตอนนี้เขาพยายามที่จะเชื่อมั่นในตัวเอง
พวกเราไม่สามารถที่จะแพ้ชายผู้นี้ได้ หากเขาขอให้เราทำงานให้เขาหนึ่งงาน แล้ว ใครจะรู้ว่างานนั้นคืออะไร ?
แน่นอนว่าเขามีพลังเวทย์บางอย่าง ดังนั้นงานของเขาจะต้องไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดาย !
แม่งเอ้ยแต่กระนั้นก็ไม่มีคนมากมายที่ต้องมาเห็นความไร้ยางอายของข้า แล้วข้าจะต้องไปกังวลอะไร ? ตราบใดที่ชนะในการประลองนี้ อย่างน้อยพวกเราก็จะไม่ต้องทำงานนี้ !
“ เจ้าได้ทำในสิ่งที่พวกเราไม่สามารถทำได้ และพวกเราก็ได้ยอมรับในความพ่ายแพ้แล้ว ”
หมีใหญ่พยายามดึงสีหน้าต่อไป เพราะเขากลัวว่าหากเขาผ่อนคลายลงมันจะทำให้ทุกคนเห็นความอับอายของเขา
“ ตอนนี้เราจะทำท่าทาง และตราบใดที่เจ้าเลียบแบบข้าได้ พวกเราจะแพ้อีกครั้ง หากเจ้าทำไม่ได้ เจ้าก็จะแพ้ ! ”
“ ทำท่าในขณะที่ … ฉี่ ? ”
จวินโม่เซี่ยหรี่ตา
มันมีอะไรพิเศษหรือ ? นี่เป็นสิ่งที่เราได้เรียนรู้มาตั้งแต่ตอนที่เราเกิด ตอนนี้เราโตขึ้นแล้ว พวกเราสามารถฉี่ได้โดยใช้มือสองข้าง มือข้างเดียว และหากเราเอามือไปไว้ข้างหลัง เราก็จะยังสามารถฉี่ได้อย่าอิสระ มั่นลง และไหลลื่น เราสามารถนอนและฉี่ เราสามารถบิดเอวไปรอบๆได้ และเราสามารถที่จะฉี่ในตอนที่เรากระโดดขึ้นลงได้ หึ เรายังสามารถวิ่งไปในขณะที่เรา … และสร้างวงกลอบบนพื้นได้ และอื่นๆมากมาย … ไม่เห็นจะมีอะไรไปมากกว่านี้แล้ว …
เอ๋ ในกรณี่ที่เรานั่งฉี่ยองๆ หากตามหลักเหตุผลที่เป็นไปได้ทิศทางของมันจะขึ้นมาและเข้าไปสู่ … นั่นคือสิ่งที่เจ้าจะทำหรือ ? เพราะว่าข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ !
“ แน่นอน ท่าทางในขณะที่ฉี่ ! เจ้าคิดว่าข้าจะพูดอะไรหรือ ? ”
หมีใหญ่อ้าปากและรีบมาที่ด้านหลังของจวินโม่เซี่ย
“ เมื่อเจ้าเป็นผู้ท้าชิ่ง ข้าจะเริ่มก่อน ! ”
จวินโม่เซี่ยอดทนดูมันไม่ได้ และเขาก็หลับตา
มันเกิดอะไรขึ้น ? ข้าต้องมาดูเขาฉี่จริงๆหรือ ? เขาคิดอะไรอยู่ … เขาคิดว่าดอกไม้ที่สวยงามจะเริ่มเบ่งบานขึ้นในเมืองเทียนเชียงหลังจากที่เขาฉี่ที่นี่ หรือ ….
ในตอนที่เขากำลังประหลาดใจว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นคืออะไร มีใหญ่อ้าปากและหายใจออก และจากนั้นเขากระทืบเท้าอันกำยำของเขาลงไปที่พื้นและจากนั้นร่างอันกำยำของเขาก็ล่อยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างสง่างาม ! ความเร็วและความคล่องแคล่วของเขานั้นมีค่าเท่ากับเทพเชวียน !
“ ฝีมือดี ! ”
จวินโม่เซี่ยยกย่องเบาๆกับตัวเอง อย่างไรก็ตาม สายตาของเขาก็มองออกไปด้วยความสับสน
คนผู้นี้บอกว่าเขาจะฉี่มิใช่หรือ ? หรือเขาจะฉี่จากตรงนั้น ?
ในขณะที่เขากำลังจะประกาศความสงสัยของเขาออกมา …
หมีใหญ่ก็อ้าปากและยิงฟัน ขณะที่มองของเขาแก้มัดที่เอวอย่างรวดเร็ว ในขระที่ร่างของเขายังคงลอยสูงขึ้นไปในอากาศ จากนั้น เขาก็เอามือเสียบเข้าไปในกางเกงอย่างรวดเร็ว และดึงเอา อวัยวะของเขาออกมา ยักไหล่หนึ่งครั้ง สูดหายใจเข้าเต็มปอด และจากนั้น ออกแรงด้วยกำลังของเขาทั้งหมด ฮึ และพ่นน้ำออกมาเป็นสายระยับระยับราวกับน้ำที่เชวียวกราด ที่ให้เกิดเสียง ฉี ฉี ขึ้นขณะที่พวกมันหลังไหลออกไปจากร่างกายของเขา
จวินโม่เซี่ยตกตะลึงด้วยกลิ่นที่รุนแรง และรู้สึกราวกับว่าเขาจะหน้ามืดไปได้ในทุกนาที …
อีกด้านหนึ่ง กระเรียนขายาวปิดหน้าของตัวเองทั้นทีด้วยความอับอาย …
ร่างที่สูงและกำยำของหมีใหญ่นั้นยังคงตั้งตรงอยู่บนท้องฟ้า ในขณะที่สายตาของเขาเพ่งมองตรงไปยังเส้นขอบฟ้า เขาใช้หน้าอกออกแรงมากขึ้น และใช้สองมือจับอาวุธของเขาให้มั่นคง และค่อยๆหมุนตัวไปรอบๆ ทำให้สายน้ำนั้นพุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง …
ฉี่ของเขากระจายไปทั่วทุกทิศทางด้วยความแรงที่เท่ากัน และสร้างให้เกิดรอยในระยะที่เท่ากัน …
เสื้อผ้าของหมีใหญ่กระพือไปในอากาศ … อย่าสวยงาม … ปิดบังส่วนที่อนาจารของเขาไว้ แต่ส่วนที่ยังเหลืออยู่ก็คงงดงาม …
แม้ว่าร่างของเขาจะค่อยๆร่วงลงมาช้าๆ แต่ความเร็วนั้นน้อยนิดมาก
สุดท้ายแล้ว ความแรงของฉี่นั้นก็เริ่มลดลง และจากนั้นมันก็แห้งเหือดไป หมีใหญ่สบัติอาวุธของเขาสองครั้งในอากาศ และมือของเขา … ก็เก็บอาวุธของเขากลับเข้าไปในกางเกงอย่างรวดเร็ว จากนั้น เขาจึงรัดสายเข็มขัดเข้าไปเหมือนเดิม
หลังจากที่เขาแสดงเสร็จแล้ว หมีใหญ่ก็เหาะลงมาที่พื้นอย่างนุ่มนวล และยิ้มพร้อมพยักหน้าตรงไปทางจวินโม่เซี่ย
“ ข้ายังไม่ได้ดื่มอะไรมาเลย ”
ดุเหมือนว่า หมีใหญ่จะรู้สึกเศร้าใจที่เขาไม่ได้ทำการแสดงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
จวินโม่เซี่ยไม่รู้ว่าเขาจะร้องไห้หรือหัวเราะดี !
ทันใดนั้นเขาก็จำอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนของเขาดี เด็กหนุ่มกระโดดขึ้นไปบนแท่นของตำรวจจราจร ตรงทางแยกที่มีการจารจรคับคั่ง และจากนั้นก็พ่นน้ำออกไปทั่วทุกทิศทางโดยไม่ควบคุม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเตือนอยู่ซ้ำๆ แต่จวินโม่เซี่ยก็ไม่คาดว่าจะมีใครที่จะสามารถทำดั่งเช่นชายคนนี้ได้ ! เห็นได้ชัดว่ามันเป็นงานที่ยากจะรับมือ !
จวินโม่เซี่ยกลัวที่จะเลียนแบบการกระทำนี้ !
หมีใหญ่รัดเข็มขัดของเขาให้แน่นขึ้น และกล่าวขึ้นมาอย่างมีชัย
“ หนุ่มน้อย ข้าทำให้เจ้าเห็นแล้ว ตอนนี้เป็นตาของเจ้าแล้ว ! ”
จวินโม่เซี่ยตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่นาน และเพ่งมองไปยังใบหน้าที่เข้มแข็งราวเทพชเวียนของสัตว์เชวียนนี้อย่างต่อเนื่อง จากนั้นเขาจึงพยักหน้า ถอนหายใจ และพูด
“ ข้ายอมรับ ข้าแพ้ ! ”