นายทหารเฝ้าประตูตั้งใจฟัง ขานรับคำพร้อมกัน

 

 

หัวหน้าโต้วชั่งน้ำหนักเงินในมือ “พอฟ้าสาง ข้าจะเอาเงินไปแลก พวกเจ้าเอาไปแบ่งเท่าๆ กัน นับจากนี้ไป ถือว่าไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้น”

 

 

เหล่านายทหารรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะอีกครั้ง

 

 

รถม้าห้าคันมาถึงหน้าประตู เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งคนรถให้เข้าทางประตูหลัง ให้คนทั้งหมดไปถึงลานเรือนถึงลงจากรถม้า

 

 

คนรถรับคำสั่ง คนม้าอีกสี่คันเคลื่อนตามหลังมาติดๆ

 

 

พอเข้ามาหลังเรือน เมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งฉีและหวงฝู่อี้เซวียนลงจากรถม้าก่อน เหวินเปียวถึงเรียกคนทั้งหมดให้ลงมา กวักมือให้พวกเขามาเบื้องหน้าตนเอง แนะนำกับพวกเขาทีละคน “นี่คือนายของข้าแม่นางเมิ่ง คุณชายเมิ่ง ต่อไปก็จะเป็นนายของพวกเจ้าด้วย”

 

 

คนทั้งหมดทำความเคารพ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีอมยิ้มพยักหน้า

 

 

เหวินเปียวถึงแนะนำหวงฝู่อี้เซวียน “นี่คือซื่อจื่ออ๋องฉี”

 

 

คนทั้งหมดตื่นตะลึง

 

 

เขาพูดขึ้นอีกว่า “เป็นคู่หมั้นแม่นางของพวกเรา”

 

 

คนทั้งหมดเข้าใจพลัน ทำความเคารพอย่างอ่อนน้อม

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็ให้ดีใจ ผงกศีรษะอมยิ้มจางๆ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเหวินเปียว “เจ้าจัดหาที่พักให้พวกเขาก่อน พอฟ้าสาง ข้าจะส่งพวกเขาไปยังเรือนฝั่งเหนือทันที พวกเจ้ามีอะไรค่อยไปพูดกันที่นั่น คืนนี้อย่าได้ส่งเสียงดังเอะอะ”

 

 

เหวินเปียวเข้าใจความหมายของนาง พยักหน้ารับ “ทราบแล้วแม่นาง พวกเราจะไม่ส่งเสียงดังขอรับ”

 

 

ทั้งสามไม่สนใจพวกเขาอีก กลับมายังเรือนด้านหน้า

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่เข้าไปในห้อง บอกนางว่า “ล่วงยามจื่อมาแล้ว วันพรุ่งข้ายังต้องไปกั๋วจื่อเจี้ยน ต้องกลับก่อนแล้ว” พูดจบ ก็มองเมิ่งเชี่ยนโยวตาปริบๆ หวังให้นางรั้งตนเองไว้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวทำเป็นมองไม่เห็น เม้มริมฝีปากไม่พูดอะไร

 

 

เมิ่งฉีพยักหน้า “ก็ดี เดินทางระวังด้วยล่ะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนมองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างคับข้องใจแวบหนึ่ง แล้วเดินออกไปจากเรือนพร้อมหวงฝู่อี้

 

 

เมิ่งฉีกำชับเมิ่งเชี่ยนโยว “นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบพักผ่อน พรุ่งนี้เช้ายังมีเรื่องต้องทำอีก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดว่า “วันรุ่งขึ้น ข้าจะส่งพวกเขาไปที่เรือนนอกเมือง พี่รองไม่ต้องตามไป ขบวนรถม้าใกล้จะมาถึงแล้ว ท่านรอรับพวกเขาอยู่ที่บ้านเถอะ”

 

 

แค่จัดแจงให้พวกเขาไปอยู่เรือนนอกเมือง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เมิ่งฉีจึงรับคำ “ได้ จัดการเรียบร้อยแล้วก็รีบกลับมา” ว่าแล้ว ก็หันหลังกลับไปเรือนตนเอง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็กลับมาที่เรือนตัวเอง ชิงหลวนรายงานเสียงเบา “นายท่าน ซื่อจื่อไม่ได้กลับไป ทั้งสองหลบอยู่หลังประตูเจ้าค่ะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักเล็กน้อย ส่งเสียงรับ “อือ” แล้วเดินกลับห้องตัวเอง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนที่คอยสังเกตความเคลื่อนไหว เห็นไฟในห้องเมิ่งเชี่ยนโยวสว่างขึ้น รู้ว่านางกลับมาที่ห้องแล้ว จึงสั่งหวงฝู่อี้ “เจ้าไปหาที่หลับนอนเอาเอง หากให้พี่รองรู้ว่าข้าไม่ได้กลับไป ข้าจะลงโทษเจ้ายืนในลานเรือนสามวันสามคืน”

 

 

หวงฝู่อี้ร้องโอดครวญ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนใช้วิชาตัวเบา ลอยตัวมาถึงลานเรือนของเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

คนเฝ้าประตูนิ่งอึ้ง มองหวงฝู่อี้เซวียนที่พริบตาเดียวก็มาถึงหน้าประตูห้องเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วหันกลับไปมองหวงฝู่อี้

 

 

หวงฝู่อี้แสยะยิ้มให้เขา “พี่ชาย ข้าขออยู่กับท่านสักคืนนะ พรุ่งนี้พวกเราจะรีบไปทันที”

 

 

คนเฝ้าประตูตื่นจากภวังค์ เผยอปากอยากจะถามเขาว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่

 

 

หวงฝู่อี้กลับชิงพูดก่อน “พี่ชาย ทางที่ดีอย่าถามอะไรเลย วันพรุ่งพอพวกเราจากไป ท่านก็ลืมเรื่องนี้ไปให้หมด ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

 

 

คนเฝ้าประตูหุบปาก ยื่นผ้าห่มให้หวงฝู่อี้ พูดเสียงต่ำ “คุณชายพักผ่อนเถอะ ข้าจะกลับไปห้องตัวเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สั่งการ ชิงหลวนและจูหลีจึงไม่ขัดขวาง หวงฝู่อี้เซวียนเข้าไปในห้องได้อย่างราบรื่น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเปลี่ยนชุดล้มตัวลงนอนแล้ว หลับตาพูดว่า “ทำตัวดีๆ ไม่เช่นนั้นต่อไปอย่าหวังจะได้เข้ามาในห้องข้าอีก”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนดีใจหน้าบาน เดินย่องมาข้างเตียง ถอดเสื้อตัวนอกออก เลิกผ้าห่มขึ้น มุดเข้าไปกอดนาง หลับตาลงอย่างมีความสุข

 

 

วุ่นวายกันมาจนถึงเพลานี้ ทั้งสองต่างเหนื่อยมากแล้ว ไม่นานก็หลับผล็อยไป

 

 

แต่ที่เรือนบ่าวกลับเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว

 

 

เหวินเปียวที่ไม่ได้บอกเหวินหู่เหวินเป้ารวมถึงเหวินซง เห็นเหวินเปียวตามเมิ่งเชี่ยนโยวไปกลางดึก ทั้งสามยังนึกสงสัย อาการเจ็บของเหวินเปียวยังไม่หายดี แม่นางกลับให้เขาไปทำเรื่อง

 

 

เหวินเปียวพาคนทั้งหมดกลับมาถึงเรือนบ่าว ปลุกพวกเขาสามคนขึ้นมา

 

 

ทั้งสามลืมตา เห็นเงาตะคุ่มหลายสิบชีวิตยืนอยู่ในห้อง ตกใจสะดุ้ง หลังจากเห็นใบหน้าพวกเขาชัดเจน ก็นึกว่าเป็นความฝัน เอาแต่ขยี้ตาอย่างไม่เชื่อ

 

 

“ไม่ต้องขยี้ตาแล้ว เป็นพวกเขาจริงๆ “ เหวินเปียวพูดเบาๆ

 

 

ทั้งสามคนทะลึ่งพรวดออกมาจากใต้ผ้าห่ม ตบบ่าพวกเขา ดีใจร้องไห้โฮ “พวกเจ้าไม่เป็นอะไร ดียิ่งนัก!”

 

 

เหล่าพี่น้องสำนักคุ้มภัยเห็นนายน้อยอยู่กันพร้อมหน้า ความรู้สึกปรวนแปร คนที่อายุน้อยเริ่มส่งเสียงสะอื้นคราง

 

 

ตอนที่สำนักคุ้มภัยถูกตัดสินโทษ ผู้คุ้มภัยที่อายุน้อยที่สุดคือสิบห้าปี เพิ่งจะเข้ามาอยู่สำนักคุ้มภัยได้ไม่นาน ตอนนี้ผ่านไปห้าปี กลายเป็นหนุ่มแล้ว ใบหน้าไม่เหลือคราบเด็กน้อยไร้เดียงสา ได้ยินเสียงสะอื้นของพวกเขา เหวินเปียวเองก็เกิดความรู้สึกเต็มตื้นพูดไม่ออก

 

 

คนทั้งหมดจำคำพูดเมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นใจ ไม่กล้าโห่ร้อง เพียงแค่เข้ามากอดสามพี่น้องเหวินรวมถึงเหวินซงด้วย

 

 

กัวเฟยและองครักษ์หลวงอยู่อีกด้าน เห็นภาพสะเทือนใจนี้ ก็ตาร้อนผ่าวไปด้วย รีบลุกขึ้นแต่งตัว หลีกทางให้พวกเขานั่งคุยกันอย่างสบาย องครักษ์หลวงคนอื่นก็ทำตาม

 

 

ไม่ได้พบหน้าหลายปี ย่อมมีเรื่องพูดไม่จบ กระทั่งฟ้าเริ่มสาง คนทั้งหมดก็ยังไม่มีอาการง่วง

 

 

ทุกวันยามเฉินเป็นเวลาที่เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นมาฝึกยุทธ์ หลายปีมานี้ไม่เคยละเว้น ดังนั้นพอถึงเวลาก็จะตื่นเอง นางลืมตาขึ้น เห็นหวงฝู่อี้เซวียนหลับสนิท กอดตนเองแน่น คิดมาคิดไป ไม่ขยับตัว หลับตาลง ผล็อยหลับไปอีกครั้ง

 

 

พวกเขาหลับไปจนตะวันโด่ง ชิงหลวนพูดรายงานจากด้านนอก “นายท่าน หากซื่อจื่อยังไม่ไป จะถูกคุณชายรองจับได้นะเจ้าคะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนลืมตาพรวดขึ้นพร้อมกัน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนมองนาง ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตกอยู่ในภวังค์ นั่งเหม่อมองเขา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนฉวยโอกาสนี้ประทับจูบบนหน้าผากนาง ไม่รอให้นางได้สติคืนมา รีบลุกขึ้นสวมชุดผ่าว พูดว่า “ข้าไปก่อนนะ เจ้าเองก็ตื่นเถอะ รีบส่งพวกเขาไปเมืองฝั่งเหนือ จะได้สบายใจ”

 

 

ว่าแล้วก็เปิดประตูเดินออกไป เห็นชิงหลวนและจูหลียืนกลางลานเรือน พยักหน้าชมเชย

 

 

คนเฝ้าประตูมาเปิดประตูจวนแต่เช้า หวงฝู่อี้ก็จูงม้าออกมาแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนเดินออกมา ขึ้นขี่ม้ากลับจวนอ๋องฉี

 

 

กระทั่งเขาพ้นประตูห้องออกไป เมิ่งเชี่ยนโยวถึงได้สติกลับมา ร้องก่นด่า “ตัวเสนียด” ในใจ เลิกผ้าห่มขึ้นลงจากเตียง หันกลับไปพับผ้าห่ม แล้วสั่งชิงหลวนตักน้ำเข้ามาล้างหน้า ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เดินมาหลังเรือน

 

 

สามพี่น้องเหวินและเหวินซงกำลังรออยู่พร้อมกับพี่น้องทั้งหมด พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา ต่างทำความเคารพนางโดยพร้อมเพรียง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดว่า “ไปเถอะ เอาไว้ถึงที่บ้านสวนนอกเมืองค่อยว่ากัน”

 

 

ว่าแล้วก็เดินนำขึ้นรถม้าก่อน

 

 

คนของสำนักคุ้มภัยทยอยตามหลังไป

 

 

รถม้าห้าคันออกมาจากประตูหลัง มุ่งหน้าไปเมืองฝั่งเหนือ

 

 

พ้นประตูเมืองออกมา ไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านสวน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมอบกุญแจให้เหวินเปียว

 

 

เหวินเปียวเดินขึ้นหน้า เปิดประตูออก รถม้าห้าคันแล่นเข้าไปด้านใน

 

 

คนทั้งหมดลงจากรถม้า ตอนที่เห็นสภาพภายในต่างก็ตกใจ ที่นี่ช่างงดงามนัก อย่าว่าแต่บ้านสวนที่พวกเขาพักมาหลายปี แม้แต่สำนักคุ้มภัยที่เคยอยู่ ก็ดีกว่าไม่รู้กี่เท่า

 

 

คนทั้งหมดเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า สุดท้ายหันไปมองเหวินเปียวพร้อมกัน ใช้แววตาถามว่าเรื่องเป็นมายังไงกันแน่

 

 

เหวินเปียวก็ไม่คิดว่าบ้านสวนแห่งนี้จะงดงามเช่นนี้ ถึงกับตาค้าง ถามติดๆ ขัดๆ “แม่นาง นี่…”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ ห้ามไม่ให้เขาพูดต่อ “นี่เป็นบ้านสวนที่ข้าเพิ่งซื้อไว้ ตอนนี้ยังไม่มีคนอาศัย เจ้าให้พี่น้องของเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อน อยู่ว่างๆ ก็จัดเก็บเรือนไปด้วย อีกสองสามวันจะมีงานให้พวกเจ้าทำ”

 

 

เหวินเปียวที่เชื่อฟังเมิ่งเชี่ยนโยวมาตลอด ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็ไม่ได้ถามอีก

 

 

“พวกเจ้าจัดที่จัดทางก่อนเถอะ ข้าจะกลับไปสั่งคนซื้อผ้านวมและของใช้ส่วนตัวมาให้พวกเจ้า ต่อไปพวกเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ จำไว้ว่าไม่มีคำสั่งข้า ใครก็ห้ามเข้าไปในเมือง”

 

 

ทุกคนขานรับคำ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีกว่า “ทุกวันข้าจะให้คนส่งกับข้าวเข้ามา พวกเจ้าต้องทำอาหารเอง ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่”

 

 

เหวินหย่วนรับคำ “ไม่มีปัญหา พวกเราพอทำอาหารได้บ้างขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เช่นนี้ก็ดี” พูดจบก็หันไปพูดกับเหวินเปียว “สองสามวันนี้ข้ามีเรื่องต้องทำ จะไม่เข้ามา หากพวกเจ้ามีเรื่องอะไร ก็ฝากข่าวให้คนที่นำกับข้าวมาส่งให้ทุกวัน ข้าจะรีบเข้ามาทันที”

 

 

เหวินเปียวน้อมรับคำ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นไปบนรถม้า สั่งคนรถออกไปจากเรือน รถม้าอีกสี่คันไล่ตามหลังไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งคนรถให้ไปโรงงาน

 

 

ในโรงงาน บ่าวและพวกคนงานกำลังเก็บกวาดต้นไม้ใบหญ้า

 

 

เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา บ่าวลุกขึ้นยืน เดินเข้ามาอย่างรู้ความ ถามเสียงต่ำ “แม่นางเมิ่ง มีอะไรจะสั่งการขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “คนพวกนั้นหนีออกมาแล้ว ข้าจัดให้เขาอยู่เรือนนอกเมืองฝั่งเหนือ เจ้านั่งรถม้าไปซื้อกับข้าวให้พวกเขา ค่อยไปซื้อผ้านวมและของใช้ส่วนตัวให้พวกเขา คนค่อนข้างมาก เจ้าอาจจะต้องไปสองรอบ ลำบากเจ้าแล้ว”

 

 

บ่าวรีบร้อนโบกมือ “แม่นางเมิ่งอย่าพูดแบบนี้เด็ดขาด นี่เป็นงานสบายๆ ไม่เหนื่อยดอกขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบถุงเงินออกมา เปิดออก หยิบตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้เขา “ไปเถอะ หากไม่พอก็บอกข้า”

 

 

บ่าวเคยเห็นเงินมากที่สุดก็ตอนที่เมิ่งฉีมอบเงินสิบตำลึงให้เขาเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้เห็นตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงที่เมิ่งเชี่ยนโยวมอบให้ ตกใจไม่กล้ารับ “แม่นางเมิ่ง นี่ มากเกินไปแล้ว ข้า…” คิดจะพูดว่าข้าไม่กล้ารับ ก็กลัวจะสร้างภาพจำไม่ดีต่อเมิ่งเชี่ยนโยว จึงไม่ได้พูดออกมา

 

 

“รับไป พวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่นไม่ใช่แค่วันสองวัน ต่อไปต้องให้เจ้าคอยซื้อกับข้าวส่งให้เขาทุกวัน ข้าคงมาให้เงินเจ้าทุกวันไม่ได้ เจ้าจดบัญชีไว้ ถึงเวลาข้าจะเข้ามาดู”

 

 

บ่าวมือสั่น ขาก็สั่น ริมฝีปากยิ่งสั่นหนัก “แม่ แม่นางเมิ่งไม่กลัวว่าข้า จะแอบยักยอกเงินหรือขอรับ”

 

 

“เจ้าทำเป็นหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถาม

 

 

บ่าวส่ายหน้าเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ไม่แน่นอน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มยื่นตั๋วเงินให้เขา

 

 

บ่าวเข้าใจความหมายของนางแล้ว กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ปาดมือไปมาบนเสื้อ ถึงประคองสองมือรับตั๋วเงินมา ใส่ในอกเสื้ออย่างระวัง ก้าวขาที่สั่นเทิ้มขึ้นไปนั่งบนคานรถด้านหน้า บังคับรถม้าไปซื้อของที่ต้องการ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคิดว่าอีกสองวันขบวนรถม้าของที่บ้านจะกลับเข้ามา จึงสั่งคนงานสองสามคนไว้ แล้วนั่งรถกลับมาบ้าน โดยไม่ได้ไปบ้านใต้เท้าเปา

 

 

ขบวนรถม้ายังไม่มา เมิ่งฉีกำลังนั่งรออยู่ในบ้าน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวบอกสิ่งที่จัดเตรียมให้คนของสำนักคุ้มภัยแก่เขา

 

 

เมิ่งฉีพยักหน้า “แบบนี้ดีที่สุด ให้พวกเขาหลบอยู่ที่นั่นก่อน ส่วนเรื่องในภายหลัง รอให้พวกเราทำโรงงานเสร็จค่อยว่ากันอีกที”

 

 

จัดการคนของสำนักคุ้มภัยเสร็จแล้ว ขบวนรถม้าของที่บ้านก็ยังมาไม่ถึง เมิ่งเชี่ยนโยวคิดขึ้นได้ว่าตนเองรับเข็มเงินมาหลายวันแล้ว จึงสั่งชิงหลวน “เจ้าไปส่งข่าวบอกนายท่านเหวินร้านยาเต๋อเหริน บอกว่าข้าเตรียมสิ่งของทั้งหมดพร้อมแล้ว ให้ฮูหยินเข้ามารักษาได้ทุกเมื่อ”

 

 

ชิงหลวนรับคำ ออกไปร้านยาเต๋อเหริน

 

 

กินอาหารเที่ยงเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีอะไรทำ จึงเรียกรวมตัวสาวใช้ สอนพวกนางจำแนกสมุนไพร

 

 

หวงฝู่อี้รีบร้อนเดินเข้ามาจากด้านนอก พูดด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า “พี่สาวเมิ่ง พี่ใหญ่ให้ท่านรีบไปจวนอ๋องฉีขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”

 

 

หวงฝู่อี้สะท้อนแววตาล่อกแล่ก “พี่ใหญ่ไม่ได้บอก ข้าเองก็ไม่ทราบ เพียงบอกให้ข้ารีบมาเชิญท่านเข้าไปขอรับ”

 

 

ด้วยน้ำเสียงเร่งเร้าของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวไม่คิดมากอีก พาจูหลีขี่ม้าตามเขามาจวนอ๋องฉี

 

 

หวงฝู่อี้ไม่ได้พาเขาไปเรือนหวงฝู่อี้เซวียน แต่พาตรงมายังเรือนอ๋องฉี เมิ่งเชี่ยนโยวให้คลางแคลงใจพลัน “พระชายาเอกสุขภาพดีขึ้นมากแล้ว ไม่น่าจะเกิดปัญหาใดอีก”

 

 

นางคิดได้ดังนี้ ก็เดินตามหวงฝู่อี้เข้ามาในห้องแล้ว

 

 

พระชายาเอกนั่งบนตั่งข้างหน้าต่าง กำลังส่งยิ้มพูดบางสิ่งกับหวงฝู่อี้เซวียน พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา ไม่รอให้นางถาม ก็ยิ้มกวักมือให้นาง “โยวเอ๋อร์ เข้ามาสิ มานั่งตรงนี้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย หลังจากทักทายพระชายาเอกแล้ว ก็พูดว่า “อี้เซวียนให้อี้เอ๋อร์รีบร้อนตามข้าเข้ามา เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”

 

 

พระชายาเอกยิ้มดึงมือนางเข้ามา พูดว่า “วันนี้เป็นวันที่พระชายารองจะส่งมอบอำนาจการดูแลบ้านคืน บัญชีมีมาก ข้าดูไม่หมด เซวียนเอ๋อร์จึงแนะนำให้ตามเจ้ามาช่วยดู อีกเรื่อง ข้าสุขภาพไม่ค่อยดี ต่อไปที่นา ร้านค้า ยังมีการค้าต่างๆ ของจวนจะมอบให้เจ้าช่วยดูแล ไม่รู้ว่าเจ้ายินดีจะช่วยงานนี้หรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองไปที่หวงฝู่อี้เซวียนแวบหนึ่ง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหลบสายตา ไม่กล้ามองนาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดปฏิเสธ “พระชายาเอก อย่างไรข้าก็เป็นคนนอก ช่วยท่านดูแลเรื่องในจวนหาสมควรไม่ อีกอย่าง ข้าก็มีการค้าของตัวเอง เกรงว่าจะช่วยท่านไม่ได้เจ้าค่ะ”

 

 

พระชายาเอกยิ้มตบหลังมือนาง “เจ้าเป็นพระชายาซื่อจื่อที่เซวียนเอ๋อร์เลือกแล้ว เรื่องพวกนี้ช้าเร็วเจ้าก็ต้องเป็นคนดูแล เพียงแค่ทำเร็วขึ้นก็เท่านั้น เจ้าอย่าปฏิเสธอีกเลย เจ้าก็เห็นว่าสุขภาพข้าเพิ่งจะดีขึ้น หรือเจ้าทนเห็นข้าร่างกายทรุดลงเพราะเรื่องยิบย่อยพวกนี้ได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธอีกครั้ง “ท่านมอบทั้งหมดนี้ให้อี้เซวียนดูแลได้นี่เจ้าค่ะ เขาเองก็ทำการค้าได้ไม่เลวเลย”

 

 

พระชายาเอกพูดเด็ดขาด “ต่อให้ตอนนี้มอบให้เขา หลังงานแต่งงานก็ต้องมอบให้เจ้าอยู่ดี ไม่ต้องยุ่งยากแล้ว มอบให้เจ้าตอนนี้ไปเลย”

 

 

ได้ยินน้ำเสียงเด็ดขาดของนาง เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าไม่อาจปฏิเสธได้อีก ยิ้มพูดว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก พระชายาเอกโปรดให้ข้าหารือกับอี้เซวียนตามลำพังก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนมองนางด้วยแววตาพิศวง พลันคิดบางอย่างขึ้นได้ ถึงกับหน้าถอดสี

 

 

พระชายาเอกไม่คิดอะไรมาก ยิ้มพูดว่า “ไปเถอะ ยังเหลืออีกครึ่งชั่วยามกว่าพระชายารองจะนำบัญชีและกุญแจมาให้ข้า พวกเจ้ามาตรงตามเวลาก็พอ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ ลุกขึ้นยืน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนอิดออดครู่หนึ่ง ถึงลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เดินนำหน้าออกไป เมิ่งเชี่ยนโยวเดินยิ้มตามหลังไป

 

 

พระชายาเอกมองทั้งสองคนตามกันออกไป ยิ่งมองก็ยิ่งมีความสุข

 

 

ออกมาจากเรือนพระชายาเอก หวงฝู่อี้เซวียนก็หน้าเหยเก ชำเลืองมองสีหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง พูดอย่างระวัง “โยวเอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งโมโห ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก หากข้าไม่ให้อี้เอ๋อร์พูดแบบนั้น เจ้าคงจะไม่เข้ามา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร ชักสีหน้าเดินตรงไปที่เรือนของหวงฝู่อี้เซวียน

 

 

หวงฝู่อี้เดินตามหลัง รับรู้ได้ถึงโทสะคุกรุ่นของเมิ่งเชี่ยนโยว ตกใจถอยห่างออกมา

 

 

จูหลีที่ไม่รู้เรื่อง เดินตามทั้งสองคนไปติดๆ

 

 

พอเข้ามาถึงเรือนหวงฝู่อี้เซวียน เมิ่งเชี่ยนโยวก็บิดหูหวงฝู่อี้เซวียน เดินหน้าถมึงทึงเข้าไปในห้อง

 

 

คล้ายว่าจูหลีจะเข้าใจบางอย่างแล้ว หยุดยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเรือน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวดึงหูหวงฝู่อี้เซวียนเข้ามาในห้อง แล้วใช้เท้าเตะปิดบานประตู

 

 

เสียงดังสนั่น หวงฝู่อี้ตกใจจนหัวใจเกือบจะหลุดออกมา

 

 

เสียงโอดโอยร้องขอชีวิตของหวงฝู่อี้เซวียนดังขึ้นตามมา “โยวเอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งลงไม้ลงมือ ฟังข้าพูดก่อน…”

 

 

“เค้ง!” “ปัง!” “โอ๊ย!” เขายังพูดไม่ทันจบ ภายในห้องก็เกิดเสียงดังขึ้นเป็นระลอก