บทที่ 256 เป็นจักรพรรดิ ไม่ใช่ฮวงฟูอี้

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 256 เป็นจักรพรรดิ ไม่ใช่ฮวงฟูอี้

เขาพยุงตัวเองลุกขึ้นด้วยมือข้างหนึ่ง สายตาแวบประกายแห่งความสับสน ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบราวกับมีเวทมนตร์เปล่งประกายแสงสดใสและผมสีเงินของเขาก็ไหลปรกลงมา

มู่หรงเสวี่ยห้ามตัวเองไม่ไหวอีกแล้วและพุ่งตัวเองเข้าหาฮวงฟูอี้ทันที “อี้ ฉันคิดถึงนายเหลือเกิน…หื้อหื้อ…”

ประกายเย็นชาแวบเข้ามาในสายตาของชายหนุ่มและมู่หรงก็ถูกผลักไปด้านข้างทันที แล้วมือบางของชายหนุ่มก็คว้าเข้าที่คอของมู่หรง “มู่เหลาหยู่!”

ด้วยมือที่แข็งแรง มู่หรงเสวี่ยรู้สึกแทบจะหายใจไม่ออกและน้ำตาก็ไหลออกมาจากที่หางตา ชั่วขณะหนึ่งเธอไม่อยากที่จะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น มือของเธอจับไปที่มือเขาแต่ความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันทำให้เธอถึงกับต้องขัดขืน มันเหมือนมดที่พยายามจะเขย่าขาของช้างเลย

“อี้…อืม…”

การขัดขืนของเธอค่อยๆอ่อนแรงลงเรื่อยๆ มือเธอเองก็เริ่มจะหมดเรี่ยวแรงและใบหน้าก็เร่มจะเป็นสีม่วงแล้วด้วย

ในสายตาที่เย็นชาของเขาเธอเห็นเพียงความเกลียดชัง ชั่ววินาทีสุดท้ายเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากัน

ในจังหวะที่มู่หรงเสวี่ยสลบไป ชายหนุ่มรีบปล่อยมือทันทีและเห็นรอยนิ้วแดงๆปรากฏอยู่ที่รอบคอของเธอ ใบหน้าที่เย็นชาของเขาแวบประกายกระวนกระวายใจขึ้นมาเล็กน้อยแต่แล้วก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน

เมื่อกี้เขายังดูเย็นชาและแข็งกระด้าง แต่ตอนนี้กลับอ่อนโยนราวกับคนละคน

มู่เหลาหยู่!!!

มือที่เรียวยาวของเขาแตะไปที่ใบหน้าของเธอ ใบหน้าเดียวกันแต่ดูมีเสน่ห์น้อยกว่าแต่ก่อน เพียงเขาโบกมือแค่ครั้งเดียว มู่หรงก็เผยร่างที่เป็นผู้หญิงออกมาทันที

เป็นเธอได้ยังไง?!!

เขาเป็นจักรพรรดิของโลกนี้และเป็นเทพเจ้าแห่งอาณาจักรของเธอ

คำสัญญาในอดีตยังชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ในวินาทีสุดท้าย การทรยศของเธอทำให้เขาราวกับตกนรกและผมสีดำขลับของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวดั่งหิมะแทบจะในทันที

เขากำไปที่คอของเธออีกครั้งและตราบใดที่เขาบีบมันแน่นขึ้นเธอก็อาจจะหายไป

หายไปงั้นเหรอ?!!!

มือที่กำอยู่ทั้งคลายและบีบแน่น ความเกลียดชังในสายตายังไม่เปลี่ยนแต่ทำไมมือถึงได้ยอมเชื่อฟัง

เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในท่าเดิมแบบนี้นานแค่ไหนแล้ว

มู่หรงเสวี่ยค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ใบหน้าของเขายังเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

น้ำเสียงยังคงแหบเล็กน้อยจากความเจ็บที่คอ

“อี้…” เธอยื่นมือออกไปแตะที่ใบหน้าของเขาและสายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง

เมื่อถูกจ้องด้วยสายตาแบบนี้ สีหน้าของจักรพรรดิดั่งกับพายุที่กำลังก่อตัวกายเป็นบิดเบี้ยวขึ้นมาเล็กน้อย

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกปวดใจอย่างหาที่ใดเปรียบขึ้นมาทันที เธอกอดเขาแน่น “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันก็ยังรักนาย”

พายุจางหายไปในทันทีและสายลมเย็นๆก็พัดผ่าน เสียงเย็นชาดังขึ้นที่ข้างหูเธอ “จำสิ่งที่เจ้าพูดไว้นะ! แล้วครั้งหน้าล่ะ?” เขาพูดออกมา

มู่หรงเสวี่ยตัวสั่นและรู้สึกว่าฮวงฟูอี้ต่างจากเดิมไปเล็กน้อย เธอยังนั่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา ปล่อยมือออกและเงยหน้ามองไปที่เขา สิ่งที่สะดุดสายตาของเธอคือผมยาวสีขาวของเขา ดวงตาเธอเบิกกว้างอย่างไม่อยากที่จะเชื่อ เธอค่อยๆแตะไปที่ผมยาวของเขาพร้อมเสียงพูดสั่นๆ

“อี้ ผมของนาย…เป็นไปได้ยัง…”

“เรียกข้าว่าจักรพรรดิ…” แต่ก็ยังไม่ตอบคำถามของเธอ

“จักรพรรดิงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยตะลึง

“ใช่!” น้ำเสียงยังคงเย็นชา

หลังจากความตื่นเต้นที่ได้เจอคนที่เหมือนกันราวกับแกะ สุดท้ายเธอก็เห็นแล้วว่านี่มันไม่ใช่

เธอลุกขึ้นยืนด้วยเท้าตัวเอง แล้วก็ได้เห็นว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเธอสวมผ้าคลุมสีขาวและเสื้อที่หน้าอกก็เปิดออกเผยให้เห็นผิวที่ขาวผ่องราวกับคริสตัลและมือที่เรียวยาวก็ดูเหมือนกัน อย่างไรก็ตามเล็บเขาเป็นสีดำและผมก็ต่างกัน ผมยาวสีขาวถูกปล่อยยาวลงมาจนถึงเท้าที่เปลือยเปล่า

“อี้เหรอ?” มู่หรงเสวี่ยเอ่ยถามด้วยความระวังอย่างที่สุด

“จักรพรรดิ!” เขาชำเลืองมองเธอ

มู่หรงเสวี่ยพูดออกไปพร้อมสีหน้า “นายไม่ต้องพูดแล้ว เข้าใจชัดแล้ว” ตอนแรกเธอตื่นเต้นมาที่เห็นคนที่หน้าเหมือนกันอย่างกับแกะจนมองไม่เห็นความแตกต่างไป

ทันใดนั้นจักรพรรดิก็ดึงมือเธอจนเธอล้มเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเขาอีก สายตาที่เย็นชาบนจ้องตรงมาที่ดวงตาน่ารักของเธอ “ใครคืออี้?” อีกครั้งที่มือเรียวยาวของเขาจับอยู่ที่รอบคอเธอราวกับว่าถ้าคำตอบที่ได้ฟังไม่น่าพอใจ เขาก็พร้อมที่จะหักคอเธอ

มู่หรงเสวี่ยขัดขืน เมื่อเธอขัดขืนต่อไปไม่ได้อีกก็รู้สึกอยากที่จะใช้พลังแห่งจิตวิญญาณแต่ก็พบว่าเธอดึงมันออกมาใช้ไม่ได้เลยสักนิด มันดูเหมือนว่าเธอถูกขังอยู่อย่างไงอย่างงั้นเลย

“เจ้า ปล่อยข้านะ!”

จักรพรรดิกำมือแน่นขึ้น “พูดว่า! ใครคืออี้?”

“ใช่…”

ดวงตาของจักรพรรดิแวบประกายอาฆาตและมือเขาก็เริ่มที่จะบีบแรงขึ้นไปอีก “ข้าสั่งว่าให้จำสิ่งที่เจ้าพูดไว้ไง! เจ้าบอกว่าเจ้ารักข้า”

มู่หรงเสวี่ยเจ็บเกินกว่าที่จะพูดได้

หลังจากนั้นสักพักจักรพรรดิก็ปล่อยมือและพูดออกมาว่า “เจ้ารักข้า!”

“แค็กๆ…” มู่หรงเสวี่ยยังไม่ทันได้สงบใจ เธอเพิ่งจะหายจากอาการไอ

จักรพรรดิจับที่ไหล่เธอ บังคับให้เธอเผชิญหน้ากับเขาและพูดออกมาอย่างเย็นชา “พูดออกมาสิว่าเจ้ารักข้า!”

หัวใจของมู่หรงเสวี่ยรู้สึกราวกับมีเข็มมาทิ่มแทง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่คนเดียวกัน อย่างไรก็ตามเธอก็ยังรู้สีกปวดใจเพราะเขาอยู่ดี เธอพูดสิ่งที่เธอไม่รู้สึกไม่ได้ วิญญาณเธอราวกับถูกโซตรวนผูกไว้

“ข้า…” น้ำตาของมู่หรงเสวี่ยไหลออกมาในทันที ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไมและความเศร้าอย่างหนักหน่วงก็กระจายไปทั่วหัวใจของเธอ

ไม่ นี่ดูเหมือนไม่ใช่ความรู้สึกของเธอ

“เหลาหยู่…” จักรพรรดิพึมพำเสียงต่ำ

มู่หรงเสวี่ยผลักเขาออกห่าง “ข้าไม่ใช่เหลาหยู่…” แต่ทำไมหัวใจถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้ล่ะ? มันเจ็บปวดมากกว่าเดิมอีกเมื่อได้ยินชื่อของเหลาหยู่

“สักวันเจ้าจะจำได้ เหลาหยู่ของข้า แล้ว… แล้วข้าจะฆ่าเจ้า” เขาเป็นคนเดียวที่ยังจำได้ได้ยังไง

จักรพรรดิลุกขึ้นและพูดออกมา “ไปซะ!” เขาอยู่ที่นี่มานานมากจนเขาเกือบที่จะผุพังไปพร้อมกับโลกนี้แล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะความเกลียดชังในหัวใจ เขาก็อาจจะหายไปพร้อมกับสายลมแล้ว

หลังจากที่รออยู่นาน เขาเพียงแค่ต้องการคำตอบ

ไม่สำคัญหรอก เขารอคอยมานานหลายปีเหลือเกิน เขาไม่รังเกียจที่จะรอให้เธอจำได้

เธอจะจำว่าเกิดอะไรขึ้นได้งั้นเหรอ?! เธออยากที่จะถามแต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกกลัวและไม่อยากที่จะฟังคำตอบ “เจ้าจะไปไหน?” เธอเห็นว่าตัวเองกลับคืนร่างมาเป็นผู้หญิงและจ้องมองไปที่แหวนและกลับมาเป็นผู้ชายอีกครั้ง

“ออกไปจากที่นี่ซะ!” จักรพรรดิพูดเสียงเบา

“รอเดี๋ยวสิ!” มู่หรงเสวี่ยพูด

จักรพรรดิมองมาที่เธอ

“ข้าขอเอาหินแห่งจิตวิญญาณพวกนี้ไปด้วยได้ไหม?” มู่หรงเสวี่ยถาม มีสมบัติล้ำค่ามากมายที่ไม่อยากให้เสียเปล่า ตอนนี้เธอกลายเป็นคนจนแล้ว

“อยากได้อะไรก็เอาไป!”

มู่หรงรีบเก็บหินแห่งจิตวิญญาณใส่ไปในมิติลับทันที อารมณ์ของเธอเปลี่ยนไปมาก เหลาหยู่ไม่เคยสนใจของพวกนี้เลย เมื่อเขานึกถึงสายตายที่เย็นชา หัวใจของเขาก็เจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง เขาแวบประกายเย็นชาในสายตา เขาไม่ได้รีบเร่งอะไร เขาอยากให้เธอฟื้นความทรงจำและฆ่าเธออีกครั้ง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง

หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยเก็บหินแห่งจิตวิญญาณเสร็จก็เดินเข้าไปที่จักรพรรดิ “โอเคแล้ว!” แต่สายตากลับไม่ได้มองที่ใบหน้าของเขา

เธอไม่อยากที่จะเห็นใบหน้าที่เหมือนกันนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกฮวงฟูอี้มากขึ้นไปอีก

จักรพรรดิเห็นความเศร้าในสายตาของเธอจึงคว้ามือเธอมาอย่างแรง

“โอ๊ย!” มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความเจ็บ แล้วเธอก็รู้สึกได้ถึงแรงบีบที่มือเธอที่เริ่มคลายลง เธอไม่รู้ว่าทำไม เธอรู้สึกว่าดูเหมือนจักรพรรดิจะเกลียดเธออย่างมาก เขามักจะมองเธอด้วยสายตาอาฆาตราวกับอยากที่จะฆ่าเธอตลอด เขาเคยลองพยายามที่จะฆ่าเธอแล้วสองครั้งแต่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด เธอไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าเขาจะไม่ฆ่าเธอ

ไม่นานจักรพรรดิก็ดึงมือเธอและทะยานขึ้นไปในอากาศ ไม่นานเขาก็มาถึงที่ปากทางเข้าถ้ำ แสงอาทิตย์ที่หายไปนานทำให้สายตาของมู่หรงเสวี่ยรู้สึกเจ็บและต้องใช้เวลานานกว่าที่จะหาย

“มู่เทียน!”

แทบจะในทันทีที่พวกเขาโผล่ขึ้นมา หลินหนานและคนอื่นๆก็รีบล้อมเข้ามาทันที เสี่ยวไป๋รีบกระโดดเข้ามาในอ้อมแขนมู่หรงเสวี่ย ก่อนที่มันจะตกลงมาในอ้อมแขน มันก็ถูกมือเรียวยาวที่อยู่ข้างๆมู่หรงเสวี่ยผลักออกจนกระเด็นออกไป

มู่หรงเสวี่ยตกใจอยากที่จะรีบวิ่งเข้าไปดูมันแต่ก็ถูกมือหนึ่งคว้าไว้แน่น

“ปล่อยนะ ข้าจะไปดูเสี่ยวไป๋!”ไม่มีใครรู้ดีเท่าเธอว่าผู้ชายที่อยู่ข้างๆเธอเลวร้ยมากแค่ไหน การฝึกตนในระดับสีม่วงของเธอดูเปล่าประโยชน์ไปเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เมื่อกี้เสี่ยวไป๋ถูกเขาทำร้าย เธอกลัวว่าเสี่ยวไป๋จะเป็นอะไร

จักรพรรดิบีบมือเธอแรงขึ้นไปอีก สีหน้าของเขาเย็นชา “มันไม่เป็นไร!”

แม้แต่หลังจากที่เขาชำเลืองตามองไปที่หลินหนานและคนอื่น พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะขยับเข้ามาใกล้มู่หรงเสวี่ยได้เลย ชายคนนี้ร้ายกาจจริงๆ

ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นน้ำวนสีดำก็ปรากฏขึ้นมาเหนือปากเข้าถ้ำ

“เจ้าไม่ควรที่จะฟื้นขึ้นมา…”

จากหลุมดำมีเสียงดังก้องดังขึ้นมา ราวกับว่าทั้งโลกต้องสั่นสะเทือนเพราะเสียงนี้

สายตาของจักรพรรดิจ้องไปที่น้ำวนทันที เขารีบปล่อยมือมู่หรงเสวี่ยทันทีและพูดออกมาอย่างเย็นชา “ข้าจะกลับมา จำไว้ ทันทีที่เป็นไปได้ ไม่งั้น…”

ทันใดนั้นเขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและหลุมดำนั่นก็เหมือนจะเปิดรับเขา หลังจากนั้นสักพักหลุมดำก็หายไปทันทีเมื่อร่างของเขาหายไป ขาของมู่หรงเสวี่ยอ่อนยวบและทรุดลงไปที่พื้นทันที

เสี่ยวไป๋พลิกตัวและรีบวิ่งมาทันที “เป็นอะไรหรือเปล่า?” สีหน้าของเสี่ยวไป๋ไม่สู่ดีเท่าไร ไม่คิดเลยว่าเขาจะเปิดผนึกและปรากฏกายออกมา เขากลัวว่าโลกจะต้องเปลี่ยนไป พายุที่หายไปหลายปีจะกลับมาอีกครั้ง

“ข้าไม่เป็นไร…” มู่หรงเสวี่ยส่ายหัว แต่ที่มือขวาของเธอกำแน่นไปที่หน้าอก สีหน้าของเธอซีดเผือดพร้อมกัดริมฝีปากล่าง

หัวใจของเธอเจ็บปวดอย่างมากตั้งแต่ที่ได้เห็นหน้าเขา ความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมันหยุดไม่ได้

เสี่ยวไป๋มองไปที่เธอด้วยสายตาซับซ้อน ตอนแรกมันรู้สึกเพียงแค่ว่ามู่หรงเสวี่ยดูคุ้นตาแต่ไม่คิดเลยว่าเธอคนนั้นจะเป็นเธอ ทุกอย่างคือโชคชะตา ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ยังหนีจากโชคชะตาไม่พ้น

หลินหนานพยุงมู่เทียนขึ้นมาและพูดออกมา “มู่เทียน เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?! เจ้าดูซีดๆนะ!” เขาถามด้วยความเป็นห่วง

หลังจากที่ลุกขึ้น มู่หรงเสวี่ยก็เผยรอยยิ้มซีดเผือดให้กับทุกคน “ข้าไม่เป็นไร ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะ…”

อันที่จริงหลินหนานและคนอื่นๆต่างก็ดูไม่ดีเท่าไร ดวงตาดำคล้ำและใบหน้าก็ดูแห้งเหี่ยว

“ตราบใดที่เจ้าไม่เป็นไร!”

“ข้ากลัวแทบตาย…”

ดวงตาของหวู่เสี่ยวเหมยบวมแดง

มู่หรงรู้สึกอบอุ่นหัวใจ จนสุดท้ายหน้าก็ค่อยๆเริ่มมีสีสันขึ้นมา “ข้าไม่เป็นไรจริงๆ มาหาที่นั่งพักกันก่อนเถอะ” เธอเห็นว่าทุกคนต่างก็แทบจะหมดเรี่ยวแรงแล้ว

“หื้อ หื้อ หื้อ…นายท่าน…” เสียงร้องไห้แปลกๆ

“บ้าเอ๊ย เจ้าร้องไห้เรื่องอะไรเนี่ย? หัวหน้าของเจ้าไม่เป็นไรหรอกโอเคไหม” เสี่ยวไป๋มองอย่างอดกลั้นไปที่เจ้าอสูรสายฟ้าที่อยู่อีกข้างแล้วพูดออกมา

“สะอื้น นายท่านจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ…” เจ้าอสูรสายฟ้าร้องไห้โฮ

ไม่รู้ว่าท่าทางของเจ้าอสูรสายฟ้าหรือเปล่าที่ทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย

เป็นเรื่องยากที่จะยิ้มออกมาได้

พวกเขาไม่ได้สนใจเจ้าอสูรสายฟ้าแต่ในหัวใจกลับหวนนึกถึงความน่ากลัวของชายหนุ่ม พร้อมกันนั้นพวกเขาก็ได้เปิดโลกใหม่เรื่องวิถีแห่งผู้ที่แข็งแกร่ง

หัวใจของมู่หรงเสวี่ยสับสนไปหมด เธอจะสงบหัวใจที่พลุ่งพล่านนี้ได้ยังไง? เสี่ยวไป๋เองก็เงียบแปลกๆด้วยเหมือนกัน คนอื่นๆก็ดูเหมือนจะเหนื่อยกันมากด้วย หลังจากที่ได้เห็นว่ามู่เทียนปลอดภัย พวกเขาต่างก็เริ่มที่จะพักผ่อน

นี่ดูเหมือนจะเป็นแค่ส่วนเล็กๆแต่มันก็ทำให้มู่หรงเสวี่ยได้หวนคิดถึงประสบการณ์ทั้งหมดของตัวเอง รวมทั้งเรื่องโชคชะตาที่ท่านอาจารย์บอกเธอด้วย ตอนแรกเธอไม่ได้สนใจเรื่องโชคชะตาของตัวเองแต่หลังจากที่ได้เจอจักรพรรดิ เธอต้องกลับมาคิดเรื่องนี้ใหม่รวมทั้งเรื่องฮวงฟูอี้ด้วย สุดท้ายเธอก็ไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องสถานการณ์แปลกๆของตัวเอง

ตั้งแต่ที่ได้กลับมาเกิดใหม่ เธอได้มิติลับมาครอบครอง ได้ติดต่อกับผู้ฝึกตนและถึงขนาดข้ามมาอีกโลกหนึ่งและตกหลุมรักฮวงฟูอี้ เรื่องทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันแต่พวกมันกลับเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด