บทที่ 458 ไสหัวออกมาซะ

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“จระเข้อยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ฉันกลัวจริงๆว่าจะมาเสียเที่ยว!”

เมื่อได้ข้อมูลแน่ชัดจากปากพี่ตงแล้ว เย่เทียนก็คลี่ยิ้มมีเลศนัยในบัดดล สองมือกำเข้าด้วยกันดังกร๊อบแกร๊บ

“นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?!”

ดูจากท่าทางของเย่เทียนนี่เขาตั้งใจจะลงไม้ลงมือชัดๆ สีหน้าพี่ตงอึมครึมลง มือใหญ่ยกขึ้นและโบกไปมา

ลูกน้องสามสี่คนที่ตอนแรกยืนอยู่ด้านหลังโซฟาเห็นท่าก็รีบก้าวเข้ามาล้อมเย่เทียนไว้โดยไม่ให้สุ้มให้เสียง

“ฉันเป็นคนมีเหตุผล อย่าหาว่าฉันไม่เตือนพวกนายนะ”

“วันนี้หลักๆที่ฉันมาเพราะอยากเจอจระเข้ ฉันให้เวลาพวกนายหายตัวไปในห้าวินาที มิฉะนั้นอย่าโทษฉันแล้วกัน”

เย่เทียนกวาดตามองทุกคนรอบๆอย่างไม่ใส่ใจ เขายิ้มบางๆและทอดสายตาไปที่พี่ตงอีกครั้ง

“ฮ่าๆ ไอ้หนุ่ม แกไม่ได้เมาใช่มั้ย?”

“เมาอะไรกัน ฉันว่าโดนประตูหนีบหัวมามากกว่า!”

“พี่ใหญ่ครับ จะมัวเสียเวลาพูดจากับไอ้โง่แบบนี้ไปทำไมกันครับ กระทืบแล้วโยนออกไปข้างนอกก็จบ”

ไม่รอให้พี่ตงปริปาก บรรดาลูกน้อยกลับหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมาก่อน

“พวกนายรนหาที่เองนะ”

เย่เทียนกระตุกรอยยิ้มร้ายกาจที่มุมปาก เขาไม่ลังเลอีกต่อไป ถีบออกไปเร็วและแรง ตรงเป้าเข้าหน้าของพี่ตง

เคร้ง!

น่าสงสารพี่ตงที่คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะลงมือจริงๆ โดนถีบเข้าที่ท้องโดยไม่ทันระวัง คนทั้งคนกระเด็นไปด้านหลังอย่างควบคุมไม่ได้ และกระแทกลงกับโต๊ะแก้วอย่างแรง

“เจ้านั่นเป็นใคร ไม่กลัวตายรึไง?”

“บังอาจมาอาละวาดที่นี่ เด็กหนุ่มสมัยนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ!”

“แม้แต่พี่ตงยังกล้าทำร้าย สงสัยเจ้านั่นได้หมดอนาคตแน่”

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันนี้ดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้างมาได้ไม่น้อยอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากเห็นว่าคนที่ล้มลงกับพื้นคือพี่ตง ก็สร้างความวุ่นวายขึ้นมาในบัดดล

“มัวยืนอึ้งอะไรกันอยู่วะ สับไอ้หนุ่มนั่นแล้วเอาไปให้หมากินโว้ย!”

พี่ตงเริ่มตั้งตัวได้จากความเจ็บเมื่อกี้ เขากุมหน้าอกด้วยหน้าแดงก่ำ และส่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราดออกมารัว

ตุ้บตุ้บ!

แต่ไม่รอให้พวกลูกน้องทันตอบโต้ เย่เทียนชิงกระโจนออกไปและต่อยออกไปหลายหมัดรัว

ลูกน้องทั้งหลายตามรอยพี่ตงไปติดๆ ต่างล้มลงด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“นาย นายคือเย่เทียน?! เย่เทียนที่ตอนนั้นถล่มสถานบันเทิงของเราไปถึงสิบแปดแห่ง!”

ภาพนี้ทำให้พี่ตงนัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อย เขามองเงาทมิฬของเย่เทียนจากล่างขึ้นบน และค่อยๆผสานเข้ากับเงาที่ซ่อนอยู่ส่วนลึกในจิตใจของเขาเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็หวาดกลัวขึ้นมา

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ บรรดาคนที่มุงเข้าดูพากันถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างอดไม่ได้ แต่ละคนชี้นิ้ววิจารณ์เย่เทียนไปต่างๆนานา

“เย่เทียนเป็นใครเหรอ? ทำไมเหมือนพี่ตงจะกลัวมากเลยล่ะ”

“เรื่องแค่นี้นายก็ไม่รู้เหรอ เขาก็คือคนโฉดที่ถล่มสถานบันเทิงของเซิ่งเหอเซิ่งในตอนนั้นไงล่ะ!”

“ใช่แค่นั้นซะที่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เซิ่งเหอเซิ่งก็คงไม่ยุบตัว”

คนในที่นี้พอมีที่โชคดีเคยเห็นความเกรียงไกรของเย่เทียนด้วยตัวเองอยู่บ้าง ภายใต้การเตือนสติของพี่ตง วีรกรรมยิ่งใหญ่ที่เย่เทียนเคยก่อไว้ก็แพร่สะพัดไปทั่วสถานที่

เย่เทียนเงยหน้าเล็กน้อยและกวาดสายตามองผู้คนที่มุงอยู่ มุมปากกระตุกรอยยิ้มร้ายๆ และเข้าไปจับโซฟาช้าๆ

“ในเมื่อทุกคนรู้จักผมหมด ผมจะไม่มัวพูดไร้สาระ”

“บอกให้จระเข้ไสหัวออกมาพบผมซะ ไม่อย่างนั้นตั้งแต่วันนี้ไปแก๊งหย่งเซ่งเหลียนต้องหายไปแน่ๆ!”

พูดจบ ไม่รอให้ทุกคนตั้งสติ เย่เทียนออกแรงกะทันหัน กระชากโซฟาขึ้นอย่างแรงและเขวี้ยงใส่บาร์ที่อยู่ไม่ไกล

ตู้ม!

โซฟากระแทกกับบาร์อย่างแรง จนเหล้าไวน์มียี่ห้อต่างๆร่วงลงพื้นหมด เกิดเป็นเสียงดังโคร้งเคร้ง

“อ๊าก!”

อึ้งกันไปสองวินาที ผู้คนในบาร์ได้สติในที่สุด พวกเขากล้าอยู่ดูต่อซะที่ไหน พวกเขาพากันกรีดร้องและวิ่งหนีออกไป กลัวเหลือเกินว่าจะโดนลูกหลง

เพียงครู่เดียว ฮันเตอร์บาร์ที่เมื่อกี้ยังคึกคักหาใดเปรียบก็พลันเปลี่ยนไป นอกจากบางคนที่ไม่กลัวตายยังแอบดูสถานการณ์ต่อในมุมหลืบแล้ว ไม่เหลือใครอื่นอีก

แต่สถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปได้เพียงไม่กี่นาที มีกลุ่มคนลงมาจากชั้นสองของบาร์ แต่ละคนถืออาวุธพวกเหล็กแท่งและท่อนไม้ครบมือ ต่างมองเย่เทียนที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของร้านด้วยสีหน้ามุ่งร้าย

“สับเขาซะ!”

สิบกว่าคนที่ลงจากชั้นสองของบาร์ไม่เสียเวลาพูดมากกับเย่เทียน พวกเขาพุ่งไปหาเย่เทียนด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม

เมื่อเห็นบรรดานักเลงที่พุ่งเข้ามาอย่างดุดัน มุมปากของเย่เทียนกระตุกรอยยิ้มเย็น เขาไม่ถอยกลับรุดหน้า บุกเข้าไปอย่างแข็งกร้าว!

ต่อให้นักเลงพวกนี้จะมือถืออาวุธ แต่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเย่เทียนได้ยังไง

เย่เทียนเปรียบเสมือนมังกรที่ได้กลับไปในท้องทะเล แหวกว่ายวนเวียนอยู่ท่ามกลางกลุ่มนักเลงอย่างพลิ้วไหว ออกกระบวนท่าเป็นชุดไม่อืดอาดเลยสักนิด หากลงมือจะต้องมีคนล้มลง นอนหมอบกับพื้นและครวญครางอย่างเจ็บปวด

หันกลับมามองนักเลงสิบกว่าคนนั้น แม้จะได้เปรียบเรื่องจำนวนและอาวุธ แต่ไม่อาจแตะแม้แต่ปลายเสื้อของเย่เทียน!

ขณะเดียวกัน ในห้องควบคุมบนชั้นสองของบาร์ ชายฉกรรจ์คนหนึ่งกำลังดูกล้องวงจรปิดด้วยสีหน้าอึมครึม เขาก็คือหัวหน้าลำดับสามของเซิ่งเหอเซิ่ง ผู้นำสูงสุดของแก๊งหย่งเซ่งเหลียนในตอนนี้ จระเข้!

แต่หัวหน้าใหญ่ที่เป็นใหญ่ในเมืองเอกคนนี้ตอนนี้กลับมีสีหน้าซีดเผือด หน้าผากมีเหงื่อออกไม่หยุด สองมือกำพนักพิงเก้าอี้แน่น สั่นไปทั้งตัว

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าในที่สุดภาพนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว ในที่สุดก็มาแล้ว!

ที่จระเข้สามารถชักจูงคนของเซิ่งเหอเซิ่งมาได้กว่าครึ่ง เหตุผลหลักๆเป็นเพราะเขาหักขาของเชิ่งหู่ด้วยตัวเอง

แต่ต่อให้ได้นั่งตำแหน่งในตอนนี้ดั่งที่ปรารถนา จระเข้ก็มีช่วงเวลาที่สำนึกเสียใจนับไม่ถ้วนหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กระทั่งเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืนก็มี

สิ่งที่ให้เขาวิตกกังวลก็คือกลัวว่าเย่เทียนจะมาหา!

ตอนแรกเขาใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ทนและหวาดระแวงมาพักหนึ่ง จระเข้อุตส่าห์คลายปมในหัวใจที่ตึงเครียดได้แล้ว เพิ่งจะสบายใจได้ไม่กี่วัน เย่เทียนดันมาปรากฏตัว

ถ้าไม่ใช่ว่าจระเข้รู้อยู่แก่ใจว่าเย่เทียนไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ ไม่แน่เขาอาจจะวิ่งไปคุกเข่าร้องขอชีวิตแล้ว!

“คนของพวกนายล่ะ ถึงไหนกันแล้ว?”

เมื่อเห็นเย่เทียนในหน้าจอจัดการพวกลูกน้องได้โดยไม่เปลืองแรง และเดินขึ้นมาชั้นบนด้วยสีหน้าสบายใจ หัวใจดวงน้อยของจระเข้แทบจะกลัวจนเด้งออกมาจากอก เขารีบหยิบมือถือขึ้นมาและโทรออกรัวๆ

ตั้งแต่ที่เห็นเย่เทียนผ่านกล้องวงจรปิด จระเข้ก็จำได้แล้วว่าเขาคือคนโฉดที่ถล่มสถานบันเทิงสิบแปดแห่งในตอนนั้น ใจเขาเต้นรัวแรงและรีบเรียกลูกน้องให้พากองกำลังมาที่นี่

แต่จระเข้ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน ลูกน้องมือถืออาวุธสิบกว่าคนก็โดนเย่เทียนล้มซะแล้ว จะให้เขาไม่ร้อนใจได้ยังไง?

“พี่ พี่ใหญ่ พวกเรายังอยู่ระหว่างทางครับ คาดว่าอีกประมาณห้านาทีจะถึงครับ”

คำตอบของลูกน้องทำให้ใบหน้าของจระเข้เศร้าสร้อยลงในบัดดล แม้ว่าห้านาทีจะไม่นาน แต่พอให้เย่เทียนฆ่าเขาได้หลายพันครั้งแล้ว…..