จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 927 : ประมือกับยอดฝีมือสามตระกูล!
  “รับทราบเจ้านาย..”
  ในเมื่อหลิงหยุนสั่งมีหรือที่เจสเตอร์จะกล้าปฏิเสธ และไม่ยอมปฏิบัติตาม มันขยับปีกบินขึ้นไปเหนือพื้นดินราวห้าสิบเมตร และจับตามองเหตุการณ์ด้านล่างไม่ให้คลาดสายตา เพื่อที่จะสามารถพุ่งเข้าไปช่วยหลิงหยุนได้ทันหากเกิดพลาดพลั้งขึ้น
  ชางกวนเฉิงซีเหมินเต๋อ และหนานกงจาง ทั้งสามคนต่างก็พุ่งเข้าไปล้อมร่างของหลิงหยุนไว้..
  “กำลังภายในของเจ้าเด็กนี่ช่างแปลกนัก!แม้แต่ข้าก็มองไม่ออก.. พวกเจ้าสองคนต้องระมัดระวังตัวให้ดีด้วยล่ะ”
  “พวกเราบุกเข้าไปพร้อมกันเลย!”
  ชางกวนเฉิงร้องบอกพร้อมกับยกตะขอคู่ในมือขึ้นและเป็นฝ่ายกระโดดนำยอดฝีมืออีกสองคนเข้าไปยืนเผชิญหน้ากับหลิงหยุน..
  ในเวลาเดียวกันนั้น..หนานกงจางก็ควงกระบี่ในมือของตนเองกระโดดเข้าไปทางด้านซ้ายของหลิงหยุนเช่นกัน และจัดการพุ่งกระบี่ในมือตรงเข้าใส่ไหล่ซ้ายของหลิงหยุนทันที
  อาวุธของหนานกงจางนั้นคล้ายคลึงกับอาวุธที่หนานกงเจี้ยนใช้มันคือกระบี่ที่เรียวเล็กแต่คมกริบ ตัวกระบี่นั้นเรียวเล็กจนดูคล้ายกับเส้นลวดสีเงินขนาดใหญ่ และสีเงินของกระบี่ก็กำลังเปล่งประกายอยู่ท่ามกลางความมืด แต่ละท่วงท่าที่โจมตีหลิงหยุนนั้น ดูราวกับงูพิษที่กำลังฉกเหยื่อก็ไม่ปาน..
  ทางด้านซีเหมินเต๋อนั้นทันทีที่กระโดดไปยืนอยู่ด้านหลังของหลิงหยุนได้แล้ว เขาก็ย่อตัวลงพร้อมกับตวัดไม้บรรทัดเหล็กสีดำในมือเข้าใส่ข้อเท้าของหลิงหยุนทันที นับว่าเป็นการจู่โจมที่หลิงหยุนเองก็คาดไม่ถึง..
  ตะขอคู่กระบี่ยาว และไม้บรรทัดเหล็ก ต่างก็พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนในตำแหน่งที่ต่างกัน และในขณะที่อาวุธทั้งสามเข้าใกล้จนเกือบจะประชิดร่างของหลิงหยุนแล้วนั้น เขาก็ร้องตะโกนออกมาว่า..
  “เยี่ยมมาก!”
  และกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนก็ถูกตวัดออกไปรอบตัว!
  เคร้ง..เคร้ง..
  เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นแทบจะพร้อมกันและเกิดเป็นประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อย กระบี่ของหลิงหยุนฟันเข้ากับตะขอคู่ของชางกวนเฉิง และกระบี่ยาวของหนานกงชางเพื่อทำการเปิดทาง!
  จากนั้นเท้าซ้ายของหลิงหยุนก็ก้าวออกมาพร้อมกับกระโดดลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศราวสองหรือสามเมตรเพื่อหลบหลีกการถูกโจมตีที่ข้อเท้าด้วยดาบครึ่งวงกลมของซีเหมินเต๋อ..
  แต่ครั้งนี้ชางกวนเฉิงได้เพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าครั้งก่อนหลายร้อยเท่าเขาได้รวบรวมลมปราณทั้งหมดมาไว้ที่แขนทั้งสองข้าง จึงไม่ได้รับอันตรายอะไร และเพียงแค่กระเด็นถอยหลังออกไปราวสองสามก้าวเท่านั้น..
  ทางด้านหนานกงจาง..เมื่อกระบี่เรียวบางของเขาปะทะเข้ากับกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุน ร่างของเขาก็ลอยละลิ่วออกไป แต่ก็คาดไม่ถึงว่าในจังหวะที่ร่างของเขากำลังล่องลอยออกไปราวกับขนนกนั้น จะสามารถม้วนตัวกลับ และพุ่งกระบี่ในมือของตนเองใส่หลิงหยุนได้อีกครั้ง
  หลิงหยุนไม่รู้ว่านั่นคือวิชาตัวเบาของตระกูลหนานกงที่เลื่องชื่อเขาเพียงแค่เหลือบมอง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นตกใจอะไรมากนัก อีกทั้งยังคิดเหยียดหยันอยู่ในใจว่า ‘ก็แค่วิชาตัวเบาพื้นๆเท่านั้น!’
  วิชาตัวเบาไม่ว่าจะเป็นของสำนักใดก็ตามจุดประสงค์ของมันก็มีเพียงแค่สองอย่างเท่านั้นคือ.. ใช้ในการจู่โจมคู่ต่อสู้ และใช้ในการหลบหลีกการโจมตีของคู่ต่อสู้..
  “ตายซะ!”
  หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งรอการจู่โจมและสายตาของเขาก็จับอยู่ที่ร่างของหนานจางกงซึ่งกำลังกระโดดหมุนตัวพุ่งกลับมา พร้อมกับตวัดกระบี่ในมือไปมาอย่างรวดเร็วจนเกินเป็นภาพของม่านสีเงินที่พุ่งเข้าใส่ศรีษะของตัวเอง..
  ทางด้านซีเหมินเต๋อซึ่งพลาดในครั้งแรกนั้นก็ได้ใช้ไม้บรรทัดเหล็กของตนเองกระแทกกับพื้นพร้อมกับตีลังกากลับตัว และพุ่งตามไปโจมตีที่ข้อเท้าของหลิงหยุนอีกครั้ง..
  “ยังจะตามข้ามาอีกรึซีเหมินเต๋อ..ดูเหมือนเจ้าจะไม่กลัวตายเลยสินะ!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาเสียงดังอย่างหงุดหงิดพร้อมกับพลิกตัวกลางอากาศไปทางขวาสามรอบ หลบกระบี่ของหนานกงจางได้อย่างง่ายดาย และในขณะเดียวกันก็ฟันกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือเข้าใส่ร่างของซีเหมินเต๋อ
  “แย่แล้ว!”
  ซีเหมินเต๋อจากที่เป็นฝ่ายบุกโจมตีหลิงหยุนกลับต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายตั้งรับแทนพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างตกใจ และเริ่มหวาดกลัวหลิงหยุน!
  “น้องซีเหมิน..เจ้าระวังตัวด้วย!”
  ชางกวนเฉิงร้องตะโกนออกมาเสียงดังเขาถึงกับหน้าเสียเมื่อจากที่พวกตนทั้งสามคนเป็นฝ่ายบุกจู่โจมหลิงหยุน กลับต้องกลายมาเป็นฝ่ายตั้งรับแทนเช่นนี้
  ชัวะ!
  และดูเหมือนว่าซีเหมินเต๋อจะไม่สามารถต้านทานกระบี่ในมือของหลิงหยุนได้เพราะเวลานี้เสื้อของเขาได้ถูกไอกระบี่ของหลิงหยุนฟันขาดเป็นรอยยาว..
  ทางด้านหนานกงจางเมื่อเห็นหลิงหยุนสามารถหลบกระบี่ของตนเองได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นจึงไล่ตามไปฟาดฟันอย่างไม่ยอมแพ้ และกระบี่ในมือของเขาก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของหลิงหยุน แต่หลิงหยุนก็สามารถหลบได้อีกครั้ง
  เคร้ง..เคร้ง..
  เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นถึงสองครั้งมันเป็นเสียงกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนปะทะเข้ากับตะขอคู่ของชางกวนเฉิงที่จู่โจมเข้ามาอย่างดุเดือดอีกครั้ง..
  “เก่งมากเจ้าหนูที่หลบได้ทัน!”
  ในที่สุดร่างของหนานกงจางก็ร่อนลงสู่พื้นดินและได้แต่เอ่ยออกมาอย่างชื่นชม แต่ในใจนั้นกลับนึกประหลาดใจยิ่งนัก..
  ความจริงแล้ว..หากหนานกงจาง ชางกวนเฉิง และซีเหมินเต๋อร่วมมือกันเช่นนี้ ยากนักที่จะหาผู้ใดรับมือพวกเขาทั้งสามคนได้อย่างเยือกเย็นเช่นนี้
  จากข้อมูลที่หนานกงจางได้รับมานั้น– หลิงหยุนเป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนมัธยมธรรมดาๆ ที่ไม่เอาถ่านคนหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่ได้พบเจอกับตัวเองนั้น ทำให้หนานกงจางถึงกับตกตะลึง และแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง!
  เวลานี้หลิงหยุนประมือกับพวกเขาทั้งสามคนไปถึงสองรอบแล้วไม่เพียงหลิงหยุนไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว แต่เขายังสามารถรับมือทุกคนได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถทำให้ซีเหมินเต๋อมีบาดแผลเล็กน้อยได้ด้วย..
  เพียงแค่นี้..หลิงหยุนก็ควรจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีวรยุทธล้ำเลิศแล้ว!
  “พวกเจ้ายืนนิ่งทำไมกันเล่าเข้ามาได้เลย!” หลิงหยุนกำกระบี่ด้วยสองมือพร้อมกับร้องตะโกนท้าทาย
  “เตรียมตัวตายกันหมดได้เลย!”
  หลิงหยุนไม่สนใจยอดฝีมือคนอื่นแต่ตรงเข้าฟันกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือเข้าใส่ชางกวนเฉิงเพียงผู้เดียว!
  สิ้นเสียงร้องตะโกน..กระบี่ในมือของหลิงหยุนก็ฟาดฟันเขาใส่ชางกวนเฉิงอย่างไม่หยุดยั้ง และไม่ว่าชางกวนเฉิงจะหลบหลีกไปในทิศทางใด กระบี่ในมือของหลิงหยุนก็จะตามไล่ล่าไปอย่างไม่หยุดยั้งเช่นกัน!
  “คิดว่าจะหลบกระบี่ในมือข้าพ้นงั้นรึ!”
  เมื่อชางกวนเฉิงถูกกระบี่ในมือของหลิงหยุนไล่ล่าอย่างไม่หยุดยั้งเช่นนี้จังหวะที่กำลังจะพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนนั้น เขาก็ร้องตะโกนออกมาว่า
  “น้องซีเหมิน..ช่วยข้าด้วย!”
  ซีเหมินเต๋อรู้ดีว่าลำพังชางกวนเฉิงผู้เดียวนั้นไม่อาจเอาชนะหลิงหยุนได้อย่างแน่นอน ตัวเขาเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บมากมาย และเมื่อเห็นชางกวนเฉิงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นนั้น จึงต้องเข้าไปช่วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..
  “ข้ามาแล้ว..”
  ซีเหมินเต๋อกระโจนเข้าไปยืนเคียงข้างชางกวนเฉิงอย่างรวดเร็วและยกไม้บรรทัดเหล็กในมือของตนเองขึ้นรับกระบี่สีดำที่ฟาดฟันลงมาจากด้านบนทันที
  ในขณะเดียวกันนั้นตะขอคู่ในมือของชางกวนเฉิงก็ถูกยกขึ้นเหนือศรีษะของตนเองเช่นกัน!
  เคร้ง..เคร้ง..
  เวลานี้ทั้งชางกวนเฉิงและซีเหมินเต๋อต่างก็รู้สึกว่ามือของตนเองที่ยกขึ้นต้านกระบี่ของหลิงหยุนอยู่นั้นกำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และรู้สึกราวกับว่าร่างของตนเองกำลังรับน้ำหนักมหาศาลอยู่ พื้นดินที่ทั้งคู่ยืนอยู่นั้นค่อยๆ แยกออก และร่างของพวกเขาทั้งคู่ก็จมลงไปในดินถึงครึ่งเข่า..
  “อั้ก!”
  ชางกวนเฉิงไม่สามารถต้านทานต่อแรงพลังมหาศาลของหลิงหยุนได้และในที่สุดก็กระอักออกมาเป็นเลือด..
  “ฮ่า..ฮ่า.. สมใจพวกเจ้าหรือยัง”
  หลิงหยุนหัวเราะออกมาเสียงดังและหยุดอยู่เพียงแค่นั้น จากนั้นจึงถือกระบี่กระโดดเข้าไปหาหนานกงจางเป็นรายต่อไป!
  หนานกงจางเห็นหลิงหยุนถือกระบี่พุ่งเขามาหาตนเองเช่นนั้นมันถึงกับหวาดกลัวอย่างมาก และรีบใช้วิชาตัวเบากระโดดถอยหลังหนีทันที..
  หลิงหยุนรู้ว่าตอนนี้ทั้งชางกวนเฉิงและซีเหมินเต๋อนั้นคงจะไม่สามารถตามมาสมทบได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขาจึงไม่ทิ้งโอกาสที่ดีนี้ และรีบใช้วิชาตัวเบากระโดดไปตามยอดไม้ไล่ล่าหนานกงจางไปทันที..
  “นี่เจ้า..”
  แม้ว่าวิชาตัวเบาของตระกูลหนานกงจะยอดเยี่ยมมากแต่ก็ยังนับว่าช้ากว่าวิชาตัวเบาของหลิงหยุน
  เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนไล่ล่ามาในระยะประชิดตัวมากแล้วหนานกงจางจึงหันกลับมา และใช้กระบี่ในมือต้านกระบี่ที่ฟันลงมาของหลิงหยุนไว้ แต่แล้วก็มีเสียงร้องตะโกนดังขึ้น..
  “พี่หนานกง..ระวังด้วย! ข้างหน้าคือหน้าผาไป่จาง!”
  ซีเหมินเต๋อที่จับตามองอยู่อย่างไม่กระพริบเมื่อเห็นว่าหนานกงจางกำลังวิ่งไปทางหน้าผาไป่จาง จึงรีบร้องเตือนด้วยความตกใจ..
  หนานกงจางนั้นได้ทำการสำรวจภูมิประเทศในบริเวณนี้มาก่อนแล้วมีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าด้านหลังของตนเองนั้นเป็นหน้าผาไป่จาง แต่ในเมื่อหลิงหยุนไล่ล่าเขาไม่หยุดเช่นนี้ เขาจึงต้องวิ่งหนีตรงไปทางหน้าผา..
  ชางกวนเฉิงถึงกับหน้าซีดเผือดเพราะเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บภายในอยู่ ทางด้านซีเหมินเต๋อเมื่อเห็นหนานกงจางกำลังเสียท่าหลิงหยุนเช่นนั้น จึงรีบล้วงเอาลูกดอกออกมา และซัดใส่หลิงหยุนทันที!
  ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
  ลูกดอกทั้งสามพุ่งเข้าใส่แผ่นหลังของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
  “ข้ารู้ว่าทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องนัก!”ซีเหมินเต๋อร้องออกมาอย่างรู้สึกอับอาย
  ตระกูลซีเหมินนั้นเป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงตระกูลหนึ่งการใช้อาวุธลับในการต่อสู้จึงนับว่าเป็นเรื่องน่าอาย อีกทั้งเขายังใช้อาวุธลับกับคู่ต่อสู้ที่มีอายุน้อยกว่ามาก และอยู่กันคนละรุ่นอีกด้วย หากให้ใครรู้เข้าเขาคงต้องได้รับความอับอายอย่างแน่นอน..
  แต่ซีเหมินเต๋อเองก็ไม่มีทางเลือกเพื่อช่วยหนานกงจาง เขาจึงต้องทำเรื่องน่าอายเช่นนี้!
  “ฮ่า..ฮ่า.. พวกเจ้าร่วมมือกันดีมาก!”
  หลิงหยุนยังคงใช้กระบี่ไล่ล่าหนานกงจางถอยหลังไปเรื่อยๆในขณะเดียวกันก็เปิดจิตหยั่งรู้ไว้ตลอดเวลา จึงทำให้สามารถมองเห็นเหตุการณ์รอบตัวราวกับมีตาหลัง..
  และลูกดอกทั้งสามนั้นก็ถูกหลิงหยุนจับไว้ด้วยมือได้ทั้งหมด!
  “ห๊ะ!แย่แล้ว!”
  ซีเหมินเต๋อเห็นหลิงหยุนสามารถคว้าลูกดอกของตนเองไว้ได้เช่นนั้นก็ได้แต่ร้องอุทานออกมาอย่างสิ้นหวัง และรู้ทันทีว่าหนานกงจางคงต้องจบชีวิตเป็นแน่!
  ในที่สุดหนานกงจางก็ถูกหลิงหยุนไล่ล่ามาจนถึงขอบหน้าผาไป่จางจึงเหลือหนทางเดียวเท่านั้นคือต้องหันกลับไปสู้กับหลิงหยุน!
จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 928 : ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!
  ระหว่างนาทีแห่งความเป็นความตายนั้นหนานกงจางจำเป็นต้องหันกลับมาต่อสู้กับหลิงหยุน เพราะหากวิ่งหนีต่อไป เขาคงต้องตกหน้าผาตายอย่างแน่นอน!
  หนานกงจางหันกลับมาใช้ปลายกระบี่ที่แหลมคมต้านกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนไว้จนกระทั่งกระบี่ของเขาโค้งงอ และในจังหวะนั้นเอง หนานกงจางก็อาศัยแรงดีดของกระบี่กระโดดหลบออกไปทางด้านข้างทันที!
  แต่ถึงแม้ว่าหนานกงจางจะอาศัยแรงดีดกระโดดหลบออกไปได้แต่ก็รู้ดีว่าไม่สามารถหนีรอดจากการไล่ล่าของหลิงหยุนได้อย่างแน่นอน เขาจึงไม่คิดที่จะหนีอีก และเปลี่ยนกลับมาเป็นฝ่ายพุ่งเข้าจู่โจมหลิงหยุนแทน!
  แต่ถึงกระนั้นเพลงที่หนานกงจางใช้จู่โจมหลิงหยุนนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหนักใจแต่อย่างใด!
  เพลงกระบี่ล่าวิญญาณ!
  เพลงกระบี่ล่าวิญญาณในสายตาของหลิงหยุนนั้นเป็นเพลงกระบี่ที่ใช้สำหรับป้องกันตัวเท่านั้น ยังไม่ใช่เพลงกระบี่ที่ใช้สังหารศัตรู!
  กระบี่สีเงินเล่มยาวของหนานจางกงสะบัดไปมาอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้ารัดรึงร่างของหลิงหยุนไว้อย่างว่องไว..
  “นับเป็นเพลงกระบี่ที่ยอดเยี่ยมทีเดียว!”
  หลิงหยุนเองก็ยกกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือปัดป้องกระบี่ของหนานจางกงเป็นครั้งคราวและถึงกับต้องถอยร่นกลับไปครึ่งก้าว..
  ซีเหมินเต๋อที่เพิ่งจะสามารถเคลื่อนไหวได้จึงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดของตนเอง พุ่งตรงไปหมายสังหารหลิงหยุนจากด้านหลังด้วยไม้บรรทัดเหล็ก!
  ระหว่างที่หนานกงจางกับซีเหมินเต๋อกำลังโจมตีหลิงหยุนพร้อมกันทั้งหน้าและหลังอยู่นั้นชางกวนเฉิงก็กระโดดตามมาสมทบทันที ครั้งนี้ชางกวนเฉิงไม่เหลือความเมตตาแม้แต่น้อยนิด เขารวบรวมกำลังภายในทั้งหมดที่มีอยู่ พุ่งตะขอคู่ในมือเข้าที่ไหล่ของหลิงหยุนทันที
  “เจ้าตายได้แล้ว!”
  “คิดสังหารข้างั้นรึพวกเจ้ายังไม่คู่ควร!”
  ถึงแม้จะถูกยอดฝีมือทั้งสามคนจู่โจมเข้ามาพร้อมกันเช่นนี้แต่หลิงหยุนก็สามารถหลบเพลงกระบี่ล่าวิญญาณของหนานจางกงได้ไม่ยากนัก จากนั้นจึงเอื้อมมือไปด้านหลังดึงปลายไม้บรรทัดเหล็กของซีเหมินกังเข้ามาป้องกันไหล่ของตนเองไว้ได้ทัน!
  เคร้ง..เคร้ง..
  เสียงตะขอคู่ของชางกวนเฉิงกระทบกับไม้บรรทัดเหล็กสีดำของซีเหมินเต๋อ!
  จากนั้นหลิงหยนุนจึงบิดตัวเข้าไปหาชางกวนเฉิงพร้อมกับยกฝ่าเท้าขึ้นตวัดใส่ท้องของเขาทันที!
  “อ๊าก!”
  ร่างของชางกวนเฉิงลอยระลิ่วกลับออกไปราวกับว่าวติดลมพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและมีเลือดทะลักออกจากปากกระจายอยู่เต็มไปหมด..
  “เจ้าอีกคน..”
  หลิงหยุนร้องออกมาพร้อมกับตวัดเท้าเตะไปที่มือข้างซ้ายของซีเหมินเต๋อซึ่งมีไม้บรรทัดเหล็กอยู่จากนั้นไม้บรรทัดเหล็กในมือของเขาก็กระเด็นหลุดลอยไป!
  ตะขอคู่ของชางกวนเฉิงนั้นหากฟันโดนไหล่ของหลิงหยุนแล้วล่ะก็คงยากนักที่หลิงหยุนจะต้านทานได้เช่นกัน แต่นับว่าโชคร้ายที่ตะขอคู่ของชางกวนเฉิงกลับกระแทกเข้ากับไม้บรรทัดเหล็กของซีเหมินเต๋อแทน..
  แต่ในเมื่อในมือของหลิงหยุนมีกระบี่โลหิตแดนใต้อยู่เขาจึงไม่ปล่อยให้ชางกวนเฉิงเพียงแค่กระเด็นออกไปเท่านั้น หลิงหยุนกระโดดตามร่างของชางกวนเฉิงไปพร้อมกับร้องตะโกนว่า
  “เตรียมรับกระบี่ของเข้า!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนพร้อมกับฟันกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือเข้าใส่ร่างของชางกวนเฉิงทันที
  “ห๊ะ!”
  เวลานี้ชางกวนเฉิงไร้ซึ่งอาวุธและไม่คาดคิดว่าหลิงหยุนจะสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นนี้ จึงได้แต่รวบรวมลมปราณทั้งหมดที่มีกระโดดหลบกระบี่ของหลิงหยุนแทน
  เวลานี้หนานกงจางรอดพ้นจากการตกลงไปจากหน้าผาไป่จางได้แล้วแต่หลังจากที่หนีไปได้ไม่ไกลนัก กลับเห็นว่าชางกวนเฉิงกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงรีบกระโดดกลับเข้ามาช่วยทันที!
  กระบี่ล่าวิญญาณ!
  หนานกงจางใช้เพลงกระบี่ล่าวิญญาณเข้าจู่โจมหลิงหยุนจากด้านหลังอีกครั้ง!
  “เจ้าอย่าได้ฝันไปเลย!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนบอกเขาผละจากชางกวนเฉิง และหันหลังกลับไปพุ่งกระบี่ในมือเข้าใส่หนานกงจางแทน แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่ปล่อยให้ชางกวนเฉิงหนีรอดไปได้เช่นกัน
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็หันกลับมาพุ่งหมัดเข้าใส่ชางกวนเฉิงที่ซัดฝ่ามือเข้ามาเช่นกันและหมัดกับฝ่ามือก็ปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดัง.. ปัง!!
  “อ๊าก!”
  เสียงกรีดร้องของชางกวนเฉิงดังออกมาและร่างของเขาก็ลอยระลิ่วออกไปจนเกือบตกหน้าผา
  และทันใดนั้น..หลิงหยุนก็รีบหันกลับไปรับกระบี่ยาวของหนานกงจาง ก่อนจะกระโดดถอยหลังกลับไปยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่
  แม้ว่าจะไม่ได้บาดเจ็บเลย..แต่การต่อสู้กับสามยอดฝีมือเช่นนี้ ก็ทำให้หลิงหยุนใช้กำลังภายในไปบ้างเช่นกัน..
  หลิงหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก..เขาจ้องมองยอดฝีมือทั้งสามนิ่งเงียบ ในที่สุดก็เอ่ยออกมาว่า
  “สามยอดฝีมือของตระกูลเก่าแก่นับว่าวรยุทธไม่ธรรมดาเลยจริง!”
  ในบรรดาสามยอดฝีมือเวลานี้..มีเพียงหนานกงจางเท่านั้นที่ยังคงมีอาวุธอยู่ในมือ แต่ถึงกระนั้นมือทั้งสองข้างของเขาก็สั่นเทิ้ม และเลือดก็กำลังไหลออกมาจากริมฝีปาก..
  ซีเหมินเต๋อถูกหลิงหยุนเตะเข้าชางกวนเฉิงเองก็ได้รับบาดเจ็บ จึงเดินลมปราณภายในร่างกายได้อย่างยากลำบาก เรียกได้ว่าทั้งคู่นั้นได้รับบาดเจ็บภายในสาหัส..
  แม้ว่าหนานกงจางจะได้รับบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อยแต่เขาก็รู้ว่าศัตรูอย่างหลิงหยุนนั้นน่าหวาดกลัวมากเพียงใด!
  หลิงหยุนยังคงถือกระบี่ยืนยิ้มอย่างสง่างามเขายกมือขึ้นชี้ไปทางศพที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
  “งานอดิเรกของข้าคือการต่อสู้..ไม่สิ! น่าจะเรียกว่างานหลักจึงจะถูกต้อง! ในเมื่อกล้าลงมือกับข้า พวกมันก็ต้องตาย!”
  “แต่ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าได้เลือกว่า..จะสู้กับข้าต่อ หรือจะถอยกลับไป! หากพวกเจ้ากลับไปตอนนี้ ข้า – หลิงหยุนจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!”
  หลิงหยุนเปิดโอกาสให้ยอดฝีมือทั้งสามได้เลือกและตัดสินใจด้วยตัวเองก่อนที่จะเข้าสู่การต่อสู้ที่แท้จริง..
  ยอดฝีมือทั้งสามจากตระกูลเก่าแก่ต่างก็มองหน้ากันนิ่งเงียบ..
  และนี่คือกฎของธรรมชาติ..ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าคือผู้เขียนกฏกติกา
  เวลานี้หลิงหยุนให้โอกาสทั้งสามคนได้เลือกแล้วหากทั้งหมดยังยืนกรานที่จะสู้กับหลิงหยุนต่อ สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้จะแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง!
  “เจ้าไม่ได้สังหารลูกชายของพวกเราจริงรึ”หนานกงจางเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนพร้อมกับร้องถามอีกครั้ง
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและถามกลับไปว่า “ขอบอกตามตรง.. หากข้าคิดจะสังหารพวกเจ้าแล้วล่ะก็ มันเป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียว! เช่นนี้แล้วมีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องโกหกพวกเจ้าด้วยเล่า”
  หนานกงจางถึงกับพูดไม่ออกเหตุผลของหลิงหยุนนั้นชัดเจนยิ่งกว่าคำอธิบายใดๆ และแทบไม่ต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้..
  “หากเป็นเช่นนี้..ดูเหมือนว่าเรื่องครั้งนี้จะเป็นความผิดของพวกเราเอง!” หนานกงจางเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง
  หลิงหยุนได้พิสูจน์ให้พวกเขาทั้งสามคนเห็นแล้วว่าหลิงหยุนคือผู้ที่มีวรยุทธล้ำเลิศที่หาใครเปรียบได้ยากนัก หากครั้งนี้พวกเขาทั้งสามคนยังดื้อดึงไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ จุดจบของพวกเขาคงต้องเป็นความตายอย่างแน่นอน..
  และต่อให้หลิงหยุนเป็นผู้ครอบครองสมุดจักรพรรดิจริงพวกเขาทั้งสามคนก็ไร้คุณสมบัติที่จะเอาชนะหลิงหยุนได้!
  หนานกงจางมองหน้ายอดฝีมืออีกสองคนทั้งสามคนก็หันไปมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนจะพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน..
  “ขอบคุณที่เมตตาไว้ชีวิตพวกเรา!”
  “หยุดก่อน!”
  ยอดฝีมือทั้งสามที่กำลังจะเดินจากไปนั้นรีบหันหลังกลับมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของหลิงหยุน
  “ข้ามีสองเรื่องที่จะต้องบอกกับพวกเจ้า..”
  “เรื่องแรก..ข้าเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดของพวกเจ้าที่ต้องสูญเสียลูกชายได้ดี ด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่สังหารพวกเจ้า! แต่หากพวกเจ้าคิดจะกลับมาแก้แค้นข้า หรือคิดที่จะทำร้ายข้า ข้าขอบอกไว้เลยว่าข้าจะตามไปถล่มตระกูลของพวกเจ้าถึงที่อย่างแน่นอน!”
  “เรื่องที่สอง..พวกเจ้าทั้งหมดต้องรีบไปจากเซียนเหยินหลิงทันที หากให้ข้าพบพวกเจ้าที่นี่อีกครั้งล่ะก็ ข้าจะสังหารพวกเจ้าให้หมดทุกคน..”
  หลิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ดัง และไม่เบา แต่เพียงแค่นั้นทั้งสามคนก็รู้สึกเย็นเข้าไปถึงกระดูก..
  ชางกวนเฉิงรีบพูดขึ้นว่า“พวกข้ารับปากว่าจะรีบลงจากเขาเซียนเหยินหลิงทันที ส่วนเรื่องในคืนนี้เป็นความผิดของพวกเราเอง ในเมื่อท่านเมตตาไว้ชีวิตพวกเราเช่นนี้ พวกเราก็จะไม่คิดกลับมาล้างแค้นท่านอีกอย่างแน่นอน เรื่องระหว่างพวกเราขอให้จบลงเพียงเท่านี้!”
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ข้าเองก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!” จากนั้นก็ยกมือขึ้นโบกให้ทั้งสามคนไปได้
  ชางกวนเฉิงและซีเหมิเต๋อก้มลงหยิบอาวุธของตนเอง จากนั้นทั้งหมดก็เดินหายลับเข้าไปในป่าทึบอย่างรวดเร็ว
  ฟรึบ!
  ทันทีที่ยอดฝีมือทั้งสามหายลับตาไปเจสเตอร์ก็บินลงมายืนอยู่ข้างกายหลิงหยุนพร้อมกับร้องอุทานออกมาอย่างแปลกใจ
  “เจ้านาย..เหตุใดท่านจึงปล่อยพวกมันไป”
  หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“จากที่ได้ประมือกับพวกเขาทั้งสามคน ข้ารู้สึกว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้ที่ไร้คุณธรรม..”
  ตระกูลชางกวนตระกูลซีเหมิน และตระกูลหนานกง ต่างก็เป็นตระกูลเก่าแก่ และน่าจะเกี่ยวพันกับตระกูลตู้กู่ ถึงแม้ว่าทั้งสามคนจะรุมหลิงหยุนเพียงคนเดียว แต่นับว่าทั้งหมดก็ต่อสู้อย่างเป็นธรรม ทำให้หลิงหยุนนึกชื่นชมอยู่ในใจ!
  อีกทั้งยอดฝีมือทั้งสามคนก็ไม่ได้ทำผิดต่อหลิงหยุนมากมายและไม่ได้ทำผิดมหันต์อย่างตระกูลเฉิน หลิงหยุนจึงไม่ต้องการสังหารพวกเขา!
  “เจ้านาย..แล้วศพพวกนี้ล่ะ”
  “ปล่อยไว้ที่นี่ล่ะข้าคาดว่าเดี๋ยวคนพวกนั้นก็จะมาจัดการเก็บศพคนของตนเองไป”
  จากนั้น..หลิงหยุนก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางยอดเขาเทียนเหมาเฟิงพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. พวกเราไปที่ยอดเขาเทียนเหมาเฟิงกันได้แล้ว! ดูสิว่าคืนนี้ศัตรูของข้าคนใหนจะได้รับเกียรติตายอยู่บนนั้น”