ตอนที่ 80-2 ไม่อาจปิดบัง

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

และรูแฮเองก็สังเกตได้ เมื่อเห็นว่ามินกุงกำลังมองตนด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก ใจของรูแฮก็เป็นกังวลขึ้น เห็นว่าเขาคือพี่ชายที่รักและถนุถนอมกโยซึลนัก มิใช่ว่าตอนนี้เขาอ่านความรู้สึกที่ตนมีให้นางออกทั้งหมดแล้วหรือ และทันใดนั้นรูแฮก็สังเกตเห็นกโยซึลที่มองมาที่ตนด้วยดวงตาแดงช้ำ เขาเดินเข้าไปหานางอย่างไม่รู้ตัว

 

 

“พระชายา ทรงร้องไห้หรือพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

มือของรูแฮที่ยื่นออกไปหาดวงตาของกโยซึลถูกขวางด้วยแขนของมินกุงที่แทรกเข้ามา

 

 

“องค์ฮวางเซจา เหตุใดจึงกล้ายื่นมือมาสัมผัสพระพักตร์ของพระชายาฮวางแทจาเช่นนี้กันพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

เสียงแข็งกระด้างนั้นพ่นคำพูดเสียดแทงออกมา รูแฮตกใจพลันลดมือลง กโยซึลยื่นมือออกไปลดแขนมินกุงลง แล้วมองไปที่เขา

 

 

“ม ไม่เป็นไรเพคะ ท่านพี่ รูแฮสนิทสนมกับหม่อมฉันเพคะ เราไม่มีพิธีรีตองต่อกันหรอกเพคะ”

 

 

“อูรึม”

 

 

ทันทีที่มินกุงเอ่ยเรียกกโยซึลด้วยน้ำเสียงเข้ม นางก็เอามือออกจากแขนของเขา แล้วก้มหน้าลง นางไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร เมื่อมินกุงพูดกับตนด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น

 

 

“เห็นทีว่าเจ้าจะใช้ชีวิตอยู่ที่วังของเราอย่างอิสระจนเกินไป จึงยังไม่คุ้นชินกับธรรมเนียมของพระราชวังแห่งนี้ ถึงได้ทำตัวเป็นกันเองกับองค์ฮวางเซจาเช่นนี้ แต่ว่านะอูรึม มกกุกแห่งนี้แตกต่างกับฮวากุกมากนัก โดยเฉพาะลำดับของ ‘ผู้สืบทอดบัลลังก์’ นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง”

 

 

มินกุงเน้นคำว่าผู้สืบทอดบัลลังก์พร้อมกับมองไปที่รูแฮ ราวกับต้องการให้เขาจดจำเอาไว้ เพียงคำเดียวก็ทำให้บรรยากาศภายในห้องเยือกเย็นลงในทันที มินกุงหันไปหารูแฮ แล้วก้มศีรษะลงอย่างรักษามารยาท

 

 

“อูรึมยังเด็กนักจึงไม่ระวังท่าทีต่อองค์ฮวางเซจา พระองค์เองก็ทรง ‘ทราบดี’ อยู่แล้ว ขอทรงอย่าได้ตามใจนางนักเลยพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ด้วยคำพูดที่แฝงการเตือนตัวเขาอยู่นั้น ทำให้รูแฮต้องพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้

 

 

“กระหม่อมจะจำคำที่องค์รัชทายาทตรัสไว้เป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ ทว่า…”

 

 

เมื่อเห็นว่ารูแฮพูดไม่จบประโยคดี มินกุงจึงคิ้วกระตุก กโยซึลที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของมินกุงนั้นมองทั้งสองคนไปมาอย่างกังวล นางเพิ่งจะเคยได้เห็นท่าทีที่เคร่งขรึมเช่นนี้ของมินกุงเป็นครั้งแรก

 

 

“โปรดตรัสออกมาให้กระจ่างด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“หากองค์รัชทายาททรงตรัสเช่นนั้น กระหม่อมก็จะทูลบอกพระองค์อย่างชัดแจ้งพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ไม่รู้ว่ารูแฮนั้นได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วหรืออย่างไร เขาจึงไม่หวั่นไหวกับถ้อยคำแข็งกระด้างของมินกุงแล้วสบตากับเขา มินกุงมีท่าทีสั่นคลอนกับแววตาของรูแฮที่จ้องตรงมาที่ตนชั่วครู่ จากนั้นก็เพ่งสายตากลับไป

 

 

“พระชายาทรงต้องการสหายที่สามารถคุยเปิดใจกันได้พ่ะย่ะค่ะ และยิ่งเป็นพระราชวังแห่งนี้ที่ต่างกับวังฮวากุกมากนัก มันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ไม่ว่าตอนนี้หรือวันข้างหน้า กระหม่อมก็จะคงความสัมพันธ์สนิทสนมกับพระชายาต่อไป จะไม่ทำให้พระชายาทรงเหงาและเดียวดายพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“เช่นนั้นหรือ กระหม่อมคิดว่านั่นเป็นหน้าที่ของฝ่าพระบาทฮวางแทจานะพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

มินกุงที่ได้ฟังรูแฮพูดอย่างเด็ดเดี่ยวนั้น รู้สึกว่าตนกำลังถูกข่มอยู่ จึงพูดประโยคไม้ตายออกไป ไม่มีผู้ใดเอ่ยตอบคำนั้นออกมาได้เลย

 

 

ควรจะพูดอะไรออกไปดี ต่อหน้าพี่ชายของนางในตอนนี้ ควรจะบอกไปหรือไม่ว่านางได้รับการปฏิบัติเช่นไรจากพระสวามี หรือควรจะเปิดเผยว่าตนกับนางมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ไม่ได้ แม้ว่าตนจะรักนางยิ่งกว่าผู้ใด แต่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าความสัมพันธ์ของตนและนางนั้นไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่จะสามารถเปิดเผยต่อหน้าชายผู้นี้ ที่ตอนนี้กำลังตำหนิตนพร้อมกับโอบกอดนางไว้ข้างกาย เมื่อรูแฮก้มหน้าลงอย่างเศร้าสร้อย กโยซึลก็ถอยออกจากอ้อมกอดของมินกุง พร้อมกับพูดขึ้นว่า

 

 

“ท่านพี่ เสด็จกลับไปเถิดเพคะ”

 

 

ไม่เพียงแต่มินกุงที่ตกใจกับคำพูดนั้น รูแฮที่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับฮวากุกจากกโยซึลมามาก ย่อมรู้ดีว่าสำหรับกโยซึลแล้ว มินกุงเป็นพี่ชายที่สำคัญเพียงใด แต่นางกลับไล่เขากลับอย่างไม่ลังเล

 

 

“อู อูรึม…?”

 

 

“หม่อมฉันไม่ชอบที่ทรงเข้ามาแทรกแซงเรื่องที่หม่อมฉันจะสนิทสนมกับผู้ใด ตรัสว่าต้องไปวันนี้ใช่หรือไม่เพคะ เช่นนั้นก็ไปเสียตอนนี้เลยเพคะ”

 

 

กโยซึลเบ้ปากไม่พอใจ นางโกรธมินกุงที่พูดจาไม่ให้เกียรติรูแฮเป็นอย่างมาก และนางก็รู้ตัวดีว่าตนกำลังพูดอะไรออกไป ในตอนนี้ตาของนางจึงร้อนผ่าว

 

 

“รูแฮเป็นคนที่ทำให้หม่อมฉันรู้สึกอบอุ่นที่สุดในพระราชวังแห่งนี้ ไม่ว่าท่านพี่จะตรัสว่าอย่างไร หม่อมฉันก็จะสนิทสนมกับรูแฮต่อไปเพคะ”

 

 

“รู้สึกอบอุ่นมากที่สุดอย่างนั้นหรือ”

 

 

“เพคะ”

 

 

“ยิ่งกว่าองค์ฮวางแทจาอีกอย่างนั้นหรือ”

 

 

กโยซึลที่ชะงักกับคำพูดของมินกุงอยู่ครู่หนึ่ง กำหมัดแน่นแล้วหลับตาลง พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า

 

 

“เพคะ”

 

 

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ จากนั้นมือใหญ่ก็ลูบไปที่หัวของกโยซึลที่ตอนนี้ยังคงหลับตาอยู่

 

 

“เข้าใจแล้ว พี่เข้าใจแล้วว่าอูรึมมีความสุขจริงๆ แม้จะเป็นกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เมื่อได้รู้ถึงความเป็นอยู่ของอูรึมแล้ว พี่ก็ขอตัวกลับก่อน”

 

 

เมื่อกโยซึลลืมตาขึ้น นางก็เห็นใบหน้าของมินกุงที่ยิ้มให้ตนอยู่ ทว่าเป็นรอยยิ้มที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน และเมื่อมินกุงเดินไปยังประตูห้อง กโยซึลที่กระพริบตามองรอยยิ้มที่ดูเศร้าหมองอย่างไม่เข้าใจอยู่ พลันเดินตามไปกอดที่ด้านหลังของเขา

 

 

“แล้วพบกันอีกเพคะ”

 

 

“ได้สิ พี่จะพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อมาพบเจ้าให้ได้อีกครั้ง”

 

 

มินกุงเคาะไปที่มือของกโยซึลเบาๆ แล้วเดินไปที่ประตู แต่เมื่อเดินผ่านรูแฮ เขาก็กระซิบบางอย่าง เนื่องจากเป็นเสียงกระซิบที่เบามาก กโยซึลจึงไม่ได้ยิน รูแฮที่พอได้ยินก็มีสีหน้าตกใจ พร้อมกับมองไปที่มินกุง มินกุงนั้นไม่ได้หันกลับมามองแม้แต่น้อย เขาเดินออกไปตามทางเดินที่ทอดยาว กโยซึลที่ยืนเหม่ออยู่ในที่สุดก็หลั่งน้ำตาออกมา

 

 

ท่านพี่ไปเสียแล้ว

 

 

รูแฮที่เห็นว่ากโยซึลร้องไห้ออกมาเพราะพี่ชายของตนกลับไป ทั้งๆ ที่นางเป็นคนไล่ให้เขากลับไปแท้ๆ ก็ยกยิ้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเดินเข้าไปหานาง หลังจากนั้นกโยซึลก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของรูแฮ พร้อมกับปล่อยให้น้ำตาหลั่งไหลออกมา

 

 

“หากเสียใจถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงพูดเช่นนั้นกับพระเชษฐากัน”

 

 

“ฮึก ก็ท่านพี่…พูดจา…ไม่ดี…กับรูแฮ”

 

 

รูแฮเมื่อได้ฟังกโยซึลพยายามเปล่งเสียงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่คลอก้อนสะอื้น ใบหน้าของเขาก็ฉายแววมีความสุข หลังจากนั้นเขาก็กอดนางแน่นขึ้น รูแฮกอดร่างเล็กๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดตนแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พระองค์จะต้องทรงเข้าใจกโยซึลแน่ เอาไว้หนหน้าค่อยเจอกันใหม่ก็ได้”

 

 

แปะ แปะ รูแฮปลอบกโยซึลพร้อมกับนึกถึงคำพูดที่มินกุงพูดกับตนเมื่อครู่ ขณะที่กำลังเดินออกไป

 

 

‘หากทำให้น้องของข้าเสียใจ ข้าไม่ปล่อยท่านไว้แน่ โปรดทำให้อูรึมมีความสุขด้วย’

 

 

มินกุงนั้นมองความสัมพันธ์ของรูแฮกับกโยซึลออกอย่างชัดแจ้ง