บทที่ 255 “ฮวงฟูอี้งั้นเหรอ” เป็นไปได้ยังไง
ดูเหมือนว่าในท่ามกลางพวกเขาเธอจะระดับสูงที่สุด คนกลุ่มนี้ปกป้องเธอราวกับเป็นสมบัติของชาติ
มู่หรงเสวี่ยแทบจะหลุดหัวเราะออกมากับคนตรงหน้าเขาและสลับไปอยู่ตรงหน้าทุกคนแทน พร้อมมองไปที่ร่างใหญ่ที่กำลังวิ่งมาเบื้องหน้าเขา มู่หรงเสวี่ยเห็นรอยยิ้มในสายตาเขา แม้แต่เสี่ยวไป๋เองก็ยังมองไปที่เขาด้วย แล้วก็หาวและหลับไปในอ้อมแขนของมู่หรงเสวี่ยต่อ
“มู่เทียน เราอยู่นี่แล้ว พร้อมที่จะลุยแล้ว!” หลินหนานมายืนอยู่ข้างๆมู่เทียนอีกครั้ง
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นี่คือเพื่อนกันจริงๆ!!!
เจ้าอสูรสายฟ้าพุ่งเข้ามาหาราวกับลูกบอลสายฟ้า อย่างไรก็ตามมันมองมู่หรงเสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างหลังหลินหนานด้วยสายตาคมเข้ม มันหยุดชะงักทันทีและเกือบที่จะสำลักจนตายด้วยซ้ำ
“โอ้! เจ้าหนูสายฟ้า” มู่หรงเสวี่ยกล่าวทักทาย
เจ้าอสูรสายฟ้ามองมาที่มู่หรงด้วยความรังเกียจแล้วจึงพูดออกมา “เป็นเจ้า เป็นเจ้าได้ยังไง?!!”
มู่หรงเสวี่ยเดินอ้อมหลินหนานไปอยู่เบื้องหน้าเจ้าอสูรสายฟ้า เงยหัวขึ้น แต่ก็ยังมองไม่เห็นหัวของเจ้าอสูรสายฟ้าอยู่ดี และพูดออกมาว่า “สูงเกินไป ก้มลงมาหน่อยสิ แบบนี้ไม่สุภาพเลยนะ ข้อร้องล่ะ เห็นว่าคนข้างหลังฉันเป็นพวกโง่หรือไง?! ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหน เราก็ต้องให้เกียรติความสามารถของคนอื่นด้วย”
มือของเฟิงจือหลิงที่ถือดาบอยู่ถึงกับสั่น ส่วนเฟิงจือหลินถึงกับต้องขยี้ตาตัวเองราวกับว่ากำลังเห็นภาพลวงตาอยู่
ถึงแม้หลินหนานจะอยู่ในท่าที่เตรียมพร้อมที่จะลุยแล้ว แต่พวกเขาก็เกือบจะต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
ดูเหมือนว่าถนนแห่งความแปลกใหม่ของพวกเขาจะยังไม่จบสิ้นและไม่รู้ว่าจุดจบจะอยู่ตรงไหนด้วย
เจ้าอสูรสายฟ้าพ่นลมหายใจแต่มันก็พับขาและนั่งลง
มู่หรงเสวี่ยลูบไปที่หัวมันและถามออกไปว่า “พวกนี้เป็นฝีมือของเจ้างั้นเหรอ? มันน่าเกลียดเกินไปนะ…” เธอมองไปรอบๆด้วยความรังเกียจ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เจ้าอสูรสายฟ้าตื่นเต้นและเงยหน้าขึ้นทันที เพื่อที่อยากจะแสดงออกถึงความตื่นเต้น
“ก้มลง มันสูงเกินไป!” มู่หรงเสวี่ยพูด
หลังจากที่เจ้าอสูรหมอบลง มันก็พูดออกมาอย่างตื่นเต้น “ข้าจะบอกอะไรให้นะ หัวหน้าของเรากำลังจะออกมาแล้ว…”
เมื่อเจ้าอสูรสายฟ้าพูดออกมามันราวกับมีลมกระโชกแรง มู่หรงเสวี่ยยืนท้าลมที่เสียงดัง เผชิญหน้ากับเจ้าอสูรสายฟ้าอยู่ตรงเท้ามัน “บ้าจริง เจ้าอยู่ใกล้ข้ามากเกินไปแล้ว!”
พร้อมกันนั้นกลุ่มคนที่เบื้องหลังเธอก็ตัวสั่นและมองอย่างระวังไปที่เจ้าอสูรสายฟ้าร่างยักษ์ ในเวลาเดียวกันนั้นหัวใจก็แวบความคิด: มู่เทียนเป็นใครกันเนี่ย!
“บ้าเอ๊ย นี่ตั้งใจฟังที่ข้าพูดบ้างหรือเปล่า” เจ้าอสูรสายฟ้าร่างยักษ์คำรามออกมาทันที
“เจ้าทำผมข้ายุ่งไปหมดแล้วนะ เจ้าต้องชดใช้เลย! ต้องชดใช้มาเลย” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมเอามือสางผมที่ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว
บ้าเอ๊ย นี่ไม่ใช่ประเด็นเลย เรื่องผมนี่ไม่ใช่ประเด็นเลย โอเคไหมเนี่ย?!!!
มู่หรงเสวี่ยเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้เจ้าอสูรสายฟ้าถึงกับพูดไม่ออกได้
แล้วจู่ๆบรรยากาศก็เงียบสงัด
มู่หรงเสวี่ยแตะไปที่เจ้าอสูรสายฟ้า “โอ๊ย! ล้อเล่นน่า ก็เจ้าเอาแต่พูดเรื่อง…”
เมื่อเจ้าอสูรสายฟ้าส่ายหัว กรงเล็บขนาดใหญ่ของมันตะปบไปที่พื้นดินจนเป็นร่องลึก หลังจากที่พยายามอดกลั้นเพื่อที่จะไม่โยนมู่หรงเสวี่ยให้กระเด็น
“ข้าบอกว่าหัวหน้าของข้ากำลังจะออกมาแล้ว…” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เจ้าอสูรสายฟ้าก็ตื่นเต้นและอยากที่จะคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า
“แล้วยังไง มันเกี่ยวอะไรกับการที่เจ้าต้องทำร้ายคนพวกนี้ด้วยงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“อืม! ไอ้พวกขยะไร้ความสามารถพวกนี้กล้าที่จะมารบกวนหัวหน้าของข้า ถ้าไม่รนหาที่ตายแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ?! นานมากแล้วที่ไม่มีใครเข้ามาที่นี่ ปกติแล้วแค่มดสักตัวยังเรียกว่าหาได้ยากเลย!” เจ้าอสูรสายฟ้ามองไปที่มู่หรงเสวี่ยอีกครั้ง ตอนแรกมันอยากที่จะฆ่าเธอแต่สุดท้ายแล้วก็เปลี่ยนเป็นเพื่อนแทน
จนสุดท้ายมู่หรงก็กลับมาเป็นปกติ พร้อมถามออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง “ใครคือหัวหน้าของเจ้า?! ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย?”
นอกจากนี้เธอเองก็ปลุกเสี่ยวไป๋ที่กำลังหลับอยู่ขึ้นมาด้วย เจ้านี่นิสัยเหมือนหมูจริงๆเลย นอกจากกินแล้วก็มีแต่นอน
“มีอะไรเนี่ย?! ข้ายังนอนไม่พอเลยนะ” เสี่ยวไป๋พลิกตัวกลับมาและอยากที่จะนอนต่ออีก
มู่หรงเสวี่ยทนไม่ไหวจนต้องโยนเสี่ยวไป๋ไปในทิศทางของเจ้าอสูรสายฟ้า
“บ้าเอ๊ย!!! มู่เทียน ไอ้ลูกหมาเอ๊ย!!! ข้าทำผิดอะไรเนี่ย…” เสี่ยวไป๋ที่กลิ้งลงมาจากเจ้าอสูรสายฟ้าคำรามออกมาเสียงดัง
เจ้าอสูรสายฟ้าที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย มันถูกปาของใส่ทั้งๆที่ยังหมอบอยู่ ทำไมต้องปามาใส่มันด้วยล่ะ? ถึงแม้ผิวของมันจะหนาและด้านแต่มันก็ยังเจ็บเป็น โอเคไหม?
“หัวหน้าของเราเป็นคนดีมากๆเลยนะ!!! แต่ข้าไม่บอกเจ้าหรอกว่าเขาเป็นใคร…โลกกำลังจะเปลี่ยนเพราะหัวหน้าของเรา ฮ่าฮ่าฮ่า” เจ้าอสูรสายฟ้าเงยหน้าหัวเราะ
มู่หรงเสวี่ยอุ้มเสี่ยวไป๋ขึ้นมาและถาม “เจ้าอยู่ที่นี่มานาน รู้หรือเปล่าว่าเจ้านั่นเป็นคนยังไง?”
สีหน้าของเสี่ยวไป๋กลายเป็นจริงจังและพูดกบตัวเอง “ตราประทับถูกปิดอยู่ไม่ใช่หรือไงนะ?”
“ปิดอะไร?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“ไปดูกันเถอะ มันอยู่ทางนี้เอง” เสี่ยวไป๋ชี้ไปในทิศทาง
มู่หรงเสวี่ยหันไปหาคนอื่นๆที่ยังอยู่ในท่านิ่งอึ้งราวกับรูปปั้นแล้วพูดออกไปว่า “ตามมาเถอะ!”
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้สติและเดิมตามมา
เจ้าอสูรสายฟ้าหัวเราะอยู่นานและเมื่อเห็นว่าร่างของมู่หรงเสวี่ยหายไปแล้ว มันก็ร้องคำรามตามหลังมา “นี่เจ้า! อย่าคิดว่าเราสนิทกัน แล้วเจ้าจะมารบกวนหัวหน้าของข้าได้นะ นี่! ได้ยินที่ข้าพูดหรือเปล่าเนี่ย…” เจ้าอสูรสายฟ้าร้องขณะที่เดินตามมาด้วย
ในระหว่างทาง ก็ยังมีผู้ฝึกตนบางคนที่คิดว่ากลุ่มคนพวกนี้ช่างโชคร้ายที่ถูกเจ้าอสูรแห่งจิตวิญญาณระดับสูงตามล่า พวกเขาจึงเฝ้ามองอย่างระวัง
เบื้องหน้าคือหลุมขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงออกมาจากพื้น มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆยืนอยู่หน้าหลุมและมองลงไปแต่ก็มองไม่เห็นที่ก้นของหลุม หลุมนี่มันลึกแค่ไหนกันนะ
หลินหนานหยิบก้อนหินที่อยู่ข้างๆขึ้นมาและโยนลงไป
อย่างไรก็ตามครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ยังไม่มีเสียงอะไรดังกลับมา
ปกเสื้อที่ด้านหลังของมู่หรงเสวี่ยถูกดึงขึ้น วินาทีต่อมาคนที่เหลือก็รีบดึงอาวุธออกมาทันที เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นเจ้าอสูรสายฟ้าตัวเดิม
“เสี่ยวเล่ย ข้าให้เวลาเจ้าสามวินาทีเพื่อวางข้าลง ไม่งั้นเจ้าต้องได้รับผลกรรมแน่ๆ!” มู่หรงเสวี่ยกำลังลอยอยู่ในอากาศ
“รีบไปจากที่นี่ซะ ถ้าหัวหน้าของข้าตื่นขึ้นมา พวกเจ้าทุกคนจะไม่รอดไปจากที่นี่…” เจ้าอสูรสายฟ้าวางมู่หรงเสวี่ยลงและพูดออกมาอย่างจริงจัง
“จริงจังขนาดนั้นเลยเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วพร้อมทั้งพยักหน้า “รีบไปจากที่นี่กันเถอะ…”
“งั้นก็ไปกันเถอะ!” ถ้าขนาดเสี่ยวไป๋ยังเห็นด้วย งั้นเดาว่าผลมันก็คงจะจริงจังมากๆ
ทันทีที่ทุกคนกำลังจะออกเดินทาง
จู่ๆก็มีการเปลี่ยนแปลง
ปากถ้ำเต็มไปด้วยแสง!
มู่หรงเสวี่ยถูกแรงดึงเข้าไป วินาทีต่อมามูหรงเสวี่ยก็ตกลงไปในปากถ้ำจนคนอื่นๆไม่มีเวลาทันได้ขยับตัว
“มู่เทียน!” พวกเขาร้องออกมาในทันที
ทันทีที่สีหน้าของเสี่ยวไป๋เปลี่ยน มันก็กระโดดตามลงไปทันที
“ปัง!”
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ตกลงไปในหลุม แต่ตกลงไปที่บาร์เรียใสที่ปิดอยู่ปากหลุม พวกเขารีบวิ่งเข้าไปทันทีแต่ก็พบว่าหลุมถูกปิดไปแล้ว เหลือเพียงพื้นเรียบๆเท่านั้น!
“บ้าเอ๊ย!” เสี่ยวไป๋ลุกขึ้นและพ่นพลังแห่งจิตวิญญาณไปที่ปากถ้ำ!!!
คนอื่นเองก็รีบใช้พลังของตัวเองเพื่อโจมตีบาร์เรียเช่นกันแต่บาร์เรียก็ไม่ขยับเลย ไม่มีแม้รอยขีดข่วน
“หยุดเถอะ! อย่ารบกวนหัวหน้าของข้า” เจ้าอสูรสายฟ้าเหวี่ยงหางของมันจนคนที่เหลือกระเด็นล้มลงไปหมดแต่เพราะมันควบคุมพลังได้อย่างดีจึงไม่ได้ทำให้ใครต้องบาดเจ็บ
ดวงตาของเสี่ยวไป๋แดงระเรื่อ “พูดมาว่าเขาต้องการอะไร?” เสี่ยวไป๋พูดออกไป แน่นอนว่าหมายถึงคนที่เจ้าอสูรสายฟ้าที่นอนอยู่หน้าปากถ้ำเรียกว่าหัวหน้า
เจ้าอสูรสายฟ้าเองก็มีสีหน้าสับสนและพึมพำออกมาว่า “ข้าก็ไม่รู้…”
“เขาเป็นหัวหน้าของเจ้าไม่ใช่เหรอ?! แล้วเจ้าจะไม่รู้ได้ยังไงกัน…” เสี่ยวไป๋พูดอย่างไม่พอใจ
“ข้าไม่รู้ ก็แค่ไม่รู้ไง…ข้าแค่รู้สึกว่าหัวหน้ากำลังจะตื่นขึ้นมา แต่ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าหัวหน้าจะทำอะไรตอนไหน แต่อย่าเสียงมัวเสียแรงเลย ต่อให้มีอีก 100 ชีวิต เจ้าก็ทำลายถ้ำของท่านหัวหน้าไม่ได้หรอก…” แต่มันไม่ได้พูดเรื่องความรู้สึกแปลกๆ ที่นี่มีคนอยู่ตั้งมากมายแต่มีเพียงคนเดียวที่ลงไปได้
หัวหน้าไม่ได้ดูโกรธเกรี้ยวอะไร
เสี่ยวไป๋นั่งคอตกอยู่ที่พื้น หลินหนานลุกขึ้นมาอีกครั้ง ปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดของร่างกายเข้าจู่โจมบาร์เรีย “มู่เทียน!”
คนอื่นๆก็ยังไม่อยากที่จะตายเหมือนกัน
เจ้าอสูรสายฟ้าไม่สนใจที่จะร้องห้ามพวกเขา ยังไงซะพวกนี้ก็เป็นคนเด็กอ่อนหัด ถ้ามันไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนของมู่หรงเสวี่ย มันก็คงจะฆ่าพวกเขาไปหมดแล้ว
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกได้ถึงพลังอ่อนโยนที่กำลังกอดร่างของเธอไว้ขณะที่ร่วงลงมา ในความมืดเธอมองไม่เห็นอะไรรอบๆตัวเธอเลย เธอตกลงมานานมากแต่ก็ยังไม่ถึงก้นต่ำเลย เธอมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดเลย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนกว่าที่มู่หรงเสวี่ยจะได้เห็นลำแสง เธอค่อยๆถูกดึงลงมาที่พื้น
มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้นและมองไปรอบๆ รอบๆถ้ำเต็มไปด้วยหินแห่งจิตวิญญาณที่มีสีสันมากมายซึ่งดูแล้วน่าเวียนหัวจริงๆ รอบๆถ้ำเต็มไปด้วยเส้นสายแปลกๆ เมื่อมองไปตามทิศทางของเส้นพวกนั้น เธอก็เจอเข้ากับหินคริสตัลขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่กึ่งกลาง
มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไป แล้วก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังลืมตาขึ้นมาอย่างแปลกๆซึ่งนอนอยู่กึ่งกลางของคริสตัล เขาคือฮวงฟูอี้
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?!!!
น้ำตาของมู่หรงเสวี่ยไหลลงมาอาบแก้มทันทีและตกลงไปที่ “ฮวงฟูอี้” ที่อยู่ในกึ่งกลางของคริสตัล
คิ้วของ “ฮวงฟูอี้” สั่นเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยค่อยๆลืมตาขึ้น