ตอนที่ 716 เข้าเมืองเจี้ยนอันอย่างลับๆ
หากว่าหลิงอวี้จื้อตกอยู่ในกำมือของมู่หรงกวานเย่ว์จริงๆ ละก็ เช่นนั้นก็เป็นไปได้มากว่ามู่หรงกวานเย่ว์อาจพาหลิงอวี้จื้อมายังเมืองเจี้ยนอัน ศึกคราวนี้สำคัญกับพวกเขายิ่งนัก เพราะมันคือศึกที่จะตัดสินแพ้ชนะ
“สืบต่อไป ส่งสายของเราเข้าไปปะปนในเมืองเจี้ยนอันสืบข่าวมา”
เซียวเหยี่ยนกล่าวจบก็เดินไปยังโต๊ะหนังสือ หยิบพู่กันขึ้นมา ลงมือเขียนจดหมายฉบับหนึ่งอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วส่งมอบให้กับอู่จิ้น
“หาวิธี นำจดหมายฉบับนี้ส่งให้ถึงมือเฉินมั่วฉือ เรื่องนี้เป็นฝีมือของมู่หรงกวานเย่ว์ หากว่าข้าเดาไม่ผิดละก็ เฉินมั่วฉือคงจะยังไม่รู้เรื่องนี้ ก่อนหน้าหน้านี้เฉินมั่วฉือยินดีที่จะปล่อยตัวอวี้จื้อออกมานั่นก็แสดงว่าเขาไม่ต้องการใช้อวี้จื้อเป็นหมากของตน”
อู่จิ้นพยักหน้า
“ผู้น้อยเข้าใจแล้วขอรับ”
ว่าแล้วอู่จิ้นก็ถือจดหมายฉบับนั้นเร่งรีบออกไปจัดการทันที
หรูเยียนยังยืนอยู่ที่เดิมนางดึงรั้งชายแขนเสื้อไปพลางๆ เพราะจิตใจที่ร้อนรุ่มไม่สงบ นางไม่รู้ว่าเซียวเหยี่ยนจะให้นางอยู่ที่นี่ต่อหรือไล่นางไปกันแน่ เมื่อไร้ซึ่งจุดหมาย จึงทำได้เพียงแค่รอให้เซียวเหยี่ยนเอ่ยปาก
เซียวเหยี่ยนไม่รู้เรื่องที่หรูเยียนวางยาพิษหลิงอวี้จื้อ มิเช่นนั้นหากเขารู้คงจะฆ่าหรูเยียนไปแล้ว
มองเห็นหรูเยียนนั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆ เซียวเหยี่ยนจึงตัดสินใจที่จะให้นางอยู่ที่นี่ต่อชั่วคราว เพราะครั้งนี้เขาเดินทางมาโดยมิได้พาสาวใช้มาด้วย และในเมื่ออวี้จื้อถูกจับตัวมาเช่นกัน ย่อมต้องไม่ได้พาสาวใช้มาด้วยเป็นแน่ ดังนั้นหลังจากที่ช่วยเหลือหลิงอวี้จื้อออกมาได้แล้ว นางย่อมต้องการคนคอยปรนนิบัติรับใช้ข้างกาย
อย่างไรเสียหรูเยียนก็เคยปรนนิบัติรับใช้ข้างกายหลิงอวี้จื้อมาเป็นเวลานาน เช่นนั้นก็ให้นางคอยปรนนิบัติหลิงอวี้จื้อเหมาะสมที่สุดแล้ว หลังจากนั้นจะจัดการอย่างไรกับนาง ให้หลิงอวี้จื้อเป็นผู้ตัดสินใจก็แล้วกัน
“หรูเยียน เจ้าถอยออกไปก่อน”
“เจ้าค่ะ”
หรูเยียนตอบรับด้วยด้วยสีหน้าปิติยินดี ประโยคนี้ของเขาก็เท่ากับอนุญาตให้นางอยู่ที่นี่ต่อไปแล้วสินะ ดีจังเลย ไม่เสียแรงที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไป ในที่สุดก็ได้กลับมาอยู่ข้างกายเซียวเหยี่ยนอีกครั้ง
มู่หรงกวานเย่ว์เดินทางมาอย่างลับๆ นางให้หลิงอวี้จื้อสวมใส่หน้ากากหนังมนุษย์ จนหลิงอวี้จื้อกลายเป็นสาวใช้หน้าตาธรรมดาๆ เท่านั้น
ส่วนมั่วชิงถูกคนของมู่หรงกวานเย่ว์แยกไปขังไว้อีกที่หนึ่ง พระนางยังใช้ชีวิตมั่วชิงมาข่มขู่ให้หลิงอวี้จื้อแสร้งว่าเป็นใบ้ มิให้เอ่ยวาจาใดๆ ออกมาทั้งสิ้นตลอดการเดินทาง ส่วนตัวมู่หรงกวานเย่ว์เองก็ปลอมตัวเป็นหญิงชรา จนสุดท้ายก็เดินทางถึงเจี้ยนอันได้อย่างปลอดภัย
มู่หรงกวานเย่ว์มีป้ายคำสั่งในมือ ดังนั้นในขณะที่นางเดินทางมาถึงเมืองเจี้ยนอันนั้นจึงมิต้องมีใครไปรายงานให้เฉินมั่วฉือได้รู้ เพียงแต่เฉินมั่วฉือในตอนนี้ได้รับจดหมายจากเซียวเหยี่ยนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเมื่อมู่หรงกวานเย่ว์เข้าเมืองมาเฉินมั่วฉือจึงรู้ข่าวทันที ถึงได้พาคนไปรอรับมู่หรงกวานเย่ว์ที่หน้าประตูจวน
จื่ออีประคองมู่หรงกวานเย่ว์ลงจการถม้า หลิงอวี้จื้อก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังพระนางไป หลิงอวี้จื้อรู้ดีว่าที่มู่หรงกวานเย่ว์กระทำเช่นนี้ก็เพราะไม่ต้องการให้เฉินมั่วฉือจดจำนาง แต่เรื่องนี้นางก็มีวิธีจัดการเช่นกัน
“เสด็จแม่เสด็จมาที่เจี้ยนอัน เหตุใดถึงไม่ส่งข่าวมาแจ้งหม่อมฉันล่วงหน้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินมั่วฉือท่าทางเย็นชา สีหน้าไม่แสดงอาการยินดีเลยแม้แต่น้อย
มู่หรงกวานเย่ว์เองก็มิได้สนใจเรื่องเหล่านี้สักเท่าไหร่
“หากข้าแจ้งฮ่องเต้ล่วงหน้า เกรงว่าคงจะไม่ได้มาเป็นแน่ สถานการณ์ที่เมืองเจี้ยนอันกำลังตรึงเครียด ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของฮ่องเต้ จึงได้เดินทางมาดู บางทีข้าอาจจะสามารถช่วยอะไรฮ่องเต้ได้”
“ในสนามรบดาบไร้ไร้ตา หากพลาดพลั้งทำร้ายถึงเสด็จแม่เข้า มิเท่ากับเป็นความผิดของหม่อมฉันหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
มั่วฉือ เจ้าคือโอรสสวรรค์ ความปลอดภัยของเจ้าย่อมต้องสำคัญที่สุด เจ้ายังมาที่นี่ด้วยตัวเอง แล้วข้าจะมัวแต่รักตัวกลัวตายได้อย่างไรกัน ข้าเพียงแต่อยากที่จะเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้าต่อสู้กับศัตรู ได้มาเห็นเจ้าปลอดภัยดี ข้าถึงจะใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายอย่างสงบสุขในวังหลวงได้”
มู่หรงกวานเย่ว์มองดูบุตรชายของนาง เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเขาเย็นชาถึงเพียงนี้ พระนางก็รู้เจ็บปวดใจไม่น้อย
“เชิญเสด็จๆ แม่”
เฉินมั่วฉือไม่ได้กล่าวอะไรออกมามากมาย เพียงแค่ผายมือเชื้อเชิญนางเข้าไปด้านในเท่านั้น มู่หรงกวานเย่ว์เดินนำขบวนทุกคนเข้าไปด้านใน เฉินมั่วฉือเดินตามเข้าไปติดๆ ซึ่งเขาก็อดมิได้ที่จะต้องจับตาดูหลิงอวี้จื้อที่เดินตามหลังมู่หรงกวานเย่ว์เข้าไปมากเป็นพิเศษ
ตอนที่ 717 ควบคุมบงการข้ามิได้
“นี่คือนางกำนัลที่ข้ารับเข้ามาใหม่ ทำไม ฮ่องเต้ก็สนใจนางกำนัลเช่นกัน? นางกำนัลคนนี้รูปโฉมธรรมดา เกรงว่าจะไม่อยู่ในสายตาของฮ่องเต้นะสิ”
“หม่อมฉันมิได้หมายความเช่นนั้น เสด็จแม่เดินทางมาไกลคงจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า รีบเสด็จกลับห้องไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องอื่นๆ ให้เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันจัดการ”
“เช่นนั้นก็ต้องรบกวนฮ่องเต้แล้ว”
เมื่อเห็นบุตรชายมีท่าทีห่างเหินเช่นนี้ น้ำเสียงของมู่หรงกวานเย่ว์ก็เย็นชาขึ้นมามากทีเดียว ความสัมพันธ์ของแม่ลูกห่างเหินขึ้นไปทุกขณะ กล่าวจบ มู่หรงกวานเย่ว์ก็พาคนกลับไปยังห้องรับรองของตนเองทันที หลิงอวี้จื้อเองก็กลับห้องไปพร้อมกับมู่หรงกวานเย่ว์ด้วย
จื่ออีปิดประตูห้อง หลังจากที่สั่งการให้นางกำนัลคนอื่นๆ ถอยออกไปให้หมด ส่วนมู่หรงกวานเย่ว์เอนกายพักผ่อนบนอาสน์ พร้อมกับเอ่ยเตือนว่า
“หลิวอวี้จื้อ อยู่ต่อหน้าข้า เจ้าจงทำตัวให้ดีเชื่อฟังคำสั่ง ไม่เช่นนั้นคนที่ต้องลำบากก็คือมั่วชิง เจ้าเผยพิรุธออกไปครั้งหนึ่ง ข้าก็จะสั่งให้คนตัดแขนของมั่วชิงหนึ่งข้าง หากเจ้าเผยพิรุธออกไปอีก ข้าก็จะตัดอีกข้างไปเรื่อยๆ หากเจ้าไม่อยากให้นางเป็นอันตราย อย่าให้มั่วฉือสังเกตเห็นเจ้าเด็ดขาด”
“ไทเฮาทรงถนัดในการข่มขู่คนเสียจริงนะเพคะ ก่อนหน้าก็ใช้เซียงหนานมาข่มขู่หม่อมฉัน ตอนนี้ยังใช้มั่วชิงมาข่มขู่หม่อมฉันอีก”
“มีน้ำใจก็มิใช่จะเป็นเรื่องดีเสมอไป เพราะข้าสามารถนำมันมาควบคุมบงการเจ้าได้ เรื่องนี้จะโทษข้ามิได้”
หลิงอวี้จื้อยิ้มเยาะ
“คนทุกคนย่อมมีบางสิ่งและบุคคลที่ตนเองให้ความสำคัญกันทั้งสิ้น หรือว่าในพระทัยของไทเฮามิทรงมีใครเลย? ไม่ว่าจะทรงยอมรับหรือไม่ก็ตาม หม่อมฉันก็รู้ดีว่า สิ่งที่ไทเฮาทรงทำลงไปทั้งทั้งหมดก็เพื่อฝ่าบาท”
“เช่นนั้นแล้วเป็นอย่างไร?”
“เจ้าก็เลยคิดว่าจะสามารถใช้ฮ่องเต้มามาข่มขู่เพื่อจะคุมข้าได้อย่างนั้นหรือ”
หลิงอวี้จื้อมิได้โต้เถียงกับมู่หรงกวานเย่ว์ต่อไป นางหาได้ต้องการควบคุมบงการมู่หรงกวานเย่ว์ไม่
เฉินมั่วฉือไม่ต้องการใช้นางเป็นหมากของตน เช่นเดียวกัน นางเองก็ไม่ต้องการปฏิบัติต่อเฉินมั่วฉือเช่นนั้น
บัดนี้เข้าสู่ช่วงสำคัญที่จะชี้เป็นชี้ตาย นางจึงไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากมาย นางต้องทำให้มู่หรงกวานเย่ว์มองดูให้ชัดๆ ว่าพระนางพ่ายแพ้อย่างไรบ้าง
มู่หรงกวานเย่ว์มิได้ต่อปากต่อคำเรื่องพวกนี้กับหลิงอวี้จื้อ พระนางเดินทางอย่างรีบเร่งจนมิได้พักผ่อนให้เต็มที่เลยสักวัน ในที่สุดวันนี้ก็ถึงเจี้ยนอันเสียที พระนางจึงจะพักผ่อนอย่างสบายใจเสียที
มู่หรงกวานเย่ว์นอนหลับไป จื่ออีจึงลากหลิงอวี้จื้อออกมาเฝ้าอยู่ส่วนนอกของห้อง หลายวันมานี้จื่ออีเองก็แทบไม่ได้พักผ่อนเช่นกัน ตอนนี้พอมีเวลาได้พัก นั่งเฝ้าอยู่ได้ไม่เท่าไหร่จื่ออีก็เริ่มสัปหงก
หลิงอวี้จื่อยกเก้าอี้มานั่งลงอีกด้านของจื่ออี นางแสร้งทำเป็นหลับใหล รอเวลาเมื่อเห็นจื่ออีหลับไป นางจึงค่อยๆ ชันกายลุกขึ้นเตรียมจะออกจากห้อง เพียงแต่ที่ด้านหน้าห้องมีสาวใช้สองคนเฝ้าอยู่ เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้อก้าวเท้าออกมาพวกนางก็เข้าขวางเอาไว้ทันที
“ไม่มีคำสั่งของไทเฮา เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น รีบกลับเข้าไปเสีย’
“ข้าอยากเข้าห้องน้ำ”
“ด้านในห้องมีกระโถนอยู่ เจ้าไปจัดการตัวเองก็แล้วกัน”
“นั่นเป็นกระโถนของไทฮานะ ข้าจะกล้าบังอาจล่วงเกินของๆ ไทเฮาได้อย่างไร”
หลิงอวี้จื้อร่ำร้อง
“ไทเอามีพระบัญชาแม่นางใช้ได้”
หลิงอวี้จื้อถึงกับพูดไม่ออก มู่หรงกวานเย่ว์จะละเอียดอ่อนถึงขนาดสั่งการเช่นนี้เลยหรือ หลิงอวี้จื้อจึงได้แต่วนกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ตอนนี้มู่หรงกวานเย่ว์และจื่ออีต่างก็หลับสนิท นี่ถือเป็นโอกาสทองที่หาได้ยากยิ่ง
หลิงอวี้จื้อแสร้งทำเป็นกลับเข้าไปในห้อง ล้างไม้ล้างมือ เมื่อเห็นว่าจื่ออยังไม่ตื่น นางจึงกลับไปที่หน้าประตูอีกครั้ง
“ตอนนี้ฮองเฮาทรงบรรทมหลับ ประเดี๋ยวก็คงตื่น ไทเฮามีรับสั่งว่าอยากเสวยลิ้นจี่ อีกสักครู่ฮ่องเต้ก็จะเสด็จมา พวกเจ้ารีบไปจัดหาลิ้นจี่และหาน้ำผึ้งดอกกุ้ยฮวามาสักหน่อยด้วยนะ”
นางกำนัลที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเป็นคนของมู่หรงกวานเย่ว์ เพียงแต่พวกนางไม่รู้ฐานะของหลิงอวี้จื้อ เพราะเรื่องนี้มีเพียงจื่ออีคนเดียวเท่านั้นที่รู้ และพวกนางก็รู้อีกด้วยว่าเฉินมั่วฉือโปรดปรานลิ้นจี่นั้นเป็นความจริง